เอเจนซีส์ – กองกำลังความมั่นคงของเคนยา เมื่อวันพฤหัสบดี (17 ม.ค.) ส่งสุนัขนักดมกลิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด กลับเข้าไปค้นหาระเบิดที่อาจหลงเหลืออยู่ของพวกสุดโต่งอัล-ชาบับ ซึ่งเข้าโจมตีอาคารสำนักงานและโรงแรมหรู “ดุสิตดี2” ในกรุงไนโรบี ที่มีผู้เสียชีวิตไป 21 คนบวกกับพวกคนร้ายอีก 5 คน ด้านกลุ่มก่อการร้ายจากโซมาเลียประกาศว่า ภารกิจครั้งนี้เพื่อตอบโต้ที่ทรัมป์ยกเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงว่า การกระทำที่ไร้สติของอัล-ชาบับตอกย้ำความจำเป็นที่อเมริกาต้องยืนหยัดกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงต่อไป
ก่อนหน้านั้น สภากาชาดเคนยาแจ้งว่า ยังมีผู้ที่ญาติมิตรแจ้งว่าสูญหายไปถึง 50 คน จากเหตุการณ์โจมตีและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับกองกำลังความมั่นคงคราวนี้ แต่ต่อมาได้ลดจำนวนเหลือ 19 คน และหลังจากนั้นก็แถลงว่าบุคคลที่ถูกระบุว่าสูญหายเหล่านี้ สามารถติดตามพบร่องรอยทั้งหมดแล้ว ขณะที่แหล่งข่าวตำรวจรายหนึ่งซึ่งพูดกับสำนักข่าวเอเอฟพีโดยขอให้สงวนนาม ก็กล่าวว่า ทางพวกเขามั่นใจว่าไม่มีคนติดค้างอยู่ข้างในโรงแรมและอาคารใกล้เคียงของคอมเพล็กซ์แห่งนี้แล้ว แต่ก็ต้องรอการตรวจสอบให้ถี่ถ้วน
ประธานาธิบดีอูฮูรู เคนยัตตา ของเคนยา ได้กล่าวปราศรัยทางทีวีเมื่อวันพุธ (15) ว่า การปิดล้อมนาน 20 ชั่วโมงยุติลงแล้ว และผู้ก่อการร้ายทั้งหมดถูกสังหาร ขณะที่ภาพศพผู้ก่อการร้ายทั้ง 5 คนเผยแพร่ไปทั่วโลกโซเชียล
คลิปจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุเผยให้เห็นชายชุดดำอย่างน้อย 5 คน บางคนคาดเข็มขัดระเบิดสีเขียว คนหนึ่งยืนรอหน้าห้องอาหารก่อนระเบิดตัวเองเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันอังคาร นอกจากนี้ยังมีระเบิดอีกลูกใกล้ประตูทางเข้าทำให้รถ 3 คันที่จอดอยู่ไฟลุกท่วม ก่อนที่คนร้าย 4 คนจะสาดกระสุนและบุกเข้าไปในอาคารโดยแยกกันเป็นสองกลุ่มๆ หนึ่งเข้าไปในอาคารสำนักงานและโยนระเบิดเข้าไปในล็อบบี้ กราดยิงลิฟต์และสำนักงานขณะค้นหาเหยื่อจนถึงชั้น 6
ผู้ก่อการร้ายอีกกลุ่มกราดยิงห้องอาหาร สุดท้ายขึ้นไปซ่อนตัวชั้นบนสุดของโรงแรมและซุ่มยิงผู้ที่พยายามหลบหนี
โจเซฟ บอยน์เนต ผู้บัญชาการตำรวจเคนยาแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 21 คน เป็นชาวเคนยา 16 คน ซึ่งรวมถึงตำรวจ 1 นาย, ชาวอเมริกันที่รอดชีวิตจากวินาศกรรม 9/11 หนึ่งคน และชาวอังกฤษ 1 คน ส่วนอีก 3 คนเป็นชาวแอฟริกันแต่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 28 คน และเจ้าหน้าที่สามารถอพยพประชาชนออกจากอาคารดังกล่าวราว 700 คน
ขณะเดียวกัน จอร์จ คิโนติ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรม เผยว่า จับกุมผู้ต้องสงสัยสำคัญ 2 คนในเมืองอีสต์ลีและรัวกาทางตะวันตกเฉียงเหนือของไนโรบี โดยในเมืองรัวกานั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งที่เป็นที่พักของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ
รายงานระบุว่า ประชาชนหลายสิบคนเข้าแถวรอบริจาคเลือดในกรุงไนโรบี ซึ่งทำให้นึกถึงเหตุการณ์กลุ่มอัล-กออิดะห์โจมตีสถานทูตอเมริกันในปี 1998 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 213 คน
ขณะเดียวกัน กลุ่มอัล-ชาบับซึ่งอยู่ในเครือข่ายอัล-กออิดะห์ ออกแถลงการณ์ว่า การโจมตีล่าสุดเป็นการล้างแค้นต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ทางด้านโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวแถลงว่า การกระทำที่ไร้สติของอัล-ชาบับเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่อเมริกายังต้องยืนหยัดกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงต่อไป
ในยุคทรัมป์นั้น อเมริการะดมโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มอัล-ชาบับอย่างหนัก ทว่า การก่อการร้ายเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่า กลุ่มก่อการร้ายนี้ยังมีศักยภาพในการโจมตีนอกพรมแดนโซมาเลีย
เคนยา ประเทศเพื่อนบ้านของโซมาเลียและเป็นที่ตั้งสำนักงานของบรรษัทต่างชาติหลายแห่ง รวมถึงหน่วยงานของสหประชาชาติ ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอัล-ชาบับบ่อยครั้งนับจากส่งกองกำลังร่วมปกป้องรัฐบาลโซมาเลียในปี 2011 และเพื่อสร้างเขตกันชนบริเวณแนวชายแดน
อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์ล่าสุด กองกำลังความมั่นคงเคนยาสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการโจมตีห้างสรรพสินค้าเวสต์เกตในกรุงไนโรบีเมื่อปี 2013 ที่ยืดเยื้อถึง 4 วันและมีผู้เสียชีวิต 67 คน โดยในครั้งนั้นตำรวจและทหารยิงใส่กันเอง ซ้ำทหารบางนายยังขโมยข้าวของภายในห้าง