วันนี้ ( 10 เม.ย.63) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้การส่งออกชายแดนและผ่านแดนของไทยน่าจะทรุดตัวอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 แม้คาดว่า จะมีสัญญาณดีขึ้นครึ่งปีหลัง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศจะแก้ปัญหา COVID-19 ได้รวดเร็วแค่ไหน ทำให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนตลอดปี 2563 จึงยังหดตัวที่12.8% (กรอบประมาณการที่-15% ถึง - 9%) มีมูลค่าส่งออกแตะระดับที่ 804,300 ล้านบาท (กรอบประมาณการมูลค่าการส่งออก 784,000-839,400 ล้านบาท) เป็นการหดตัวลงมากกว่าปี 2562 ที่ลดลง 0.2% และมีมูลค่า 922,380 ล้านบาท
แต่หากตลาดทั่วโลกสามารถควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/2563 ก็อาจช่วยหนุนให้ตลาดประเทศเพื่อนบ้านของไทยฟื้นตัวได้เร็ว ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันเคลื่อนไหวได้สูงกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็อาจช่วยให้การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาด
นอกจากนี้ มาตรการปิดไม่ให้คนเดินทางเข้า-ออก ที่บริเวณชายแดนไทยด้วยความจำเป็น อาจส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจังหวัดบริเวณพรมแดนไทยกับกัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซียและเมียนมา เนื่องจาก คนจากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถข้ามแดนมาจับจ่ายซื้อของในชีวิตประจำวันได้เหมือนปกติ ซึ่งเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนรวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ของเศรษฐกิจไทยทั้งประเทศ แต่มีความแตกต่างจากจังหวัดอื่นตรงที่จังหวัดเหล่านี้ ส่วนหนึ่งได้แรงขับเคลื่อนจากกำลังซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางเข้ามา ตัวอย่างเช่น จังหวัดหนองคายมีชาว สปป.ลาว ข้ามมาซื้อสินค้าไทย วันละไม่ต่ำกว่า 3-4 พันคน หรือแม้แต่พรมแดนอื่นก็มีพ่อค้าแม่ค้า เข้ามาหิ้วสินค้าไทยเพื่อไปจำหน่ายต่อในประเทศของตนเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การปิดทุกด่านชายแดนทั่วประเทศรวม 26 จังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าบริเวณชายแดนรวมทุกด่าน สูญเสียเม็ดเงินจากการที่ไม่มีคนจากเพื่อนบ้านข้ามมาซื้อสินค้าในไทย คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อวัน โดยเฉพาะด่านที่มีมีคนเข้าออกคึกคักอย่าง จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว เชียงรายและตาก เป็นต้น
CR:ภาพประกอบ www.bangkokbanksme.com
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand