วานนี้ (16 พ.ย.2562) ตำรวจภูธรป่าโมก ตรวจสอบสภาพบ้านไม้ทรงไทยไต้ถุนสูง ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนห่างไกลบ้านหลังอื่น ส่วนเจ้าของบ้าน อาศัยอยู่ที่นนทบุรี แต่ถูกขโมยขึ้นบ้าน โดยถอดบันไดขึ้นลงไปจนหมด
นายประสิทธิ์ จันทร์สำราญ บอกว่า บ้านหลังนี้เป็นของพี่สาว แต่พี่สาวได้ไปอยู่กับลูกสาวที่จ.นนทบุรี จึงมีนายประสิทธิ์ กับญาติคอยดูแลบ้าน นานๆ ครั้งเจ้าของบ้านจึงจะกลับมาที่บ้าน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุปีนขึ้นมาทางหลังบ้าน แล้วเข้าไปรื้อค้นขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน สายไฟฟ้าที่เดินไว้ภายในบ้านถูกรื้อออกไปด้วย รวมถึงโต๊ะหมู่บูชา และโกศใส่กระดูกของบรรพบุรุษ ก็ถูกขโมยหายไป
ทั้งนี้ ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน สำหรับบ้านบ้านนี้เป็นบ้านไม้ทรงไทยโบราณหลังใหญ่ ใต้ถุนสูง มีอายุกว่า 100 ปี
แม่ค้าขึ้นป้าย ด่าโจรย้ายบ้านหนี อ่างทอง
ส่วนนางวันเพ็ญ สกุลทอง เจ้าของบ้าน เลขที่ 65/2 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูภายในบ้านที่ถูกรื้อค้นขโมยทรัพย์สินไป เช่น พระแก้วมรกตบูชา 2 องค์ พระเครื่อง 300 องค์ รวมถึงถังแก๊ส เตาแก๊ส หลอดไฟ บันไดอลูมิเนียม ไม่เว้นแม้กระทั่งราวตากผ้าที่ซื้อมาเตรียมไว้จะประกอบก็หาย
เดิมที่เจ้าของบ้านมีอาชีพขายทอดมันหน้าร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้เลิกขาย เพราะเครียดจนต้องย้ายไปอยู่ที่ จ.นครราชสีมากับสามี และปิดบ้านหลังนี้ไว้ ทางเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะขนาดมองเห็นหน้าบ้านผู้เสียหาย แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุย่องมาตอนไหน
ยิ่งอยู่ยิ่งเครียด ตำรวจเขาก็ไม่รู้จะเอาหลักฐานตรงไหน
โดยเจ้าบ้านต้องติดป้ายประกาศฝากคาถาให้ผู้ก่อเหตุไว้ 2 ป้าย ป้ายแรกบอกว่า ขโมยสิ้นคิด=ไม่มียางอายลักกระทั่ง ผงซักฟอก=เอาไปล้างสมอง มีดทำครัว=เอาไปตัดสิ่งจุดๆๆออก เตาขนมครก=เอาสร้างอาชีพ หลอดไฟ=สมองกับใจ จะได้สว่างขึ้นถ้าไม่ทำมาหากินก็ไปขอทานดีกว่า คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน
เจ้าของบ้านบอกว่าที่ต้องขึ้นป้ายแบบนี้เพราะทนไม่ไหวจริงๆ 4 เดือนก่อนหน้านี้ไปแจ้งความกับตำรวจก็แล้ว ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมก็แล้ว เรื่องไม่คืบส่วนของก็ยังหาย
เรื่องนี้ที่ยังจับไม่ได้ เพราะ เจ้าของบ้านไม่มีหลักฐาน ชาวบ้านบอกว่า บริเวณนี้ก็มีของหายกันบ่อยครั้ง อย่างไรก็ฝากให้ตำรวจช่วยติดตามกวดขันผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
