แกนนำ นปช. เดินทางมาเพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
วันที่ 11 ธ.ค. 2561 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธิดา ถาวรเศรษฐ และ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ได้เดินทางมาเพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ
โดยหลังจากได้พบกับเจ้าหน้าที่ นายณัฐวุฒิได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้พบกับโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นชุดที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุการณ์การสลายการชุมนุม และชุดที่รับช่วงดำเนินการต่อจนถึงขณะนี้
โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในคดีนี้ได้มีการแยกสำนวนออกเป็น 2 ประเภท หนึ่งคือสำนวนคดีคนตาย สองคือสำนวนคดีคนเจ็บ ในกรณีของผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่า ทางอัยการในการสั่งฟ้องผู้สั่งการ ซึ่งผู้สั่งการได้สู้คดีในชั้นศาลจนท้ายที่สุดมีคำพิพากษาศาลฎีกาว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจเป็นพนักงานสอบสวน แต่เป็นอำนาจของ ปปช. ทำให้สำนวนกลับมายังอัยการ ซึ่งอัยอาการได้ส่งสำนวนดังกล่าวมายังดีเอสไอ แต่ดีเอสไอได้ส่งต่อไปยัง ปปช. จากนั้นเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ปปช. ได้ส่งสำนวนนี้กลับมายังดีเอสไอ เพื่อเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีผู้เสียชีวิตในการสลายการชุมนุมมาสอบสวน
ทั้งนี้ ดีเอสไอ ได้มอบหมายให้สำนักคดีความมั่นคง เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ โดยสำนักคดีความมั่นคงได้ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมา 5 ชุด เพื่อเรียกบุคคลผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานที่มีข้อมูลปรากฏในสำนวนสอบสวนสาเหตุการตาย มาสอบสวนไปบ้างแล้ว ซึ่งนายณัฐวุฒิไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าจะมีการสอบสวนคดีนี้แล้วเสร็จเมื่อใด
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการไต่สวนสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตในเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าวเพียง 20 กว่ารายส่วนอีก 70 รายนั้นไม่มีการไต่สวนนายณัฐวุฒิเปิดเผยว่า ในคดีนี้สื่อให้เห็นถึงการดำเนินการในกระบวนยุติธรรม 2 มาตรฐานเกิดขึ้นอีกครั้งในคดีนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งตนยอมรับไม่ได้
