โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กลุ่มโตเกียวมารีนฯลุย M&A ในเอเชีย ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรธุรกิจประกันต่างประเทศโตเป็น 20% ใน 1-2 ปีนี้

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 17 มิ.ย. 2562 เวลา 10.18 น. • เผยแพร่ 17 มิ.ย. 2562 เวลา 10.18 น.
Screenshot_20190617-171216_Gmail

มร.โนโบรุ ยามากาตะ กรรมการบริหาร โตเกียวมารีน โฮลดิ้ง ดูแลธุรกิจภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งกว่าที่ผ่านมา ในระยะยาวเชื่อว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด โดยเฉพาะประเทศไทย และรองลงมาคืออินเดีย โดยเมื่อปี 2545 กลุ่มโตเกียวมารีนมีสัดส่วนผลกำไรที่ได้มาจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศ 3% แต่ผลจากการส่งเสริมการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ M&A คาดว่าในปี 2562 สัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศ (นอกญี่ปุ่น) จะเติบโตขึ้นเกือบถึง 50% โดยกลุ่มโตเกียวมารีนมี 3 กลยุทธ์หลักที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจคือ

1.การกระจายธุรกิจ โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่เพิ่มเป็น 20% ภายใน 1-2 ปี จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ดังจะเห็นได้จากการประกาศเรื่องการซื้อบริษัทประกันวินาศภัยของไทยและอินโดนีเซียจาก Insurance Australia Group หรือ IAG เมื่อปีที่แล้ว น่าจะทำให้ได้เห็นถึงความคาดหวังและพันธสัญญาอย่างหนักแน่นของกลุ่มโตเกียวมารีนที่มีต่อภูมิภาคเอเชีย

2.การปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการโตเกียวมารีน อินโนเวชั่น แล็ป 3 แห่งคือ ที่โตเกียว, ซิลิคอนวัลเล่ย์, และสิงคโปร์ และการลงทุนร่วมกับธุรกิจ Start up ระดับสากล

3.การสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารระดับกลุ่ม ที่เราจะแสดงศักยภาพจากการรวมกลุ่ม ผ่านองค์ประกอบอย่าง Core identity หรือการสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการระดับสากล โดยทั้ง 3 กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ จะทำให้โตเกียวมารีนเติบโตตามเป้าหมายที่คาดไว้

มร.ซาลูน ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โตเกียวมารีน เอเชีย กล่าวว่า มองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดประกันชีวิตไทย ที่เชื่อว่าโตเกียวมารีนจะสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และทักษะที่ได้สั่งสมมาจากการทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เพื่อเอาชนะความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น และขอย้ำว่าประเทศไทยถูกวางให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ของโตเกียวมารีนกรุ๊ป

มร.ชิน ทานิโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตเกียวมารีน ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมจะอยู่ที่ 7,471 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของเบี้ย 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,771 ล้านบาท ขณะที่ 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,013 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของเบี้ย 40% โดยกลยุทธ์ในการบริหารที่เป็นแกนหลัก คือ การส่งเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรอย่างเข้มแข็ง ซึ่งในปีนี้บริษัทมีการกำหนดกลยุทธ์ที่จะส่งเสริมการเติบโต 3 แกนหลัก คือ 1.เพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางการขายปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่องทางตัวแทน 2.เพิ่มความหลากหลายของช่องทางการขาย และ 3.สร้างปฏิบัติการที่เป็นเลิศโดยใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ผลประกอบการช่องทางตัวแทนในช่วง 5 เดือนแรกบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 752 ล้านบาท เติบโต 182% (แบ่งออกเป็นเบี้ยประกันภัยสามัญ 358 ล้านบาท เติบโต 42% และเบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว 394 ล้านบาท เติบโต 2469%) ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 1,178 ล้านบาท เติบโต 13% และเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,930 ล้านบาท เติบโต 47% โดยในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรกผ่านช่องทางตัวแทนจำนวน 1,250 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,113 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 5,363 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนตัวแทนเป็น 4,300 คน

“ช่องทางตัวแทนในปีนี้มีอัตราเติบโตที่ดีมาก โดยปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จมีหลายองค์ประกอบ ซึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ความแข็งแกร่งของสถานภาพทางการเงินของบริษัท ที่เป็นปัจจัยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพราะกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นพันธสัญญาระยะยาวที่บริษัทจะต้องส่งมอบผลประโยชน์ให้กับลูกค้าให้ครบตามข้อกำหนดในสัญญา” นายสมโพชน์ กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0