โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"กฤษฎา”ขีดเส้น 5 วันเร่งงานรายงานผลเผือกร้อนเกษตร

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 21 เม.ย. 2562 เวลา 10.33 น.

"กฤษฎา”"ขีดเส้น 5 วันเร่งเร่งงานรายงานผลเผือกร้อนเกษตร 

นายกฤษฎา บุญราช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  การเร่งรัดการปฏิบัติงานด้วยวิธีการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์    ในปีงบประมาณ พ.ศ.  2562 กษ.ได้กำหนดนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งนี้ได้อนุมัติแผนงานและโครงการให้หน่วยงานต่างๆในสังกัด กษ. นำไปปฎิบัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาภาคการเกษตรให้มีความเจริญก้าวหน้าและเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น

“เพื่อให้มีการเร่งรัดการปฏิบัติงานของข้าราชการและบุคลากรในสังกัด กระทรวง ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เน้นการส่งเสริมและพัฒนารวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่างๆในภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม จึงขอกำหนดแนวทางการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการของ  ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ดังนี้  ขอมอบหมายให้ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดย ทั้ง 2 ท่าน มีอำนาจตรวจติดตามงานของได้ทุกหน่วยงานที่มีแผนงานและโครงการที่ได้รับอนุมัติ แล้วนำไปปฏิบัติในพื้นที่โดยไม่จำกัดการตรวจติดตามเฉพาะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้กำกับตามคำสั่งของแต่อย่างไร”

นายกฤษฎา เผยขอให้ผู้ตรวจกระทรวงทุกเขตตรวจราชการ เพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจติดตามงานในพื้นที่ให้มากกว่าระยะเวลาที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเตือนและเร่งรัดให้ข้าราชการและบุคลากรของในพื้นที่ได้เร่งปฏิบัติงานต่างๆให้เป็นผลสำเร็จทั้งคุณภาพ ปริมาณงานและความคุ้มค่าของงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานและโครงการที่ได้รับอนุมัติ ขอให้ ปลัดเกษตร./รอง ปลัดเกษตรฯและ หัวหน้าหน้าผู้ตรวจกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ไปประชุมหารือร่วมกับเลขานุการ  เพื่อกำหนดรูปแบบการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการตรวจติดตามการปฏิบัติงานตามแผนงานและหรือโครงการที่สำคัญดังนี้

1 การบริหารจัดการน้ำ ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งนั้น หน่วยงานของสามารถดำเนินการได้เป็นผลสำเร็จหรืออย่างไร 2 การดำเนินงานตามการปฎิบัติตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด ในการเกษตรกรรม ตามประกาศกระทรวงรวม 5 ฉบับ นั้น หน่วยงานผู้ปฎิบัติสามารถดำเนินการได้ผลเป็นอย่างไรมีปัญหาและอุปสรรคหรือไม่ 3. การบริหารจัดการระบบเกษตรแปลงใหญ่หรือวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ที่ให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรในการผลิตและประสานงานกับภาครัฐและเอกชนให้มารับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ให้ต่อเนื่องนั้น สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายหรือไม่อย่างไร

4. การบริหารจัดการนมโรงเรียนตามระบบใหม่ที่มอบอำนาจให้จังหวัดในพื้นที่ 5 ภาค เป็นหน่วยดำเนินการนั้น สามารถแก้ไขปัญหารการส่งนมไปยังโรงเรียนไม่ตรงตามกำหนดเวลาและไม่มีคุณภาพได้หรือไม่ รวมทั้งระบบใหม่มีความเป็นธรรมต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการจำหน่ายนมโรงเรียนหรือไม่ อย่างไร 5.การบริหารจัดการที่ดินตามโครงการจัดที่ดินแห่งชาติ(คทช.) และหรือโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ว่าเกษตรกรในโครงการที่ได้รับสิทธิ์ในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินดังกล่าวสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้หรือไม่ ในโครงการมีการจัดระบบสาธารณูปโภคพร้อมหรือไม่ รวมทั้งเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตจากการทำเกษตรกรรมตามโครงการได้หรือไม่อย่างไร และ 6. การจ่ายค่าเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรภาครัฐปี 2558  มีความคืบหน้าเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาจ่ายค่าเยียวยาที่กำหนดไว้หรือไม่อย่างไร

“ขอให้อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนในสังกัดได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการแก่ รัฐมนตรีช่วยฯ และ ผู้ตรวจกระทรวงตามหัวข้อดังกล่าวในข้อด้วย หาก ในกรณีที่พบว่าในการปฏิบัติงานของข้าราชการหรือบุคลากรในสังกัด มีความบกพร่อง เนื่องจากความไม่ตั้งใจในการปฏิบัติงานหรือมีเจตนาทุจริตในการปฏิบัติงานนั้น ขอมอบอำนาจให้ให้ รัฐมนตรีช่วยฯ ทั้ง 2 ท่านมีอำนาจสั่งการแทน รัฐมนตรีในการดำเนินการตามมาตรการทางปกครองและหรือทางวินัยแก่ข้าราชการและบุคลากรในสังกัด ได้ทันที แล้วรายงานให้ รัฐมนตรีทราบต่อไป”

สำหรับผู้ตรวจกระทรวงให้รีบรายงาน ปลัดเกษตรฯ เพื่อสั่งการอธิบดีหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่า ดำเนินการได้ด้วย และในกรณีเป็นรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัด ให้แจ้งผู้บริหารสูงสุดของหน่วยและประธานคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนั้นทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่อไปด้วย

"งานภารกิจของกระทรวงเกษตรฯมี 2 ลักษณะทั้งด้านที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประประชาชนโดยตรงเช่นการบริหารจัดการน้ำหรือการทุเลาปัญหาภัยแล้ง/โครงการนมโรงเรียน และงานอีกด้านของกระทรวงเกษตรฯที่ส่งผลต่อเกษตรกรด้วย เช่นการทำเกษตรแปลงใหญ่ที่ทำให้ต้นทุนการทำเกษตรต่ำ/การจัดรูปที่ดินของ สปก.เป็นต้น จึงจำเป็นต้องจัดระบบการตรวจติดงานให้กระชับชัดเจนเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ด้าน" รมว.กล่าวในช่วงท้าย

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0