แม้ชื่อ กระถิน จะฟังดูเป็นภาษาไทยง่ายๆ ที่ได้ยินติดหูกันมาพอสมควร แต่ความจริงแล้วพืชริมรั้วที่เราเด็ดยอดอ่อน และฝักอ่อนมารับประทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกนั้น มีต้นกำเนิดมาไกลถึงแถบอเมริกากลาง ซึ่งเชื่อว่าถูกนำเข้าปลูกในประเทศไทยช่วงสมัยอยุธยา ก่อนจะแพร่กระจายไปจนทั่วประเทศ และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ผักก้านถิน, สะตอเทศ, สะตอบ้าน และ ตอเบา เป็นต้น
กระถิ่นเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และขึ้นอย่างหนาแน่จนทำให้พืชท้องถิ่นไม่สามารถเจริญเติบโตได้และถูกเบียดออกไปกระถินถูกพิจารณาให้เป็น 1ใน 100 สายพันธ์รุกรานที่ร้ายแรงของโลกโดย คณะกรรมการความอยู่รอดของสปีชีส์ของ สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (the Invasive Species Specialist Group of the IUCN Species Survival Commission) เนื่องจากเป็นพืชโตไว แพร่พันธุ์เก่ง และทำลายให้สิ้นซากได้ยาก
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในไทยนั้นพบว่า กระถินสามารถเจิญเติบโตได้ให้หลายพื้นที่ ตั้งแต่บริเวณป่าโล่ง ป่าเคยถูกทำลาย หรือแม้กระทั่งในเขตที่แห้งแห้งแล้งสูงจนถึงพื้นที่ชุ่มชื้นมาก ก็ยังสามารถงอกงามได้ และเมื่อมีกระถินเติบโตเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่ดังกล่าวก็มักจะมีแต่พืชชนิดนี้ขึ้นปกคลุมอยู่เพียงชนิดเดียว โดยไม่มีพื้นชนิดอื่นขึ้นแซม
อย่างไรก็ตาม กระถินเองก็มีมีประโยชน์อยู่มากมายพอสมควร เรียกว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่ยอดอ่อนจนถึงราก ไม่ว่าจะเป็นใบอ่อนและฝักอ่อนที่นำมากินเป็นอาหาร ใบแก่ที่สามารถใช้เลี้ยงสัตว์ได้ และลำต้นสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างดี อีกทั้งต้นกระถิ่นยังสามารถปลูกให้ขึ้นเป็นแนวรั้วธรรมชาติได้ แต่ต้องมั่นตัดแต่งอยู่ในฟอร์มเตี้ยอย่างสม่ำเสมอ