โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"กคช." รับสนองนโยบาย รองนายกฯสมคิด เร่งผุดบ้านผู้มีรายได้น้อยทันปีนี้

MATICHON ONLINE

อัพเดต 15 ก.ค. 2561 เวลา 14.38 น. • เผยแพร่ 15 ก.ค. 2561 เวลา 14.00 น.
ธัชพล ผู้ว่ากคช.
นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่ากคช. คนที่ 18

นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงแนวทางการผลักดันโครงการที่อยู่อาศัยแก่ผู้รายได้น้อย ตามแนวนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่แผนงานจะต้องแล้วเสร็จภายใน 3-4 เดืนนนี้ว่า มีหลายแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ โดยมูลค่าโครงการต้องไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือพีพีพี

สำหรับแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ 1.การจัดสรรที่ดินให้เอกชนเช่าและพัฒนาโครงการ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่รับผิดชอบอนุมัติ ได้หารือกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ในการสนับสนุนสินเชื่อ และ 2.น่าจะเป็นวิธีที่ดีและรวดเร็ว คือ ร่วมกับเอกชนเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการ ขณะนี้มีเอกชนกว่า 30-40 ราย ให้ความสนใจเข้าร่วมกับโครงการนี้ เช่น ที่ภาคอีสานมีถึง 10 โครงการ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก โคราช มุกดาหาร อุบลราชธานี อุดรธานี และนราธิวาส ต่างแสดงความต้องการเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยขนาดของโครงการจะมีมูลค่าไม่มากประมาณ 100-500 ล้านบาท

“คิดว่าแบบที่ 2 น่าจะเร็ว การที่กคช.เข้าไปเป็นที่ปรึกษาจะเกิดประโยชน์ในหลายด้านกับโครงการและตัวผู้ประกอบการ ทั้งเรื่องการออกแบบ การทำตลาดที่สามารถทำได้กว้างและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วประเทศ และกรณีที่เอกชนลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับกคช. จะมีเรื่องอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคาร เพียงแต่ในแต่ละโครงการ กคช.จะกำหนดให้กั้นส่วนของผู้มีรายได้ประมาณ 20% ของจำนวนยูนิต แต่กคช.จะไม่มีนโยบายรับซื้อโครงการเหมือนกรณีบ้านเอื้ออาทร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง” ผู้ว่าฯกคช.กล่าวอธิบาย

ต่อคำถามที่ว่า หากกคช.ขอความร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จะส่งผลดีต่อโครงการหรือไม่นั้น นายธัชพล กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า หากเชิญบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คงได้รับการตอบรับแน่นอน เพียงแต่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะวัตถุประสงค์หลักคือต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อท (สตาร์ตอัพ)

สำหรับประเด็นการขอสินเชื่อหากกรณีกู้ไม่ผ่านนั้น นายธัชพล กล่าวว่า ในระยะแรกจะมีกองทุนเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย คล้ายๆกองทุนเกษตรกร ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกคช. และจะให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา วงเงินที่ 5,000 ล้านบาท แต่หากมีการบริหารจัดการที่ดี ลูกค้าเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินได้ กคช.ได้รับคืนเงินกู้ จะเพิ่มการหมุนรอบของกองทุนได้สูงถึง 10 รอบ หรือปล่อยสินเชื่อได้ถึง 50,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ กคช.ได้นำโมเดลทางการเงินสมัยใหม่เข้ามาใช้ในดำเนินงาน หรือ Leasehold Financial Model ช่วยให้กคช.มีฐานะการเงินและกำไรที่ดีขึ้น โดยวิธีการ กคช.จะขายสินทรัพย์และโอนสินทรัพย์เรียกร้องตามสัญญาเช่ากับ CEMCO (บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชม จำกัด บริษัทลูกกคช.) ทำให้มีความคล่องตัว ซึ่งไม่ติดการเป็นรัฐวิสาหกิจ และทาง CEMCO ทำสัญญาเช่าซื้อกับลูกหนี้ และโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าให้กับตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย(บตท.) และทาง CEMCO รับหน้าที่การให้บริการกับบตท.

“หลังผู้ถือหุ้นบางส่วนใน CEMCO ได้ถอนออกไป ก็มีบริษัทอสังหาฯ บริษัทประกัน รวมถึงบริษัทข้ามชาติสนใจเข้ามา โดยในระยะข้างหน้าจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท และแม้จะมีขาดทุนสะสม 10 ล้านบาท แต่ผลกำไรเริ่มดีขึ้น มีสเปรดจากการปล่อยที่อยู่อาศัยประมาณ 4% ทั้งนี้ หากสามารถกู้ไฟแนนซ์ได้ตรง จะมีหลายแบงก์ให้กู้รวมหมื่นกว่าล้านบาท”

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60-พ.ค.61) นายธัชพล กล่าวว่า กคช.สามารถทำกำไรได้ 600 ล้านบาท โดยช่วงที่บริหารกคช.สามารถผลักดันโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องการจัดตั้งกองทุนที่อยู่อาศัย โครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัย ครม.ได้อนุมัติแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการประชานิเวศน์ โครงการที่ลำลูกกา เป็นโครงการนำร่อง บ้านข้าราชการ ประมาณ 500-600 หน่วย บ้านผู้สูงอายุ หรือ “บ้านกตัญญู” เบื้องต้นมีแผนจะพัฒนาในพื้นที่ 4 จังหวัด โดย 2 โครงการอยู่บนที่ดินของการเคหะฯ ได้แก่ 1.โครงการที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 600 ยูนิต 2.โครงการที่ จ.เชียงใหม่ 300 ยูนิต 3.โครงการที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 300-600 ยูนิต บนที่ดินกรมธนารักษ์ และ 4.โครงการที่ จ.เชียงราย พัฒนาบนที่ดินของราชพัสดุ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 แปลง G สำเร็จไปแล้ว และเข้าสู่กระบวนการของระยะที่ 2 และสุดท้าย การเปิดศูนย์นวัตกรรมด้านที่อยู่อาศัยและบริการงานขาย (NHA INNOVATION CENTER) เป็นต้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0