ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งลงมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไปเมื่อ 27 มิ.ย ที่ผ่านมาและได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น มีกรรมการบริหารพรรคจำนวนทั้งสิ้น 27 คน
เมื่อลองสำรวจตรวจสอบ ก็พบว่ากรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจำนวน 27 คนนั้น แบ่งได้ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มแรก มี 8คน ได้แก่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายสุชาติ ชมกลิ่น กับ กลุ่มอดีต กปปส. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ , พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ,นายสกลธี ภัททิยกุล นอกนั้นก็คือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, นายชาญวิทย์ วิภูศิริ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มสามมิตร มีทั้งสิ้น 7 คน ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน,นายอนุชา นาคาศัย, นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์, นายสุรชาติ ศรีบุศกร ,นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์
กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า กลุ่มนี้สมาชิก 5 คน ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า , นายสันติ พร้อมพัฒน์ , นายไผ่ ลิกค์, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์, นายนิพันธ์ ศิริธร
กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มสายตรง พล.อ. ประวิตร กลุ่มนี้มีสมาชิก 6 ราย ได้แก่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ,นายอิทธิพล คุณปลื้ม,นายสุพล ฟองงาม,นายนิโรธ สุนทรเลขา , นางประภาพร อัศวเหม
ความต้องการของ พล.อ. ประวิตร ที่เข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เพื่อประสานรอยร้าวต่างๆที่เกิดขึ้นในพรรคแห่งนี้ที่มากขึ้นเรื่อยๆในระยะหลัง ต้องการให้กลุ่มก้อนต่างๆในพรรคพลังประชารัฐหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวและมีความเป็นเอกภาพเพื่อที่จะให้พรรคพลังประชารัฐเป็นตัวหลักในการสนับสนุนการทำงานของ"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ให้ทำงานได้ราบรื่นขึ้น
แต่การที่พรรคพลังประชารัฐยังมีกลุ่มก้อนในพรรค พล.อ.ประวิตร คงต้องเผชิญกับกลุ่มก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐต่อไป
และเมื่อใดที่เกมต่อรองทางการเมืองเริ่มขึ้น ก็จะเป็นการวัดฝีมือของ พล.อ. ประวิตร ที่มานั่งคุมพรรคพลังประชารัฐด้วยตนเองว่าเป็นเช่นไร