ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท หลังจากพิจารณาต่อเนื่องถึง 3 วัน ซึ่งใช้เวลารวมกว่า 36 ชั่วโมง ผลปรากฎว่ามีส.ส.ที่แสดงตนทั้งหมด 488 เสียง ลงมติ เสียงข้างมาก จำนวน 251 รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ฯ งดลงมติ 234 เสียง และ ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเสียงรับหลักการ และงดออกเสียง ห่างกันเพียง 17 เสียง ขณะที่อีก 2 เสียงซึ่งแสดงตนและไม่ปรากฎผลคะแนน พบว่าบัตรกดคะแนนไม่สามารถใช้งานได้
ขณะที่การตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ มีจำนวน 64 คน มีสัดส่วนจากตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) 15 คน, พรรคเพื่อไทย 13 คน,พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 12 คน,พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 8 คน, พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 5 คน, พรรรคภูมิใจไทย จำนวน 5 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย จำนวน 1คน , พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวน 1คน, พรรคประชาชาติ จำนวน 1คน , พรรคเพื่อชาติ จำนวน 1คน และพรรคเศรษฐกิจใหม่ จำนวน 1 คน ทั้งนี้พรรคเสรีรวมไทยซึ่งได้โควต้า กมธ.จำนวน 1 คน ขอสละสิทธิ์ให้กับ พรรคปวงชนชาวไทย จำนวน 1 คน และใช้เวลาแปรญัตติจำนวน 30 วัน
จากนั้นนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ได้แจ้งกับที่ประชุมว่าขอนัดประชุมกมธ.ฯ นัดแรก วันที่ 24 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ก่อนจะแจ้งต่อที่ประชุมถึงพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมสมัยวิสามัญ วันที่ 23 ตุลาคม และปิดประชุม เวลา 21.00 น. รวมเวลาที่สภาฯ ใช้เวลาพิจารณารวม ทั้งสิ้น 42 ชั่วโมง
ทั้งนี้หลังจากการออกเสียงและทำตามขั้นตอนพิจารณา น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ขอให้ที่ประชุมบันทึกต่อสภาฯ ว่า ตนใช้สิทธิงดออกเสียง แต่ใบแสดงผลลงคะแนนปรากฎว่า เห็นด้วย จึงขอให้สภาฯ บันทึกไว้
ด้านนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ตามการอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ เพราะมีที่มาโดยไม่ชอบ จึงขอสละสิทธิ์โควต้ากมธ. และยกให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่สภาฯ ลงมติรับหลักการแล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่นั่งฟังการอภิปรายอยู่ภายในห้องประชุมได้ลุกเดินออกจากห้องประชุม แต่ช่วงที่เดินไปยังทางออกด้านหลังบัลลังก์สภาฯ จังหวะก้าวลงบันได พล.อ.ประวิตร ได้ลื่นล้มจนลงไปนั่งกับพื้น และเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามได้ประคองให้ยืนและเดินออกจากจุดดังกล่าว
