กลายเป็นเรื่องให้นักแสดงรุ่นใหญ่ “แอ๊ด-โกวิท วัฒนกุล” ถึงกับงงจนไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อเจ้าตัวไปยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐบาล แต่กลับถูกขอหลักฐานยืนยันเป็นใบรับรองการเป็นนักแสดง งานนี้ตนก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาให้ จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวนี้ลงเฟสบุ๊กส่วนตัว ก็ทำเอาหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิรัฐบาลกันยกใหญ่ รวมถึงตนเองก็มองว่าการทำงานของหน่ายงานในระบบราชการมีความเละเทะไปหมดเช่นกัน
ซึ่งอาแอ๊ดเพิ่งไปผ่าตัดลอกตาด้านซ้ายมาเมื่อวาน เนื่องจากเป็นต้อกระจกมานานกว่า 1 ปีเต็ม เหตุผลที่ปล่อยไว้นานขนาดนี้เพราะโดนเพื่อนหลอกว่าเป็นการผ่าตัดที่เจ็บมาก บวกกับตนก็กลัวเข็มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่โชคดีที่คุณหมอเจ้าของเคสตนมีฝีมือจึงทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นมาได้โดยดีและอีก 1 เดือนก็สามารถกลับมาใช้สายตาได้ตามปกติแล้ว พร้อมกับเล่าให้น้องนิวยอร์ก นักข่าวของเราฟังว่าเหตุผลสำคัญที่เข้าไปติดต่อยื่นขอรับเงินเยียวยานี้เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ทำให้ตนไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า อีกทั้งยังมองว่าเงินในโครงการนี้ไม่ได้จำกัดจำนวนสิทธิ์ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าถ้าตนได้รับแล้วจะเป็นการตัดสิทธิ์ของคนอื่น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแน่นอนว่าตนและครอบครัวก็ไม่มีทางไปยื่นเรื่องขอรับเงินตรงนี้ ที่ทำไปเพราะอยากรักษาสิทธิ์และหากได้เงินมาก็ตั้งใจจะนำเงิน 5,000 นี้มาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและไม่มีสิทธิ์รับเงินหรือไม่รู้วิธีการยื่นเรื่องแทนที่เงินจำนวนนี้จะถูกตีกลับโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเข้าไปอยู่ส่วนไหน
นอกจากนี้ก็เผยถึงขั้นตอนที่ตนดำเนินการว่าครั้งแรกที่เข้าไปยื่นเรื่องก็ถูกปฏิเสธมาและระบุว่าฐานข้อมูลไม่ถูกต้อง ทั้งๆที่บัตรประจำตัวประชาชนใบนี้ของตนสามารถใช้ได้ทั้งเลือกตั้ง เสียภาษี ทำทุกอย่างด้วยใบนี้ทั้งหมด แต่พอจะใช้สิทธิ์รับเงินกลับมีปัญหา เมื่อมาถึงครั้งที่ 2 กับการการขยายรับเรื่องร้องทุกข์เงินเยียวยาในธนาคารรัฐทั่วประเทศเมื่อ 18-29 พฤษภาคม 2563 ตนก็เดินทางไปอีกรอบ ครั้งนี้คือที่มาของประเด็นของเจ้าหน้าที่ที่ถามหาใบรับรองการเป็นนักแสดงจากอาแอ๊ด ตนจึงถามไปว่าจะให้ไปเอาที่ไหน ที่ช่องไหนช่องหนึ่งหรือสมาคมอะไร เป็นรูปที่กำลังถ่ายหนังได้ไหม แต่เจ้าหน้าที่ก็ตอบได้เพียงแค่
“ไม่รู้ คุณจะไปเอาจากที่ไหนก็แล้วแต่คุณ”
หลังจากนั้นอาก็มีโอกาสได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรม จึงได้คำอธิบายมาว่าเนื่องจากอาชีพนักแสดงไม่มีบัตรประจำตัวยืนยันจึงทำให้ไม่มีฐานข้อมูลอาชีพที่ใช้สำหรับรับเงินเยียวยาได้นั่นเอง บวกกับการทำงานของระบบราชการจำเป็นต้องมีเอกสารหลักฐานยืนยันทุกขั้นตอนเพื่อความรัดกุม อยากให้เข้าใจว่าด้วยพฤตินัยเราสามารถรับรู้ได้ว่าคนนี้คือดาราด้วยการมองหน้า แต่ในระบบไม่สามารถรับรู้ได้นั่นเอง ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ตนเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งในที่สุด ล่าสุดจากกรณีของตนมีข่าวทาว่าทางกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำระบบรองรับอาชีพนักแสดงที่ได้รับผลกระทบให้สามารถรับเงินเยียวยาเงินได้แล้ว และเชื่อว่าถ้ากระทรวงเปิดโอกาสนี้จริงก็จะมีนักแสดงจำนวนเยอะที่ไปยื่นเรื่องแน่นอน
พร้อมกันนี้ก็ขอตำหนิไปยังกระบวนการทำงานของหน่วยงานราชการที่ออกนโยบายลดค่าไฟให้ 3% ด้วยความที่บ้านของตนได้ทำการซื้อต่อมาจากเจ้าของคนเก่าเมื่อ 28 ปีที่แล้วแต่ชื่อที่ขึ้นกับมอร์นิเตอร์ไฟฟ้ายังเป็นของคนเก่าอยู่ ดังนั้นเมื่อตนไปยื่นรับสิทธิ์ขอลดค่าไฟก็กลับโดยปฏิเสธมาแล้วบอกว่าให้เจ้าของตามชื่อเป็นคนมายื่นเรื่อง เจ้าตัวมองว่ามันเป็นเรื่องที่วุ่นวายเกินไปเพราะขาดการติดต่อกับเจ้าของเก่ามานานแล้วจึงตัดสินใจไม่รับสิทธิ์แต่ขอแจ้งเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อตนแทน เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปจ่ายค่าไฟก่อน เมื่อไปจ่ายค่าไฟกลับโดนไล่ให้มาทำเรื่องเปลี่ยนบ้านเลขที่ใหม่เพื่อเปลี่ยนชื่อเจ้าของบ้านก่อน สรุปแล้วตนต้องวิ่งเรื่องอยู่ทั้งหมด 5 รอบ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เสร็จสิ้นสักที
