โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“เอเซีย พลัส” แนะ 13 หุ้นเด่นไตรมาส 3 คาดหุ้นไทยสิ้นปีไปไม่ไกล 1,699 จุด

Money2Know

เผยแพร่ 26 มิ.ย. 2562 เวลา 05.23 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
“เอเซีย พลัส” แนะ13หุ้นเด่นไตรมาส3 คาดหุ้นไทยสิ้นปีไปไม่ไกล1,699จุด

บล.เอเซีย พลัส มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/62 ผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสของ Fund Flow ที่ยังไหลเข้าต่อเนื่อง ส่วนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ล่าช้า อาจกระทบการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ คาดสิ้นปี SET Index ปิดที่ 1,699 จุด GDP โต 2.7% เปิดหุ้นเด่นน่าลงทุนช่วงไตรมาส 3 ได้แก่ BBL, BDMS, ROBINS, THANI, GPSC, RJH, CK, EASTW, SCCC, MCS, TU, WHA, AMATA   

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า เมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ แม้จะเป็นรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เด็ดขาด อาจมีประเด็นเรื่องเสถียรภาพในการบริหารงาน แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกทางการเมือง  อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในไตรมาส 3 นี้ คือการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 63 ซึ่งน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในเดือน ก.ย.นี้ ถือว่าล่าช้ากว่าทุกปีที่ผ่านมาราว 3 เดือน  อาจมีผลต่อเนื่องไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องการแรงกระตุ้นจากภาคเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก หลังจากพาคการค้าระหว่างประเทศมีปัญหา อันเป็นผลมาจากสงครามการค้าโลก 

ขณะที่ IMF คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 62-63 รอบล่าสุดเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ขยายตัว 3.3% และ 3.6% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้เดิม จากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยืดเยื้อ โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือการเจรจาของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ว่าจะสามารถหาข้อยุติได้หรือไม่ ในการพบปะกันในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่น   

นอกจากนี้ยังเห็นพาพการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าในอีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP กับตุรกีและอินเดีย ทำให้ภาพรวมของสงครามการค้ายืดเยื้อและกระทบความต้องการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์   โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ ช่วยลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งหันมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่สหรัฐฯ และยุโรป ที่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยชัดเจนในปีนี้  ขณะที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ลดดอกเบี้ยไปแล้ว 1 ครั้ง ส่วนอินเดียลดไปแล้ว 3 ครั้ง เป็นต้น   

สำหรับไทยนั้นคาดว่าดอกเบี้ยทรงตัวหรืออาจปรับลงจากปัจจุบันที่ 1.75% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก คือส่งออกชะลอตัว ทำให้การขับเคลื่อนมาจากในประเทศ คือการบริโภคภาคครัวเรือน ที่ยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งคาดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 62 อยู่ที่ 2.7% ชะลอจาก 4.1% ในปี 61   ส่วนกำไรตลาดในปี 62 แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ จากสถานการณ์สงครามการค้ารุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาด เริ่มเห็น Downside ของประมาณการ จึงได้ลดสมมุติฐานกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปี 62 ลดลงจากเดิม 2.25% มาอยูที่ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 103.32 บาท เติบโต 5.59% จากปีก่อน   เมื่ออิงกำไรใหม่ ดีชนีเป้าหมายอยู่ที่ 1,699 จุด บนสมมุติฐาน Market Earning Yield Gap 4.28% อย่างไรก็ตาม นับจากช่วงปลายเดือน พ.ค.62 พบว่ามีแรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้ามาต่อเนื่อง ผลจากการเมืองในประเทศที่เปลี่ยนผ่านมาสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

การเพิ่ม NVDR เข้ามาคำนวณในดัชนี MSCI รวมไปถึงหลายธนาคารกลางหันมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน จากพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่พันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในทางกลับกันช่วยหนุนให้ Earning Yield Gap ของตลาดหุ้นไมยกว้างขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 4.08% ละกษณะเช่นนี้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก หนุนให้ Fund Flow มีโอกาสถูกถ่ายโอนจากตลาดตราสารหนีเ มายังตลาดหุ้นในระยะถัดไปได้มากขึ้น   ทั้งหมดนี้ได้หนุนให้เกิดการปรับฐาน PER ให้สูงขึ้นกว่าเป้าหมายเดิมที่ 16.45 เท่า โดยระยะสั้นอาจขยับขึ้นไปเหนือ PER ที่ราว 17 เท่าได้ กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นหุ้นที่มีความได้เปรียบทางด้าน Valuation เมื่อเทียบกับตลาดประกอบด้วยดังนี้   

หุ้นที่กำไรเติบโตมีคุณภาพ BBL, BDMS, ROBINS, THANI, GPSC, RJH   

หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล CK   

หุ้นที่มีเงินปันผลสม่ำเสมอ ภายใต้ดอกเบี้ยขาลง EASTW, SCCC, MCS 

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากภาวะสงครามการค้า WHA, AMATA

หุ้นอาหารส่งออก ที่ถูกกระทบจำกัดจากสงครามการค้า TU

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0