วันนี้( 14 พ.ย. 62 )จากรณีนายเอกพัฒอธิธนัทกุลอายุ61 ปีเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดสมุทรปราการเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บางปูหลังจากตนได้นำเงินไปฝากที่ธนาคารแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปูก่อนที่บัญชีเงินฝากแบบ12เดือนซึ่งมีเงินอยู่กว่า5ล้านบาทและบัญชีสำหรับค้ำประกันธุรกิจซึ่งมีเงินนอนอยู่ในบัญชีอีกกว่า1แสนบาทซึ่งเปิดไว้กับธนาคารสาขาเดียวกันจู่ๆบัญชีทั้งสองกลับถูกยกเลิกและเมื่อตรวจสอบกลับพบว่าเงินในบัญชีได้ถูกโอนย้ายเงินไปอีกบัญชีที่ได้มีการทำขึ้นใหม่ซึ่งเป็นชื่อของนายเอกพัฒเองก่อนจะมีการปลอมลายเซ็นเบิกถอนเงินสดออกไปรวมว่า2.5ล้านบาท
ความคืบหน้าเมื่อเวลา11.00น.ผู้วันที่14พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่รพ.เมืองสมุทรปากน้ำหลังจากทราบว่านายเอกพัฒผู้เสียหายได้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากความดันขึ้นโดยแพทย์ได้ทำการตรวจอาการในเบื้องต้นก่อนที่จะให้นอนพักรักษาตัว
โดยนายเอกพัฒกล่าวว่าตนเองยังรู้สึกวิกตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเนื่องจากเงินจำนวน5ล้านบาทนั้นเป็นเงินที่ที่ตนเองสะสมมาทั้งชีวิตจากการทำร้านอาหารและยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเงินจำนวนดังกล่าวใครเป็นคนยักยอกออกไปจากบัญชี
ต่อมาได้มีผู้เจ้าหน้าที่ซึ่งอ้างว่ามาจากสำนักงานใหญ่ได้โทรเข้ามาหานายเอกพัฒพร้อมกับได้รับปากว่ายินดีที่จะรับผิดชอบเงินที่หายไปจากบัญชีทุกบาทโดยไม่มีการตรวจสอบใดๆซึ่งอยากให้ทางนายเอกพัฒสบายใจได้ว่าจะได้รับเงินคืน
กระทั่งเวลา14.20น.ได้มีเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารซึ่งทราบว่าเป็นตัวแทนจากสำนักงานใหญ่สามคนได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมนายเอกพัฒพร้อมกับกล่าวขอโทษกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลาประมาณ10นาทีก่อนที่ทั้งสามจะเดินทางกลับและพยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวโดยอ้างว่าได้คุยกับนายเอกพัฒทางโทรศัพท์ไปแล้วและได้ขึ้นรถเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว
ส่วนทางด้านพ.ต.ท.ประจวบแขตสันเฑียะเจ้าของคดีกล่าวว่าภายหลังจากรับแจ้งเมื่อคืนที่ผ่านมาวันนี้ได้ออกหมายเรียกผู้จัดการธนาคารสาขารวมถึงพนักงานดังมาสอบสวนแล้วแต่ยังไม่ทราบว่าทางธนาคารจะเข้าให้ปากคำในวันใดพร้อมกับได้ทำการอายัดบัญชีทั้งหมดของนายเอกพัฒเพื่อทำการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีว่าถูกโอนย้ายเงินออกไปในช่วงเวลาใดและใครเป็นมีส่วนรู้เห็นบ้างหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวของหรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป