“เปิ้ล” เดือดขอสู้เพื่อเมีย! โกรธแทน “จูน”โดนดิสเครดิตธุรกิจลิปสติกซองโวยกระจอก ทำการค้าได้ทุเรศ ทำเสียหายหลักล้าน ท้าคู่แข่งค้าขายด้วยคุณภาพ และอยู่ในธรรมาภิบาล ด้านจูนเผยไปร้องสิทธิ์ตามกฎหมายกับกรมทรัพย์สินทางปัญญามาเรียบร้อยแล้ว วอนขอให้เรื่องจบอย่างถูกต้อง
ทำเอาสาว “จูน กษมา ศิลาชัย” ต้องมาเจอกับเรื่องชวนปวดหัว กับปัญหาลิปสติกซองที่ผลิตออกมาขาย แต่กลับถูกคู่แข่งทางการค้าไปบอกกับร้านอื่นว่าห้ามรับลิปสติกซองมาขาย เนื่องจากได้ลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นเจ้าแรกของโลกที่ผลิตลิปสติกซอง งานนี้ทำเอาสามี “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” เดือน ออกมาโต้แรง ลั่นงานนี้ขอสู้เพื่อเมีย! โดนทั้งคู่เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวในงาน เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของลิปซอง “จูจูเน่” ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ว่า….
เปิ้ล : “สำหรับเรื่องประเด็นนี้ อย่างที่บอกการที่จดลิขสิทธิ์ การที่ใครก็ตามทำอะไรออกมาก็ตามมันเป็นเรื่องดีอยู่แล้วที่เราจะจดลิขสิทธิ์ ถ้าเราเป็นคนริเริ่มคนแรกคิดค้นนวัตกรรมนี้ อันนี้เราไม่เถียง ทีนี่การจดมันก็มีเวลาระหว่างรอว่าจดแล้วจะได้หรือไม่ตรงนั้นก็รอไป แล้วเขาก็จะพิสูจน์เองว่าของเราเป็นคนแรกหรือเปล่าอะไรยังไง”
“ซึ่งอันนี้ไม่เถียงไม่ใช่เรื่องผิดใครๆ ก็ทำ หรือว่าการทำการค้าเวลาเราบอกว่าถ้ามีสินค้าเราไม่มีคนอื่นได้ไหม เดี๋ยวเราจะแถมนั้นแถมนี่ให้มากกว่าอะไรอย่างนี้ อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอีก เพราะเป็นเรื่องที่เขาทำกันมานานแล้ว แต่สิ่งที่ พี่เปิ้ล ออกมาพูดตอนนี้ก็คือมันมีเจ้าหนึ่งที่อยู่ในระหว่างจดแล้วเอาใบระหว่างจดเรียกว่าใบอนุสิทธิ์ไปให้ตามพ่อค้าแม่ค้าว่านี่จดลิขสิทธิ์แล้วนะห้ามรับคนอื่นถ้ารับคนอื่นมีความผิดทางกฎหมาย พ่อค้าแม่ค้าก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่กล้ารับ บางเจ้าเขารับสินค้าลิปสติกซองไปแล้วถึงขนาดแคนเซิล เพราะมีเจ้านี้แหละที่เอาไปบอกว่าถ้ารับผิดกฎหมายนะ เสียหายกันเป็นหลักล้านเลย”
ลั่นขอสู้แทนเมีย โกรธแทนโดนดิสเครดิต โวยกระจอก ทำการค้าได้ทุเรศ
เปิ้ล : “ใช่ไง คือไอ้ตรงนี้แหละ ผมว่ามันกระจอก มันเป็นการทำการค้าที่แบบทุเรศ ถ้าเกิดคุณคิดจะเป็นนักการค้าที่ดี คุณอยากจะเอาของเข้าไปในตลาดต้องมีธรรมาภิบาล สิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาจึงสู้กันที่คุณภาพ คุณมีเงินหนายิ่งดีเอาเงินไปทำคุณภาพให้มันดีมันก็จบที่ประชาชน คนที่ใช้ คนที่บริโภค ที่ผมออกมาพูดโมโหแทนภรรยา ภรรยาก็บอกว่า พี่เปิ้ล ปล่อยเขาไปเถอะไอ้เราก็เป็นนักแข่งไงแข่งกีฬามา 20 ปี เรารู้สึกว่านักกีฬาแบบนี้ลงจากเจ็ทสกีเสร็จถอดหมวกกันน็อคแล้วไปต่อยปาก การโกรธเป็นสิ่งไม่ดีแต่ขอโกรธหน่อยเถอะ สู้เพื่อเมียจริงๆ”
เผยไปร้องสิทธิ์ตามกฎหมายกับกรมทรัพย์สินทางปัญญามาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีอีกหลายเจ้าที่ไปไม่ใช่ตนเจ้าเดียว
จูน : “เราก็ไปร้องสิทธิ์มาแล้ว ก็เป็นไปตามกฎหมายที่เขาดำเนินกันอยู่นะคะ ก็ไม่ใช่แค่เจ้าของเรา”
เปิ้ล : “คนที่ผลิตลิปสติกซองมีหลายเจ้า ซึ่งมีผลกระทบหมดเลยไม่ใช่เฉพาะจูจูเน่คนเดียว ยี่ห้ออื่นเขาก็ผลิตมาเหมือนกันทุกคนอยากจะทำมาหากินหมดอันนี้เราก็สู้เพื่อคนอื่นด้วย แล้วบางทีอีกอย่างพ่อค้าแม่ค้าหลายคนที่ทำธุรกิจการค้าที่ไม่รู้เรื่องว่าลิขสิทธิ์คืออะไร”
“อันนี้อยากจะกราบขอท่านผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องลิขสิทธิ์ลงมาแจงว่าลิขสิทธิ์มันมีแบบไหน ประเภทอะไรยังไง ก็จะเป็นความรู้ให้คนทำมาค้าขายด้วย มันเหมือนจู่ๆ มีคนไปจดลิขสิทธิ์ข้าวขาหมู มีคนไปจดลิขสิทธิ์ก๋วยเตี๋ยวเรือ ถ้าเขาจดได้คนทำข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวมันไก่ ก็ตกงานกันทั้งประเทศ ถ้าเขาจดได้แล้ว แสดงว่าเราก็ไม่สามารถผลิต ถ้าเขาจดได้เสร็จ ถ้ากรมทรัพย์สินทางปัญญาอนุมัติว่าคิดคนแรกของโลกจริงๆ เรายอมถอยออกหมด”
จูน : “ถ้าเป็นตามนั้นธุรกิจมันก็ไม่เจ๋งหรอก เกาหลีเขามีมานานแล้ว ต่างประเทศเขาทำกันมานาน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นธุรกิจของคนไทยทำมาค้าขายในเชิงตลาด SME เรามีการคุยกันปรึกษากันกับเจ้าอื่นด้วย”
ได้คุยกับคนจดลิขสิทธิ์หรือยัง
เปิ้ล : “กล้ามาคุยหรือเปล่า รู้ตัวว่าใครนะ”
บอกไม่รู้เรื่องจะจบยังไง แต่อยากให้จบอย่างถูกต้อง
จูน : “ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะจบแบบไหน แค่ขอทำให้ถูกต้องที่สุดทุกคนมีปี่มีขือ ทุกคนอยู่ในสื่อ ทุกคนรับรู้หมดทุกคนโตกันหมดแล้ว ทุกคนมีทนายเป็นของตัวเอง ทุกคนมีความรู้ที่จะคอยศึกษาเรื่องตรงนี้ แค่อยากจะบอกว่าทำให้ถูกต้องเท่านั้นเอง ปล่อยให้เวลาและความถูกต้องดำเนินไป ความเสียหาย มันก็เสียหายกันหมดแหละค่ะ แต่ทีนี่พอ จูน ไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินไม่ใช่ เราคิดว่าเราคนไทยด้วยกัน ค้าขายเหมือนกัน ไม่ได้ไปยุ่งกับใครเลย”
เปิ้ล : “ลิขสิทธิ์เราไม่ได้หวัง ลิขสิทธิ์จูจูเน่โลโก้นี้ลิขสิทธิ์เป็นของเรา แต่ตัวผลิตภัณฑ์เป็นลิขสิทธิ์แบบนี้ เขาทำกันมาหลายประเทศแล้ว คุณจะมาเหมาว่าเป็นเจ้าแรกของโลกมันไม่น่าจะใช่ เพราะฉะนั้นผมว่าก็ฝากเอาไว้แล้วกัน แต่รู้แล้วแหละว่าเป็นใคร”
