“วราวุธ”ย้ำพัฒนาถ้ำหลวงเชิงอนุรักษ์ ไฟเขียวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าโถงแรกได้แล้ว

เชียงราย – “วราวุธ-รมว.ทส.” ไฟเขียวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าโถงแรกถ้ำหลวง-จุด 13 หมูป่าฯจอดจักรยานก่อนติดถ้ำ รอบละ 10-20 คน พร้อมย้ำแนวทางพัฒนาต้องเน้นการอนุรักษ์-คงบรรยากาศแบบเดิมๆ

วันนี้ (10 ต.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากเชียงใหม่ ไปเป็นประธานเปิดป้ายและตรวจราชการ ณ อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังพระรัตนมุนี (ปุณณมี วิสารโท) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้นำคณะสงฆ์ประกอบพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแล้ว

จากนั้นคณะได้เดินทางไปสักการะศาลเจ้าแม่นางนอน ก่อนเข้าไปชมโถงแรกถ้ำหลวง และเดินทางไปบริเวณอาคารอนุสรณ์สถานถ้ำหลวงฯ พร้อมสักการะอนุสาวรีย์จ่าแซม (นาวาตรี สมาน กุนัน) ผู้เสียสละชีวิตในปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคานามี 13 คนออกจากถ้ำหลวง เมื่อกลางปี 2561 ก่อนจะเข้าชมนิทรรศการ "23 มิถุนา รวมใจเป็นหนึ่งเดียว" ซึ่งเล่าเรื่องราวปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าดังกล่าว

ขณะที่บริเวณปากถ้ำ ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านแนวรั้วเดิมที่เคยกั้นไว้ แต่อนุญาตให้เดินไปถึงปากถ้ำตรงราวโลหะที่ 13 ชีวิตทีมหมูป่าฯเคยจอดจักรยานเอาไว้ก่อนหายเข้าไปในถ้ำ โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ครั้งละ 10-20 คน ระยะเวลาประมาณ 5-10 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

นายวรายุธ กล่าวว่าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เรื่องราวของความสมัครสมานสามัคคีและการรวมใจเป็นหนึ่งเดียวของคนทั่วโลก ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ยกระดับจากวนอุทยานเป็นอุทยานแห่งชาติฯแล้ว เพื่อพัฒนาด้านการอนุรักษ์และให้บริการนักท่องเที่ยว

ล่าสุดได้ให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ คำนวนจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบจุดอิ่มตัว จะได้บริหารจัดการเนื่องจากสถานที่ลักษณะนี้ คนที่มาเที่ยวย่อมอยากถ่ายภาพสถานที่ไม่ใช่ผู้คนที่เข้าไปจนเต็มไปหมด ส่วนแนวทางการพัฒนา ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้เน้นการอนุรักษ์ไม่จำเป็นต้องให้มีความทันสมัย เพราะนักท่องเที่ยวไม่ได้อยากเห็นสิ่งปลูกสร้าง แต่อยากเห็นแบบเดิมๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศ

ส่วนการจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในถ้ำลึกกว่านี้นั้น คงต้องรอน้ำลดก่อน เพราะปัจจุบันการสำรวจยังไม่เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงจะคำนวนได้ว่าควรให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ลึกเท่าไหร่ ครั้งละกี่คน ฯลฯ ซึ่งกรณีจะให้เข้าไปดูถ้ำได้ในระยะประมาณ 100 เมตรนั้นถือว่ามีความเป็นไปได้มาก

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2529 มีเนื้อที่ 5,000 ไร่ หลังจากเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิต ระหว่าง 23 มิ.ย.- 10 ก.ค.2561 ครม.ได้ให้กระทรวงทรัพย์ฯ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการประกาศให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เพื่อยกระดับความสำคัญของสถานที่

ดังนั้นกรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) กรมป่าไม้, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรมกิจการพลเรือนทหารบก กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 สำรวจพื้นที่ได้รวมประมาณ 12,000 ไร่ ครอบคลุมท้องที่ ต.ห้วยไคร้ ต.โป่งผา ต.โป่งงาม และ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ดังกล่าว

อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวอีกว่าและจากเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าฯ ทำให้ถ้ำหลวงกลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากกว่า 1.5 ล้านคน ถือเป็นอันดับที่ 2 ของสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ 155 แห่งในประเทศไทย

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวไปเยือนเป็นจำนวนมากจนติดอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ที่ผ่านมาถนนยังไม่สะดวกและนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปไกลภาคเอกชนจึงได้ส่งรถรางมาให้บริการจากทางเข้า-ถ้ำหลวง จำนวน 2 คันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือแล้วแต่ผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมสมทบทุน เพราะภาครัฐยังไม่มีงบประมาณด้านนี้ ส่วนในอนาคตก็จะเพิ่มรถไปยังสระมรกต และรองรับนักท่องเที่ยวถึงหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ด้วย