โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“มนต์สิทธิ์ คำสร้อย” แจ้งความถูกนิติบุคคลหลอกเก็บเงินค่าส่วนกลาง 25 ปี

ช่อง 7

อัพเดต 11 ธ.ค. 2562 เวลา 03.57 น. • เผยแพร่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 03.57 น. • Ch7
“มนต์สิทธิ์ คำสร้อย” แจ้งความถูกนิติบุคคลหลอกเก็บเงินค่าส่วนกลาง 25 ปี
“มนต์สิทธิ์ คำสร้อย” แจ้งความถูกนิติบุคคลหลอกเก็บเงินค่าส่วนกลาง 25 ปี

นายมนต์สิทธิ์ คำสร้อย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง พร้อมด้วย ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บางซื่อ กรณีที่นายมนต์สิทธิ์ ได้ซื้อคอนโดมิเนียมย่านอินทามระ เมื่อปี 2548 โดยมีกลุ่มบุคคล 3-4 ราย อ้างว่าเป็นกรรมการของนิติบุคคลคอนโดดังกล่าว แล้วเรียกเก็บเงินค่าส่วนกลางเป็นรายเดือน เดือนละประมาณ 1,000 กว่าบาทจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีการแสดงบัญชีรายรับ-รายจ่าย
อีกทั้งยังไม่มีการจัดประชุมแต่อย่างใด ทำให้นายมนต์สิทธิ์และลูกบ้านเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจมีความไม่โปร่งใส จึงรวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์ เพื่อขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ สืบสวนสอบสอบข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลนี้ หากพบการกระทำความผิดก็ขอมอบคดีนี้ให้กับ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ร่วมกันกระทำความผิด
ทนายสงกานต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ไปขอคัดสำเนาการจดทะเบียนของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ที่สำนักงานที่ดินเขตห้วยขวาง พบว่ามีการจดทะเบียนของอาคารชุดถูกต้อง และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดมาก่อนแล้ว แต่หลังปี 2554 แต่ปรากฏว่าไม่มีการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ หลังชุดเดิมหมดวาระและลาออก กลับมีการแต่งตั้งรักษาการแทนหัวหน้านิติฯ โดยเป็นบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดดังกล่าวเป็นเวลานานแต่งตั้งตนเองขึ้นมาแทน และทีมนิติฯ ยังคงทำงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีการจัดประชุมลูกบ้าน ไม่มีแสดงงบดุลรายรับ-รายจ่าย ใด ๆ ทั้งสิ้น
นายมนต์สิทธิ์ กล่าวว่า ล่าสุดมีการประกาศขึ้นค่าส่วนกลางจากเดิมตารางวาละ 18 บาท เป็น 22 บาท โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และไม่มีการเรีบกลูกบ้านประชุมชี้แจง และก่อนหน้านี้ลูกบ้านเคยติดประกาศเพื่อขอประชุมร่วมกันเอง แต่ปรากฏว่าใบประกาศกลับถูกฉีกออกไป นอกจากนี้นายมนสิทธิ์ ยังเคยเข้าไปถามกับนิติฯ โดยตรงหลายครั้งแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดคุย จนเคยมีการกระทบกระทั้งกันมาแล้ว
ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมามี 1 ใน 4 นิติฯ ได้มีการเก็บกระเป๋าใบใหญ่ 2-3 ใบออกไปจากคอนโด จึงอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบจึงเกรงว่าจะเป็นการหลบหนีความผิดหรือไม่
ด้านนายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเรียกเก็บเงินโดยทุจริตจะเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ รวมถึงหากฝ่ายนิติบุคคลนี้มีการจัดตั้งไม่ถูกต้อง จะเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นคดีอาญา
โดยหลังจากนี้ทางตำรวจ สน.บางซื่อจะเรียกนิติฯบุคคลของคอนโดดังหล่าวเข้ามาชี้แจงรายละเอียด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0