"สาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์กับพี่พีชต้องจบลง ก็ตามที่พี่พีชบอกเลยค่ะ ปัจจัยหลักๆ น่าจะเป็นการสื่อสารที่ทำให้มันต้องจบลง ถามว่าเราเป็นฝ่ายพูดก่อนหรือเปล่า จริงๆ มันเป็นการตกลงของเราทั้งคู่ ปัญหามันก็มีมาสักพักแล้วที่เราจะตัดสินใจใช้คำว่าเลิกกัน มันไม่ง่ายสำหรับเราทั้งคู่เลยค่ะ เรากลับไปกลับมา จนมันถึงจุดที่ความคิดเราไม่ตรงกันแล้วจริงๆ แล้วจุดนี้มันทำให้คิดว่าเราอาจจะสบายใจกว่า
คือสุดท้ายแล้วแพทรู้สึกว่าการที่เราคบกัน ต่างฝ่ายก็ต้องปรับเข้าหากัน แล้วเราก็ให้โอกาสกันทั้งคู่ แล้วที่เขาบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ เราไม่ได้โกรธเขาเลยนะคะ เราเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่พีชพูด แล้วพอเราทบทวนจริงๆ แล้ว ที่ผ่านมาทุกอย่างเราก็คิดดีแล้ว แล้วเราก็ทำเต็มที่แล้ว เราก็เป็นคน อาจจะเคยทำผิดพลาด แต่มันก็เป็นบทเรียนของเรา แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไปค่ะ"
ข้างต้นคือส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของนางเอก “แพทรีเซีย กู๊ด” ที่พูดถึงกรณีเลิกรากับพระเอกหนุ่มทายาทไฮโซ “พีช - พชร จิราธิวัฒน์” ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เป็นทางฝ่ายชายที่ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่จำต้องเลิกรากันในครานี้ก่อน โดยมีใจความสำคัญที่ชวนให้ผู้คนตีความไปในเชิงของความสัมพันธ์ที่ทับซ้อน “เราพยายามให้โอกาสกันแล้ว แต่มันก็ไม่เวิร์ก ตอนที่เขาคุยกับเรา เขาก็บอกว่ามันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ซึ่งผมเองก็เคลียร์ เพราะเราทำอะไรไม่ได้แล้ว
ณ ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้สึกคือ ผมไม่อยากเห็น ผมก็เลยอันฟอลโลว์อินสตาแกรม และเอาตัวเองออกมา ผมขอซ่อมตัวเองก่อนดีกว่าครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังถามตัวเองอยู่ว่าผมทำอะไรผิดไป ผมทำดีไม่พอหรือเปล่า ผมอาจจะให้เวลาเขาน้อยเกินไปในช่วงหลังมานี้ อาจจะผิดที่ผมเองที่ละเลย”
เอาตรงๆ เลย คือเมื่อประเด็นถูกเทมาในทางนี้ แน่นอนว่าฝ่ายหญิงจึงดูเหมือนจะตกเป็นเป้านิ่งที่ทุกคนจะมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ดีงาม
ทั้งที่ในความเป็นจริง อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องถูกต้องนัก ที่คนเราจะใช้บรรทัดฐานของตัวเองมาเป็นมาตรวัดตัดสินคนอื่น โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก
ตอนรักกัน อาจจะมีเหตุผลแค่ว่าถูกตาต้องใจกัน แต่บทจะเลิกกัน กลับมีเหตุผล และองค์ประกอบแวดล้อมต่างๆ ที่ซับซ้อนมากมาย ทั้งที่เปิดเผยได้ และเปิดเผยไม่ได้
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนสองคนที่คบกัน รักกัน และเลิกรากัน
ความรักไม่มีโง่ ไม่มีฉลาด ไม่มีถูก ไม่มีผิด
มีแต่ยอม และไม่ยอม !!???
ขนาดผู้ชายที่ถือว่าครบเครื่องทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ อย่างพีชยังรั้งใจใครไว้ไม่ได้ แสดงว่าแค่หล่อ แค่รวย แค่เฟอร์เฟ็ก ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าความรักจะอยู่รอด
อายุน้อย 100 ล้านแบบพีช อาจจะเป็นที่ต้องการของผู้หญิงหลายคน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับแพทรีเซีย ที่ต้องบอกว่าโปรไฟล์เธอเองก็ไม่ใช่ไก่กาเหมือนกัน
จบมัธยม (สอบเทียบ ม. 6) จากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (Shrewsbury International School) ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ของโรงเรียนนานาชาติที่ค่าเทอมแพงที่สุดในเมืองไทย อยู่ในราว 615,600 - 927,300 บาทต่อปี
ระดับปริญญาตรี จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาวิชาการจัดการการสื่อสาร (หลักสูตรนานาชาติ) เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.70 (จบปีการศึกษา 2561)
ยังไม่นับดีกรีในฐานะนางเอกเบอร์ท็อปของช่อง 3
เรียกว่าสวยเลือกได้เหมือนกัน ส่วนจะเลือกผิดหรือเลือกถูก ก็ว่ากันไปอีกเรื่อง!!
แต่ในวิกฤตเรื่องความรัก ก็กลับกลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจร้านเฟรนซ์ฟรายส์ “Potato Corner” ของพีช ที่มีถึง 37 สาขา ขายดิบขายดี จากที่ปกติก็ขายดีอยู่แล้ว ถึงขนาดมีคนไปต่อคิวซื้อกันเป็นชั่วโมงๆ จนของหมดทุกสาขา
สำหรับร้านเฟรนซ์ฟรายส์ “Potato Corner” เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ จดชื่อในนามบริษัท ร็อคซ์ พีซี จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท และมีชื่อของพีช เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ซึ่งที่ผ่านมา มีผลประกอบการดังนี้
ปี 2559 รายได้ 8.6 ล้านบาท ขาดทุน 283,625 บาท
ปี 2560 รายได้ 83 ล้านบาท กำไร 2.1 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 170 ล้านบาท ขาดทุน 5.1 ล้านบาท
แต่หลังจากที่ข่าวคราวการเลิกราของพีชกับนางเอกสาว ก็ทำให้ธุรกิจเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น โดยใน Official Fanpage ของร้าน มีการโพสต์ข้อความที่ถือว่าสามารถผันกระแสข่าวมาส่งเสริมการขายได้อย่างชาญฉลาด เรียกว่าได้มีเดียรีเทิร์นกลับไปอื้ออึง โดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาแต่อย่างใด
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 สิงหาคม 2562
