หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า การที่รัฐบาลเพิ่มสิทธิประโยชน์หลายอย่างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เข้าใจว่ารัฐบาลกังวลเรื่องกำลังซื้อของประชาชนลดลงมาก จึงพยายามแก้ปัญหา แต่สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นไปในลักษณะทำตามใจชอบ ไม่ได้ทำเป็นระบบ ไม่มีหลักประกันว่าปีหน้าจะมีการให้เช่นนี้อีกหรือไม่ จึงสะท้อนว่า กำลังกลับไปสู่ประชานิยมเหมือนเดิม เพราะไม่มีเกณฑ์อะไร ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในขณะนั้น จะตัดสินใจตามใจชอบ ขาดการวางระบบและหลักเกณฑ์ที่มีความยั่งยืน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สงวนท่าทีที่จะตอบว่า เป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองช่วงก่อนเลือกตั้งหรือไม่
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมของรัฐบาล เป็นการให้เงินช่วยเหลือระยะสั้นเพียงแค่ 10 เดือน โครงการเร่งด่วนเฉพาะกิจเช่นนี้ รัฐบาลได้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พิจารณาเห็นชอบก่อนตามข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ หาก กกต. ตอบว่า กระทำเช่นนี้ได้ จะเป็นบรรทัดฐานให้ทุกรัฐบาลสามารถทำได้ โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่า ประชาชนรู้ทันว่ารัฐบาลกำลังคิดและกำลังทำอะไรอยู่
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน ซึ่งเตรียมการมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพื่อรองรับการเลือกตั้ง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้วางแผนการใช้งบประมาณรองรับโครงการนี้อย่างรอบคอบ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับประชารัฐก็ใช้เงินผ่านกองทุนประชารัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยนอกจากการช่วยกลุ่มผู้สูงอายุ หลังจากนี้จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มอื่นๆต่อไปด้วย ซึ่งมาตราการทั้งหมดได้ใช้เวลาเตรียมการมานานเป็นปีไม่ใช่เพิ่งจะมาออกมาช่วงนี้
