“ธนาธร”ถามลั่นคิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ จากการพิจารณาของ กกต.ที่เร่งรีบผิดปกติปมถือหุ้นสื่อ ปลุกประชาชนตรวจสอบองค์กรอิสระ ประกาศรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาและวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ รวมทั้งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ว่า ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว ทั้งนี้การยื่นคำร้องของ กกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า ทำไมยังมีหนังสือเรียกพยานเพิ่มลงวันที่ 17 พ.ค. เพื่อไปให้การเพิ่มเติมในวันที่ 24 พ.ค. จากคณะกรรมการสืบสวนชุดเล็ก ท่ียังแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่เหตุใด กกต. 7 ท่านจึงส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา โดยไม่รอให้คณะกรรมการชุดเล็กพิจารณาหาความเป็นจริงให้เสร็จก่อน ก่อนหน้านี้ กกต.เรียกแม่ของตนไปชี้แจง จดหมายมาถึงวันที่ 22 เม.ย.ตอนบ่าย ให้ไปให้ปากคำวันที่ 22 เม.ย.ตอนเช้า ซึ่งไม่มีใครทำได้ หลังจากนั้นวันที่ 23 เม.ย. กกต.ก็แจ้งข้อกล่าวหาตนทันที โดยที่ฝ่ายตนไม่ได้มีโอกาสชี้แจง ความเร่งรีบนี้ยิ่งผิดปกติเมื่อเทียบกับกรณี นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีต รมว.การต่างประเทศที่ใช้เวลา 417 วันนับจาก กกต.จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่กรณีของตนใช้เวลา 53 วันเท่านั้น ต่างกันเกือบ 1 ปี
“คิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรอิสระหรือไม่ มีความพยายามผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่ ขอให้ประชาชนมาร่วมช่วยกันตรวจสอบองค์กรอิสระ ผมและพรรคอนาคตใหม่ยืนยันอย่างแน่วแน่ว่า จะรวบรวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านเผด็จการเพื่อผลักดันให้นายธนาธรเป็นนายกฯอย่างไม่หยุดยั้ง นายธนาธรยังเป็นแคนดิเดตนายกฯพร้อมเป็นนายกฯ มีศักดิ์และสิทธิที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกคนยืนเงียบๆนิ่งๆเงี่ยหูฟัง พวกเราได้ยินเสียงคร่ำครวญ เสียงความไม่พอใจของผู้คนข้างนอกหรือไม่ คสช.วันนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง คสช.และเผด็จการคืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจด้วยการดึง ส.ส.จากพรรคอื่น หรือสกัดผมไม่ให้เข้าสภาฯก็ดี นี่แสดงถึงความสิ้นหวังของเผด็จการ เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบอบเผด็จการ พวกเข้าต้องการให้วันนี้เป็นเมื่อวาน เพื่อจะได้เสวยสุขบนความทุกข์ของประชนต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความมืด พวกเราคือแสงสว่าง อนาคตใหม่ขออาสาเปิดประตูสู่รุ่งอรุณของวันพรุ่งนี้ นายธนาธรขอเป็นนายกฯ เพื่อหยุดยั้งระบอบ คสช. เพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า นี่ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาเปิดโปงความชั่วร้ายของเผด็จการ จากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ขอชวนพี่น้องลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกัน เพื่อร่วมสร้างสังคมแห่งความเป็นธรรม ชาวอนาคตใหม่ที่ได้ยินเสียงของผม ผมและส.ส.อีก 79 คนไม่หมดหวัง แม้ศาลจะตัดสินให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังเป็นส.ส.อยู่ ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาล จะทำงานกับประชาชนอย่าต่อเนื่อง เมื่อไม่ให้เข้าสภาฯก็จะอยู่กับประชาชน ในฐานะบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 6.3 ล้านเสียงทั่วประเทศ
