Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสำเร็จการศึกษาของ Tulane University ของรัฐนิวออลีนส์ โดยท้าให้คนรุ่น Gen Z มาเคลียร์สิ่งที่Baby Boomers ได้ทิ้งไว้
โดยหนึ่งในประโยคที่ Tim Cook กล่าวกับนักศึกษาจบใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นชาว Gen Z นั้นคือการยอมรับว่า คนรุ่นของเขา หรือที่มักถูกเรียกว่า Baby Boomer นั้น ใช้เวลามากเกินไปในการถกเถียงกัน และต่อสู้กันไปมา แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากพอกับการติดตามผลว่ามันพัฒนาไปอย่างไรหลังจากนั้น รวมถึงการลืมไปว่า ที่ผ่านมา เราติดหนี้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนมนุษย์ และธรรมชาติเอาไว้มากแค่ไหน
โดยเขาได้ยกตัวอย่างเฮอริเคนแคทรีนาที่เกิดขึ้นในรัฐนิวออลีนส์เมื่อปี 2005 และสร้างความเสียหายอย่างมากเป็นกรณีศึกษา ว่าสังคมอเมริกันชนมีความตื่นตัวอย่างมากจากเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ดี มาถึงตอนนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
"ทุกวันนี้ มีอีกหลายประเทศที่กำลังประสบภัยพิบัติ และเป็นภัยพิบัติในระดับรุนแรงชนิด 100 ปีจะมีสักครั้ง แต่การจะคุยกันถึงปัญหา Climate Change นั้น เราคงไม่สามารถมองแค่เป็นเกมการเมือง ที่มีผลแพ้ชนะเข้ามาเกี่ยวพัน เพราะในความเป็นจริง จะมีคนบางกลุ่มที่โชคดีไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น กับคนอีกกลุ่มที่ต้องสูญเสียทุกอย่าง"
โดย Tim Cook ได้ยกตัวอย่างชุมชนชายฝั่งทะเลหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งในหลุยส์เซียนาที่เริ่มมีแผนการย้ายถิ่นฐานไปอยู่บนที่สูงในอนาคตอันใกล้นี้ หรืออาชีพชาวประมงในปัจจุบันที่ออกหาปลาแต่ต้องกลับมาพร้อมกับแหเปล่า ขณะที่การปกป้องสัตว์ป่าของเจ้าหน้าที่รัฐก็พบว่ามีสัตว์ป่าให้ปกป้องน้อยลงไปทุกที ภัยธรรมชาติจึงอาจหมายถึงการเปลี่ยนสถานะคน ๆ หนึ่งให้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวได้อย่างถาวรเลยนั่นเอง
กระตุ้น Gen Z ออกไปมอง + ช่วยโลก
ใจความสำคัญของสุนทรพจน์ในครั้งนี้จึงเป็นการกระตุ้นเหล่าบัณฑิตจบใหม่ให้ออกไปช่วยเหลือผู้อื่น และควรเข้าให้ถึงคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดก่อน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมองว่า การช่วยเหลือกันและกัน จะทำให้คนเราเข้าใจ เคารพในความคิดเห็นของกันและกัน และเห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่น ซึ่งจุดนี้เองจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้สหรัฐอเมริกาแตกแยก แบ่งออกเป็นสองขั้วในทุกวันนี้บรรเทาเบาบางลงได้
"ทุกวันนี้ อัลกอริธึมก็เข้ามาทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว กับการผลักสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากเห็นออกไป และดึงแต่สิ่งที่เราชอบเข้ามา สิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป มนุษย์ในปี 2019 ต้องเปิดตาและใจให้กว้าง มองทุกอย่างรอบตัวใหม่มุมใหม่ รับฟังปัญหาอย่าเพียงแค่ได้ยิน และลงมือทำร่วมกัน นั่นจึงสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้"
