โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“SPALI” กางแผนฝ่าโควิด! ครึ่งปีหลัง จะเปิดโครงการใหม่ 2.4 หมื่นล้าน

Wealthy Thai

อัพเดต 07 ส.ค. 2566 เวลา 20.04 น. • เผยแพร่ 11 ส.ค. 2564 เวลา 12.30 น. • This’s Alano

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 1,730.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 312% จากช่วงเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 420.09 ล้านบาท มีรายได้รวม 7,235.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2564 สามารถสร้างรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 57% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 43%ถึงแม้ว่าตลาดกลุ่มคอนโดมิเนียมจะยังคงชะลอตัว
ทั้งนี้ครึ่งปีแรก 2564 ทำกำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 58% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 1.80 %ต่อปี ณ 30มิ.ย. 2564โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว ทั้งหมด 9โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมเป็นมูลค่า 9,180 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทฯ สามารถทำยอดขายอยู่ที่ 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2563โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จ พร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการแนวราบ 10,080 ล้านบาท คิดเป็น 78% โครงการคอนโดมิเนียม 2,925 ล้านบาท คิดเป็น 22%และคิดเป็น 48%จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 27,000ล้านบาท
นายไตรเตชะ กล่าวว่า ในครึ่งปีแรก 2564 บริษัทได้ก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญที่เกิดขึ้นและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด-19อันยาวนาน ซึ่งมีการวางแผนและปรับตัวอย่างรวดเร็วให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่การมีมาตรการความปลอดภัยด้านชีวอนามัยให้ลูกค้าและดูแลคนงานด้วยมาตรการควบคุมโรคในแคมป์คนงานอย่างเข้มงวด แม้กระทั่งการงดเว้นหรือลดค่าเช่าให้ผู้เช่าของศุภาลัยที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือลูกค้าโครงการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานระเบิด ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ดังกล่าวถือเป็นสิ่งท้าทายของบริษัทจึงมีการปรับแผนการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ผ่านมา แต่ยังคงเป้าหมายด้านยอดขายและรายได้ที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี 2564 เช่นเดิม
โดยทั้งปี 2564 วางเป้าจะมีรายได้รวม 28,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 20,969.29 ล้านบาทและคงเป้ามียอดขายปีนี้ 27,000 ล้านบาท พร้อมคงเป้าเปิดโครงการใหม่ในปี 2564 ที่ 34,000 ล้านบาท และงบซื้อที่ดินที่ระดับ 8,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้ไปแล้วเกือบ 3,000 ล้านบาท
ณ 30มิ.ย. 2564มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 36,002 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564จำนวน 14,202 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 21,800 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต พร้อมกันนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในทำเลใหม่ๆ ที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทยังมุ่งมั่นการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 22โครงการ มูลค่า 24,820 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ จำนวน 18 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ทันสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มช่องทางการตลาดในรูปแบบ Virtual Tour รับชมโครงการเสมือนจริง และ Online Booking จองยูนิตที่สนใจ เพิ่มความสะดวก สบาย ปลอดภัย และรูปแบบ Supalai Private Tours เป็นการสื่อสารและชมโครงการได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อลดการสัมผัสให้เหมาะสมกับเหตุการณ์โควิด -19
รวมถึงกระบวนการก่อสร้าง โดยเน้น Waste Managementเพื่อมีส่วนร่วมในการลดขยะให้สังคม และมีการปรับเปลี่ยนระบบด้านการบริการลูกค้าในรูปแบบออนไลน์ ทั้งใบเสร็จออนไลน์ และนิตยสารขององค์กรในรูปแบบ E-Magazine เพื่อเชิญชวนครอบครัวศุภาลัย รักษ์โลก ลดการใช้กระดาษลดการสัมผัส สอดรับกับโครงการ Supalai Care The Bear ผนึกพลังร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งการสื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ ทั้งทรู เฮลท์ จากบริษัท ทรู ดิจิทัล เพื่อพบหมอออนไลน์ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด เพื่อผลิตซีรีส์ อีกทั้งบ้านและสวน เพื่อแชร์ไอเดียใหม่ๆ สำหรับลูกค้าที่จะนำไปตกแต่งสวนสวยงามให้ที่อยู่อาศัย
“บริษัทมั่นใจว่าปี 2564จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องด้วยความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง การตลาดและการขาย การบริการลูกค้า และการมีส่วนร่วมช่วยเหลือเพื่อสังคม ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก โดยมองว่า ภาพรวมการเติบโตของบริษัทจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลายต่อไป”นายไตรเตชะ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 ส.ค.2564 และจ่ายปันผล วันที่ 8 ก.ย. 2564

หุ้นพีอีต่ำ กำไรยังโตไม่หยุด

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินคาดกำไรปีนี้ เติบโต 27% และประเมินเงินปันผลทั้งปีที่ 1.27 บาท โดยประกาศจ่ายระหว่างกาล 0.50 บาท XD 24 ส.ค. 64 นอกจากนี้ P/Eที่ระดับ 7 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 8 เท่า และ Yield 6.3% แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 22.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 26.0 บาท/หุ้น และคงเป็นหนึ่งใน top pick เพราะแนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งปีหลังปีนี้ ถึงปี 2566 ยังดีกว่ากลุ่มฯ ในแง่การเติบโต, การเพิ่ม market share ทั้ง low-rise และ condo ได้ต่อเนื่อง, มี backlog รอโอนที่มาก และคุณภาพยังดี รวมถึงประสิทธิภาพทำกำไรยังสูงสุดในกลุ่มฯ ราคาปัจจุบัน trade ที่ PER ปี 64-66 เท่ากับ 6.6-6.8 เท่า ยังถือว่าถูก

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0