โครงสร้างของฟุตบอลไทยลีก 2 ฤดูกาล 2020 ที่จะมีผลบังคับใช้เมื่อจบฤดูกาลนี้ นั่นก็คือ ตั๋วใบที่ 3 ของการเลื่อนชั้น ที่ถูกกระจายโอกาสมายังทีมที่ทำผลงานจบอันดับ 3, 4, 5 และ 6 ที่จะต้องมาเล่นในระบบ”เพลย์ออฟ” เพื่อหาทีมที่จะได้สิทธิในฐานะทีมที่ 3 ที่จะเลื่อนชั้นไปสู่ไทยลีก 1 ถัดจากทีมแชมป์ไทยลีก 2 ประจำฤดูกาล 2020 และรองแชมป์ประจำฤดูกาล ซึ่งเท่ากับว่าโอกาสเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น กับทีมที่จบอันดับ 3, 4, 5, 6 ด้วยการไป "วัดดวง” กับเพลย์ออฟ
ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2019 คือการยึดหัวหาดในฐานะทีมนำของตารางแบบม้วนเดียวจบ สำหรับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จบผลงานด้วยอันดับ 1 ของตาราง ด้วยคะแนนรวม 78 คะแนน ขณะที่อันดับ 2 เป็น โปลิศ เทโร เอฟซี ที่มี 65 คะแนน และอันดับ 3 คือ ระยอง เอฟซี ที่มี 61 คะแนน น่าสนใจว่า ทั้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และโปลิศ เทโร เอฟซี คือทีมที่ตกชั้นจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2018 มาตั้งต้นที่ไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2019 เป็นการตกชั้นลงมาพร้อมกันกับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, ราชนาวี เอฟซี และ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี
กรณีไทยลีก 2 ฤดูกาล 2019 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การพลาดโอกาสของ ศรีสะเกษ เอฟซี หรือ “กูปรีอันตราย” ที่จะได้เลื่อนชั้นกลับไปยังลีกสูงสุด “ไทยลีก 1” ในแบบที่น่าเสียดาย เพราะทีมจบผลงานด้วยอันดับ 4 ของตาราง โดยมีคะแนนรวมอยู่ที่ 59 คะแนน ทั้งนี้ผลงานของ ศรีสะเกษ เอฟซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา คือ 34 นัด ชนะ 20 เสมอ 11 แพ้ 3 โดยเป็นทีมที่แพ้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ 18 ทีม ในตารางไทยลีก 2 ขณะนั้น ในขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แพ้ 4 โปลิศเทโร เอฟซี แพ้ 7 และระยอง เอฟซี แพ้ 9
ที่น่าสนใจสำหรับ “กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี ต่อโอกาสที่หลุดลอยไปกับการเลื่อนชั้น ยังมีปัจจัยคาบเกี่ยวอยู่ที่ การถูกตัดคะแนน จากบทลงโทษที่เป็นประเด็นฟ้อง จากนักฟุตบอลต่างชาติ ทำให้คะแนนที่ทำไว้กับผลการแข่งขัน 12 คะแนน ถูกตัดหายไป คงเหลืออยู่ที่ 59 คะแนน พลาดการเลื่อนชั้นไปในที่สุดทั้งนี้หาก 12 คะแนน ยังอยู่ในระบบการแข่งขัน เท่ากับว่า ฤดูกาล 2019 ศรีสะเกษ เอฟซี จะจบผลงาน ด้วยอันดับ 2 ในตารางไทยลีก 2 และได้กลับคืนสู่ลีกสูงสุดไทยลีก 1 หลังจากตกชั้นมาตั้งแต่สิ้นสุดฤดูกาล 2017
ศรีสะเกษ เอฟซี ในฤดูกาล 2018 คือ การจบผลงานที่อันดับ 8 ของตาราง จาก 15 ทีม กระทั่งฤดูกาล 2019 ที่ขยับมาอยู่ในโซนที่มีลุ้นได้กลับคืนสู่ไทยลีกมากที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะพลาดไป โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่คะแนน ที่หายไป 12 คะแนน และการพลาดใน 2 เกมสุดท้าย ที่ไม่สามารถบวกเป็น 6 แต้มได้ ก่อนจบฤดูกาล ศรีสะเกษ เอฟซี ทำได้เพียงการเปิดบ้านเสมอกับ บีจี ปทุมยูไนเต็ด และ ออกไปแพ้ให้แก่ไทย ฮอนด้า เอฟซี ทำให้ในที่สุด เป็น ระยอง เอฟซี ที่สามารถจบผลงานด้วยอันดับ 3 แซงขึ้นมาในที่สุด
2 ฤดูกาลในไทยลีก 2 สำหรับศรีสะเกษ เอฟซี บทบาทในการคุมทัพ เป็นความรับผิดชอบของ “แมวเก้าชีวิต” แห่งวงการฟุตบอล นั่นก็คือ “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม เป็นการเดินทางไปรับงานในถิ่น “กูปรีอันตราย” ภายหลังจากที่ “น้าฉ่วย” แยกทางกับราชนาวี เอฟซี และปีแรกในถิ่น ”ศรีนครลำดวน” น้าฉ่วย ซึ่งเข้าไปรับงานเมื่อออกสตาร์ทในไทยลีก 2 ไปแล้ว 4 นัด พาทีมไปจบอันดับด้วยเลขตัวเดียว กระทั่งฤดูกาล 2019 ที่เป็นโอกาสขยับไปอยู่ในเส้นทางที่ใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด และสุดท้าย “กูปรีอันตราย” ก็พลาดโอกาส กลับคืนสู่ลีกสูงสุด ด้วยปัจจัยทั้ง 2 ส่วน คือ การถูกตัดคะแนน 12 คะแนน และการที่ไม่สามารถเก็บคะแนนจาก 2 นัดสุดท้าย ที่เป็นตัวแปรชี้วัดโอกาส
ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี , วรชัย สุรินทร์ศิริรัฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน
ฤดูกาล 2020 “กูปรีอันตราย” จัดทัพใหม่ เมื่อ “ น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ก้าวออกไปจากทีมศรีสะเกษ เอฟซี โดยให้เหตุผลถึงการเข้าสู่จุดอิ่มตัวในการทำงานกับ ศรีสะเกษ เอฟซี หลังผ่านไป 2 ฤดูกาล คือ 2018 และ 2019 ทำให้สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ภายใต้การนำของ ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรฯ ตัดสินใจดึงเอา “โค้ชเก๋” วรชัย สุรินทร์ศิริรัฐ ที่มีโปรไฟล์กับการคุมทีมฟุตบอล บีบีซียู เอฟซี และไทยฮอนด้า เอฟซี มารับไม้ต่อ “น้าฉ่วย”
ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ เอฟซี ให้สัมภาษณ์ ว่า ฤดูกาล 2020 คือ การก้าวต่อไปของศรีสะเกษ เอฟซี เพื่อไปให้ถึงความสำเร็จ นั่นคือ การกลับคืนสู่ลีกสูงสุดไทยลีก 1 ทราบดีว่าไม่ใช่งานที่ง่ายอย่างแน่นอน ภายใต้โครงสร้างของระบบการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ศรีสะเกษ เอฟซี มีเป้าหมายเดียว คือการที่ต้องไปให้ถึงการทำผลงาน เพื่อการเลื่อนชั้น เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะตอบแทนความทุ่มเท ทั้งจากผู้สนับสนุนในภาคธุรกิจ และบรรดาผู้เล่นคนที่ 12 ที่อยู่เคียงข้างทีมมาโดยตลอด จะเห็นว่า นับตั้งแต่ทีมตกชั้นลงมาอยู่ที่ไทยลีก 2 ผ่านไป 2 ฤดูกาล แต่พลังของความรัก และความศรัทธา ของแฟนบอลหรือกองเชียร์ ที่มีให้กับทีมศรีสะเกษ เอฟซี สิ่งเหล่านี้ไม่เคยลดลง และกลายเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ทีมเดินหน้าสู้ต่อไป โดยมีเป้าหมายเดียวนั้น ที่ต้องไปให้ถึง คือ การกลับคืนสู่ลีกสูงสุดไทยลีก 1
เป็นการประกาศเดินหน้าสู้อีกครั้งของทัพ “กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี กับฤดูกาล 2020 ที่เปิดฉากขึ้นแล้ว
