โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘แฟรงก์ ซินาตรา’ ไฟสปอตที่ด้านหน้า มาเฟียที่ด้านหลัง

The Momentum

อัพเดต 24 พ.ค. 2562 เวลา 18.06 น. • เผยแพร่ 24 พ.ค. 2562 เวลา 18.06 น. • บุญโชค พานิชศิลป์

In focus

  • ฟรานซิส อัลเบิร์ต ซินาตรา (Francis Albert Sinatra) เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1915 เป็นลูกชายของครอบครัวผู้อพยพชาวอิตาเลียน
  • เมื่อโตขึ้นเขาก็ตระเวนหาเลี้ยงชีพด้วยการร้องเพลง ทั้งในนิวเจอร์ซีย์และนิวยอร์ก ซึ่งตามคลับเหล่านั้นเป็นโอกาสให้เขาได้คลุกคลีกับสมาชิกแก๊งมาเฟีย ไม่ช้าก็เริ่มมีชื่อเสียง ขณะเดียวกันเขาก็ฉายแววความดีงามของตนเองให้ทุกคนได้เห็นด้วย นั่นคือการต่อต้านการเหยียดผิวและเชื้อชาติ
  • แฟรงค์ ซินาตราเสียชีวิตในปี 1998 ก่อนจะมีคำถามที่ใครๆ สงสัยตามมาว่า ทำไมซูเปอร์สตาร์ที่มากความสามารถและมีเสน่ห์จึงมีกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรรายล้อมอยู่นานนับสิบปี

“ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เสียงผมแย่ลงเรื่อยๆ” จอห์นนี ฟอนทาเน รำพัน อาชีพนักร้องของเขาใกล้ถึงจุดจบเต็มที “แต่ถ้าผมได้บทในหนังเรื่องนี้ละก็ ผมจะกลับมาดังอีกแน่ๆ” ดอนวีโต คอร์เลโอเน – เจ้าพ่อมาเฟียนั่งฟังอย่างตั้งใจ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจปัญหาว่ามันคืออะไร นักร้องจึงอธิบาย ปัญหาอยู่ที่ว่า ผู้อำนวยการสร้างไม่ยอมยื่นบทสำคัญให้เขา ดอนวีโตพูดตอบสั้นๆ “เดี๋ยวฉันจะยื่นข้อเสนอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้”

ไม่กี่วันถัดจากนั้น แจ็ค วอลต์ซ-ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าตัวเองนอนจมอยู่ในกองเลือด ครั้นเมื่อเลิกผ้าคลุมเตียงขึ้นดู ก็เห็นศีรษะม้าแข่งตัวโปรดของเขาถูกตัดมาวางไว้ น่าจะเป็นสมุนของคอร์เลโอเนที่มาเยือนเขาเมื่อคืน และด้วยความกลัวเขาจึงมอบบทนั้นให้กับฟอนทาเนแต่โดยดี

นั่นเป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง The Godfatherที่แฟนหนังอเมริกันนับล้านคนได้ชมและชื่นชอบ แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกคล้อยตามอย่างนั้น นั่นคือ แฟรงค์ ซินาตรา เพราะเขารู้สึกว่าตัวละครจอห์นนี ฟอนทาเนถูกเขียนขึ้นเพื่อล้อเลียนเขา จากเหตุการณ์ช่วงที่เขาเคยอยากหวนกลับมาดังอีกครั้งกับบท ‘อังเจโล มัจจิโอ’ ในเรื่อง From Here to Eternity

และนั่นทำให้ แฟรงค์ ซินาตรา เจ้าของผลงานเพลงดังอย่าง ‘New York, New York’ และ ‘My Way’ รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาพบเจอมาริโอ พูโซ (Mario Puzo) คนเขียนนิยายเรื่อง The Godfatherที่งานปาร์ตี้ในฮอลลีวูด ยังดีที่เขาโจมตีพูโซแค่ด้วยวาจา เนื่องจากซินาตราพยายามเก็บซ่อนอารมณ์ จะปล่อยหมัดระบายอารมณ์ก็เฉพาะเวลาที่เขาร้องเพลงอยู่บนเวทีเท่านั้น

สมัยที่เป็นหนุ่มเลือดร้อน เขาเคยชกหน้า ลี มอร์ไทเมอร์ (Lee Mortimer) นักข่าวหนังสือพิมพ์ ถึงกับทรุดลงกับพื้น หรือเมื่อปี 1967 ซินาตราก็สร้างปัญหาให้กับคาสิโน ‘เดอะ แซนด์’ ในลาสเวกัส เหตุเพราะคาสิโนไม่ยอมปล่อยเครดิตเงินกู้ให้กับเขา หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ หรือคนรู้จักของเขาเอง ก็รับรู้กันดีว่า นิสัยใจคอของซินาตราเป็นอะไรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

ปี 1947 ซินาตราในวัย 30 ต้นๆ สาธารณชนเริ่มรับรู้เรื่องราวของเขาจากข้อเขียนของเพื่อนที่เป็นนักข่าว ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมซินาตราจึงชอบไปคลุกคลีอยู่กับสังคมอดีตผู้ต้องโทษหรือแก๊งมาเฟีย ซินาตราเคยตกปากรับคำเชิญของลัคกี ลูเซียโน (Lucky Luciano) เดินทางไปร้องเพลงในงานสังสรรค์ของกลุ่มมาเฟียที่ฮาวานา และได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสดเต็มกระเป๋า “นับเป็นเรื่องโง่เง่าที่สุดเท่าที่ผมเคยทำ” ซินาตราสารภาพในเวลาต่อมาเกี่ยวกับเรื่องราวในคิวบา ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเอง

ฟรานซิส อัลเบิร์ต ซินาตรา (Francis Albert Sinatra) เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1915 เป็นลูกชายของครอบครัวผู้อพยพชาวอิตาเลียน ดอลลี-ผู้เป็นแม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา นอกเหนือจากการบังคับให้ล้างมือเป็นนิสัย และสืบทอดความไม่โอนอ่อนต่อใครให้แล้ว เธอขวนขวายซื้อเครื่องดนตรีให้กับลูกชาย ฝึกปรือเขาจนร้องเพลงได้ เมื่อโตขึ้นเขาก็ตระเวนหาเลี้ยงชีพด้วยการร้องเพลง ทั้งในนิวเจอร์ซีย์ และนิวยอร์ก ซึ่งตามคลับเหล่านั้นเป็นโอกาสให้เขาได้คลุกคลีกับสมาชิกแก๊งมาเฟีย

ไม่ช้านักร้องประจำคลับก็เริ่มมีชื่อเสียง ขณะเดียวกันเขาก็ฉายแววความดีงามของตนเองให้ทุกคนได้เห็นด้วย นั่นคือการต่อต้านการเหยียดผิวและเชื้อชาติ เพลงดังอย่าง ‘Ol’ Man River’ ซินาตรานำมาเปลี่ยนเนื้อท่อน ‘Niggers all work on the Mississippi’ เสียใหม่ เป็น ‘Here we all work’ ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศจะไม่รับงานร้องเพลง หากว่าคาสิโนหรือโรงแรมไหนปฏิบัติต่อแซมมี เดวิส จูเนียร์ (Sammy Davis Jr.) เพื่อนผิวดำร่วมวงการของเขา ไม่เท่าเทียมเหมือนที่ปฏิบัติต่อเขา เหตุเพราะช่วงเวลานั้น ศิลปินผิวสีมักต้องปฏิบัติตามกฎว่าด้วยการเข้า-ออกร้านทางประตูด้านหลัง

เส้นทางชีวิตของซินาตราเข้มข้นมากขึ้น เมื่อเขาได้รับการหนุนหลังจากโคซา นอสตรา (แก๊งมาเฟียจากซิซิลี – Cosa Nostra แปลว่า ‘เรื่องของเรา’) หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จกับเพลงฮิต ‘I’ll Never Smile Again’ ในปี 1940 ในวงออร์เคสตราของทอมมี ดอร์ซีย์ (Tommy Dorsey) ซินาตราต้องการที่จะแยกตัวออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว ข้างฝ่ายดอร์ซีย์ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ขอส่วนแบ่งรายได้จากซินาตราเป็นเวลาสิบปี นักร้องยอมตกลง

แต่นอกจากหัวหน้าวงออร์เคสตราจะไม่ได้เห็นเงินตามข้อเรียกร้องแล้ว เขายังต้องพบพานกับกัวริโน ‘วิลลี’ มอเร็ตตี (Guarino ‘Willie’ Moretti) เจ้าพ่อแห่งนอร์ธเจอร์ซีย์ อีกด้วย เรื่องนี้ได้รับการบันทึกอยู่ในหนังสืออัตชีวประวัติของซินาตรา วิลลีอาสาเข้ามาปกป้องซินาตรา และสื่อสารกับดอร์ซีย์อย่างชัดเจน จนเป็นที่เข้าใจ

แต่ขณะเดียวกัน ซินาตรากลับไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับแก๊งมาเฟีย เรื่องราวส่วนหนึ่งในหนังสือ The Godfatherมาริโอ พูโซเขียนถึงการที่จอห์นนี ฟอนทาเนหลุดพ้นจากสัญญาปิดปากโดยความช่วยเหลือของดอน คอร์เลโอเน ทั้งในภาพยนตร์และนิยายบรรยายตรงกันถึงทางเลือกของหัวหน้าวงว่า จะยอมเซ็น หรือยอมตาย

นักร้องซึ่งยังหนุ่มแน่นทำงานอิสระต่อไปอีกไม่กี่ปี กระทั่งนิตยสาร Modern Television & Radio ตั้งคำถามแบบเย้ยหยันในปี 1948 ว่า “นี่คือจุดจบของซินาตราแล้วหรือ?” จาก ‘เสียงร้อง’ ของเขาเริ่มกลายเป็น ‘เสียงกลั้ว(คอ)’ แต่แล้วเขาก็มีตัวช่วยให้หวนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง เมื่อได้รับบท ‘อังเจโล มัจจิโอ’ ในภาพยนตร์สงคราม From Here to Eternity(1953) เรื่องที่เขาสามารถคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น แฮร์รี โคห์น (Harry Cohn) ผู้บริหารของโคลัมเบีย พิกเจอร์ส เคยหัวเสีย “ให้ตายเถอะ ใครอยากจะดูไอ้เบื๊อกผอมแห้งในหนังทุนหนาแบบนี้บ้างวะ” เรื่องราวอาจต่างจาก The Godfatherอยู่บ้าง ตรงที่ซินาตราหวนคืนสู่ความมีชื่อเสียงอีกครั้งด้วยความเพียรพยายามในการแสดงของเขาเอง

แม้ผลงานแสดงยอดเยี่ยมของเขาจะช่วยต่อชีวิตและการงานมาอีกนานถึง 45 ปี ทว่าในช่วงเวลาเหล่านั้นชีวิตของซินาตราก็ยังหลบเลี่ยงจาก ‘อิทธิพลมืด’ ไม่พ้น ภาพถ่ายจากปี 1976 ที่แสดงให้เห็นเขาเผยรอยยิ้ม แขนโอบกอดเกรกอรี เดอพัลมา (Gregory DePalma) ในแฟ้มประวัติอาชญากรของตำรวจระบุว่าเป็นระดับผู้นำแก๊งมาเฟียตระกูลกัมบีโน และในภาพยังปรากฏใบหน้าของคาร์โล กัมบีโน (Carlo Gambino) หัวหน้าแก๊งอีกด้วย

แฟรงค์ ซินาตราเสียชีวิตในปี 1998 ก่อนจะมีคำถามที่ใครๆ สงสัยตามมาว่า ทำไมซูเปอร์สตาร์ที่มากความสามารถและมีเสน่ห์จึงมีกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรรายล้อมอยู่นานนับสิบปี

“เขาอยู่ในใจของพวกนักเลง” จอห์น สมิธ (John Smith) นักข่าวผู้คว่ำหวอดกับแหล่งข่าวในลาสเวกัส ให้คำตอบในหนังสารคดีเกี่ยวกับซินาตราเรื่อง Dark Star

หรืออาจจะจริงอย่างที่ทอมมี ดอร์ซีย์ หัวหน้าวงออร์เคสตรา เคยเห็นแววสมัยที่ซินาตราเป็นสมาชิกในวงของเขา “เขาเป็นคนที่น่าหลงใหลที่สุดในโลก แต่ก็นั่นละ ทุกคนก็มีด้านมืดของตัวเอง”

ไม่ว่าจะอย่างไรบรรดาแฟนก็ยังรักเขา และอาจเพราะเขาเป็นนักร้องนักแสดงที่มีชีวิตพัวพันกับด้านมืดนั้นก็ได้

 

อ้างอิง:

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0