เจ.ดี.พาวเวอร์ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยสมรรถนะ ระบบปฏิบัติการ และการออกแบบรูปลักษณ์ของรถยนต์ในประเทศไทย ประจำปี 2562 พบว่า ความสบายของเบาะที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ความพึงพอใจด้านการออกแบบโดยรวมของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
"ผู้ผลิตรถยนต์จำเป็นต้องพิจารณาถึงความสวยงามของการออกแบบภายในโดยรวมและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปพร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า” ศิรส สาตราภัย ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค เจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำประเทศไทยและประเทศเวียดนาม กล่าว
“ลูกค้าไม่เพียงขับขี่หรือโดยสารจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น ผู้ผลิตจึงต้องคำนึงถึงของใช้ส่วนตัวต่างๆ ที่ผู้ขับขี่นำเข้ามาในรถด้วย เช่น สมาร์ทโฟน แทบเล็ต แก้วเก็บอุณหภูมิ ถุงช้อปปิ้ง และของใช้อื่นๆ ดังนั้นการออกแบบรถยนต์จึงจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้”
คุณลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวกับเบาะที่นั่งและพื้นที่เก็บสัมภาระ ซึ่งส่งผลต่อความพึงพอใจโดยรวมที่ลดลง ได้แก่ ประโยชน์ของที่วางแก้วน้ำด้านหลัง ประโยชน์ของพื้นที่เก็บของบริเวณคอนโซลกลาง ประโยชน์ของช่องเก็บของด้านหน้า พื้นที่เหนือศรีษะ/วางขา/วางเท้าของเบาะด้านหน้า และความสบายของเบาะที่นั่งด้านหลัง ซึ่งคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมลดลงเหลือ 824 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน เทียบกับปี 2561 ที่ได้ 846 คะแนน
การสำรวจยังพบว่า ความสบายของเบาะที่นั่งได้คะแนนน้อยที่สุด ในบรรดาองค์ประกอบทั้งหมดของรถยนต์ โดยคุณลักษณะสำคัญ 3 อันดับแรกที่ได้คะแนนน้อยที่สุด ได้แก่ ความสบายของเบาะที่นั่งแถว 3 สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ (คะแนนความพึงพอใจอยู่ที่ 7.78 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน); ความสบายของเบาะที่นั่งด้านหลังหรือที่นั่งแถวที่สอง (8.04 คะแนน); และความรู้สึกต่อวัสดุของเบาะที่นั่ง (8.12 คะแนน)
สำหรับปัญหาภายในห้องโดยสารนั้น ลูกค้ามีความพึงพอใจน้อยต่อความน่าสนใจของแสงไฟภายในตัวรถ และการออกแบบรูปแบบแผงหน้าปัดและมาตรวัดต่างๆ เช่นเดียวกันกับรูปลักษณ์และความรู้สึกที่มีต่อปุ่มควบคุมต่างๆ และพวงมาลัย นอกจากรูปลักษณ์ภายในแล้ว ลูกค้ายังมีความพึงพอใจน้อยที่สุดเกี่ยวกับกลิ่นภายในตัวรถ
เมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะและการออกแบบรถยนต์ ลูกค้าที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี มีความพึงพอใจน้อยกว่าลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป (821 คะแนน และ 839 คะแนน ตามลำดับ)
นอกจากนี้ ยังพบว่า น้อยกว่าครึ่งของลูกค้า (44%) ระบุว่าจะซื้อรถยนต์ยี่ห้อเดิม ลดลงจากระดับ 57% ในปี 2561 ซึ่งความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 841 คะแนน ลดลงจาก 856 คะแนนในปีที่แล้ว
ผลการจัดลำดับจากการศึกษาวิจัย
- โตโยต้า ยาริส ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 841 คะแนน
- ฮอนด้า แจ๊ส ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับต้น ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 844 คะแนน
- ฮอนด้า ซีวิค ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 841 คะแนน
- ฮอนด้า เอชอาร์-วี ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็ก ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 840 คะแนน
- โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดใหญ่ ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 847 คะแนน
- โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ท แค๊ป และโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ พรีรันเนอร์ สมาร์ท แค๊ป ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มประเภทรถกระบะตอนขยายเท่ากัน ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 820 คะแนน
- นิสสัน ฟรอนเทียร์ เอ็นพี 300 นาวารา คาลิเบอร์ ดี-แค๊ป ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มประเภทรถกระบะ 4 ประตู ด้วยคะแนน APEAL อยู่ที่ 832 คะแนน
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ใช้คำตอบของเจ้าของรถยนต์ในประเทศไทยเป็นมาตรวัด ถึงสิ่งที่ทำให้เจ้าของรถมีความพึงพอใจต่อสมรรถนะและการออกแบบรถยนต์คันใหม่ของพวกเขาในช่วง 2-6 เดือนแรกของการเป็นเจ้าของ และพิจารณาคุณลักษณะของรถยนต์ 79 คุณลักษณะ ครอบคลุมองค์ประกอบของรถยนต์ 10 หมวดหมู่ อาทิ ภายนอกรถยนต์ ภายในห้องโดยสาร พื้นที่เก็บสัมภาระและพื้นที่ว่าง เครื่องเสียง ระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และระบบแอร์ สมรรถนะในการขับขี่ และการประหยัดเชื้อเพลิง