โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘คิดล่วงหน้า’ หรือไป ‘ตายเอาดาบหน้า’

The Bangkok Insight

อัพเดต 14 ธ.ค. 2562 เวลา 15.58 น. • เผยแพร่ 15 ธ.ค. 2562 เวลา 02.00 น. • The Bangkok Insight
‘คิดล่วงหน้า’ หรือไป ‘ตายเอาดาบหน้า’

"ถ้าไม่อยากตาย ต้องคิดแบบมีกลยุทธ์" นี่คือคำพูดประโยคแรกของข้าราชการบำนาญวัย 85 ปี เมื่อผมขอให้ช่วยอธิบายคำว่ากลยุทธ์แบบง่ายๆ โดยไม่ต้องอ้างอิงทฤษฎี

เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ระหว่างปี 2520 - 2527 พ่อผมรับราชการอยู่ภาคใต้ตอนล่างสังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีชื่อย่อว่ากอ.รมน. ปฏิบัติงานอยู่หลายพื้นที่ เช่น สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส

พ่อเป็นหัวหน้าชุด ปฏิบัติการจิตวิทยา หรือ ปจว. ต้องทำงานภายใต้ นโยบายใต้ร่มเย็น ซึ่งในตอนนั้นพล.อ.หาญ ลีนานนท์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้

ฝ่ายตรงข้ามคือกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา พ่อต้องลงพื้นที่พาชุด ปจว. ซึ่งประกอบด้วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน จำนวน 5-6 คน ไปทำความเข้าใจกับประชาชนในชนบท เพื่อดึงมวลชนกลับมายังฝั่งรัฐบาล โดยเน้นการสื่อสาร 4 เรื่อง คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย พ่อต้องเดินทางไปพูดคุยกับประชาชนในหลายหมู่บ้าน เดือนหนึ่งลงพื้นที่ 20 วัน จากนั้นจึงได้กลับมาพักผ่อน 10 วัน

พ่อบอกว่า การไปทำงานที่มีความเสี่ยงแบบนี้ ไม่มีกลยุทธ์ไม่ได้ ก่อนลงพื้นที่ ต้องคิดล่วงหน้า ต้องวางแผน ต้องเตรียมการให้รอบคอบรัดกุม จะไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ โอกาสตายสูง!

การจะบรรลุเป้าหมาย ต้องกำหนดทางเลือกหลาย ๆ ทาง จากการประเมินกำลังตัวเอง ต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ประเมินฝ่ายตรงข้าม ต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของคู่ต่อสู้ และ ประเมินความไม่แน่นอนของอนาคตไว้ล่วงหน้า จากนั้นให้ คาดเดาโอกาส และอุปสรรค ที่อาจเกิดขึ้น แล้วจึงเลือกทางเลือกที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบมากที่สุด สุดท้ายให้แปลงเป็น แผนปฏิบัติการ เพื่อเขียนรายละเอียดของวิธีการที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ

แต่ยังไม่จบแค่นี้นะ แผนปฏิบัติการที่จะทำมีแผนเดียวไม่พอ ต้องมีแผนสำรอง เพราะเราอาจเจอสถานการณ์ที่แผนหลักใช้ไม่ได้ เนื่องจากทุกวินาทีคือความไม่แน่นอน ไม่มีใครรับประกันได้ว่า แผนที่ดีที่สุดจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ และหลายครั้งภารกิจที่สำเร็จนั้น ก็มาจากแผนสำรองไม่ใช่แผนหลัก

พ่อพูดถึงคนในยุคนี้ว่า ต้องอยู่ให้เป็น โดยอยู่แบบใช้ปัญญา คือใช้ความคิดไตร่ตรอง รู้จักคาดคะเนถึงเหตุและผล ข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจะนำมาซึ่งการตัดสินใจลงมือทำภารกิจที่ตั้งเป้าไว้ ด้วยความถูกต้องและมีคุณค่าต่อตนเองและส่วนรวม

ดังนั้น การคิดแบบมีกลยุทธ์จึงเป็นทักษะสำคัญสำหรับคนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้อยู่รอดได้ต่อไปในอนาคต โดยสรุปคือ

  • เวลาจะคิดอย่าคิดแบบเดียวให้คิดแบบมีทางเลือกหลายทาง โดยประเมินสถานการณ์ของตัวเอง คู่แข่ง และอนาคตที่ไม่แน่นอน
  • ต้องรู้จักคาดเดาโอกาสและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้า อย่ามองแค่ข้อมูลในอดีตหรือปัจจุบัน
  • เลือกทางเลือกที่ได้เปรียบซึ่งมีคุณค่าต่อตัวเอง และส่วนรวม
  • วาดแผนการให้เห็นเป็นรูปธรรม มีแผนหลักและแผนสำรอง กำหนดสิ่งที่ต้องทำและระยะเวลาให้ชัดเจน แล้วก็ลงมือทำตามแผนนั้นซะ

พ่อสรุปปิดท้ายว่า คนที่คิดอะไรเป็นระบบ รู้จักคาดเดาสถานการณ์ และปรับตัวให้เข้ากับแผนทุกแผนได้ตลอดเวลา คือคนที่มีการใช้ชีวิตแบบมีกลยุทธ์

คนชนะมักจะเป็นคนที่ “คิดก่อนไป ไม่ใช่ไปก่อนแล้วค่อยคิด” เพราะฉะนั้นทุกคนเลือกได้ว่า “จะคิดล่วงหน้า หรือไปตายเอาดาบหน้า”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0