ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกทีแล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเพราะนี่ก็เข้าสู่ช่วงสองอาทิตย์สุดท้ายของปีแล้ว หลาย ๆ คนคงเตรียมวางแผนเที่ยว หรือฉลองปีใหม่กันรัว ๆ วันนี้ #ลัดเลาะรอบโลก เลยขอพาทุกคนลองไปดูประเทศต่าง ๆ ว่า เขามีธรรมเนียม หรือทำอะไรกันบ้างในวันปีใหม่ บอกเลยว่าแต่ละที่ไม่ธรรมดา
เริ่มต้นที่แรกอย่าง “บราซิล” ก็มีปาร์ตี้ชุดชั้นใน ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย เพราะปกติแล้วเวลาฉลองปีใหม่ทุกคนมักจะแต่งตัวสวยงามจัดเต็ม หรือแม้จะเป็นชุดนอนก็ต้องเป็นชุดนอนที่ดูดีนิดนึง แต่ว่าชาวบราซิลจะฉลองปีใหม่ด้วยการแต่งตัวที่ธรรมดามากที่สุด จะมีเพียงชุดชั้นในสีพื้น ๆ เท่านั้น โดยสีของชุดชั้นในก็จะเป็นการบ่งบอกความโชคที่อยากเจอในปีใหม่ เช่น สีชมพูหมายถึงความรัก ถ้าอยากเด่นเรื่องเงินทองก็ต้องสีเหลือง ด้านสุขภาพเป็นสีเขียว เป็นต้น
ตามด้วย “เดนมาร์ก” ก็มีประเพณี “ทำลายจาน” ก็คือชาวเดนมาร์กจะทำความหาถ้วยชามที่ ชำรุด บิ่น หรือไม่ได้ใช้เคลียร์ออกจากชั้นวาง แล้วก็จะนำมาปาใส่ประตูบ้านเพื่อน หรือครอบครัว แทนการเคาะประตูในวันปีใหม่ ยิ่งมีคนปาจานใส่หน้าบ้านเท่าไหร่ ก็แสดงถึงความเป็นที่รู้จักของบ้านนั้น ๆ
ใน “สเปน” ก็มีการเฉลิมฉลองที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน ปกติแล้วการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าในสเปนใช้วิธีการกินองุ่นให้เต็มปาก ถ้าใครสามารถอมองุ่นจำนวน 12 ลูกไว้ในเวลาเที่ยงคืน มีความเชื่อว่าปีหน้าจะโชคดีอย่างแน่นอน
“ไซบีเรีย” ก็ฉลองปีใหม่ด้วยการ “ดำน้ำกับต้นไม้ปีใหม่” ชุดราตรีต่าง ๆ คงจะไม่ได้ถูดสั่งตัดในไซบีเรียในช่วงปีใหม่อย่างแน่นอน เพราะว่าจะเน้นฉลองแบบชิล ๆ และธรรมเนียมสุดเจ๋งก็คือการกระโดดลงในทะเลสาบที่แสนหนาวเย็น เพื่อไปปลูกต้นปีใหม่! แค่ฟังก็หนาวแล้ว โดยต้องดำน้ำและลงไปปลูก โดยก่อนจะขึ้นมาสู่ผิวน้ำอีกครั้ง ผู้ดำน้ำจะต้องดื่มแชมเปญ และผ่านการเต้นรอบๆ ต้นไม้อีกด้วย สำหรับคนที่ไม่สามารถดำน้ำได้ ก็สามารถดำแบบแกล้งๆ ที่สระว่ายน้ำที่บ้านได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำมบ้านของคนรัสเซียจะมีสระว่ายน้ำน้ำแข็ง
อาจจะดูน่ากลัวไปนิดหน่อย แต่การฉลองปีใหม่ของ “ชิลี” คือการนอนที่สุสาน โดยจะมีการจัดการเฉลิมฉลองที่สุสาน โดยมีเหตุผลที่แสนน่ารักก็คือการได้ใช้ช่วงเวลาพิเศษกับทุกคนที่เรารัก แม้เขาจะจากไปแล้วก็ตาม ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วเป็นวิธีการเฉลิมฉลองที่อบอุ่นเป็นอย่างมาก
อีกหนึ่งที่ที่ฉลองปีใหม่ได้เต็มที่จุใจก็คือ “เอสโทเนีย” เพราะว่าชาวเอสโทเนียจะกินถึง 7 ครั้งในวันปีใหม่นั่นเอง ลืมการอดอาหาร และออกกำลังกายไปชั่วคราว และกินให้เต็มที่ไปเลย โดยชาวเอสโทเนียมีความเชื่อว่าการกินถึง 7 ครั้งในวันปีใหม่นั้น เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าปีหน้าจะอยู่ดีกินดี แต่ธรรมเนียมนี้ก็ถูกเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย คือจากการกิน มาเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลแทน
สำหรับ “เอกวาดอร์” ก็คือการ “เผารูปปั้น” เป็นการจุดไฟให้เกิดขึ้นในคืนก่อนปีใหม่ โดยแต่ละที่จะสร้างรูปจำลองจากกระดาษ โดยหุ่นต่าง ๆ ก็จะเป็นรูปอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นักการเมือง และนำมาตั้งก่อนที่จะเผาในเวลาเที่ยงคืน โดยการทำแบบนี้เปรียบเสมือนการลืมเรื่องที่ผ่านมา และสนใจแต่สิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีใหม่
“การแสดงดอกไม้ไฟที่ซิดนีย์” เป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงสำหรับ “ออสเตรเลีย” เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแรกที่จะได้ฉลองปีใหม่ ก็เลยเล่นใหญ่ด้วยการทำเสียงให้ดังหน่อย จะมีการจุดดอกไม้ไฟ 7 ดอก โดยการแสดงในทุกปีจะแสดงเป็นเวลา 12 นาที สำหรับดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดจะถูกแสดงให้คนกว่าล้านคนได้ดูถือว่าเป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก
ปิดท้ายด้วย “แอฟริกาใต้” สิ่งที่ชาวแอฟริกาทำในวันปีใหม่ก็คือการทิ้งข้าวของเครื่องใช้ในบ้านออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งเปรียบเสมือนการแสดงสัญลักษณ์ว่าเราจะทิ้งสิ่งเก่า ๆ ออกไป แต่ว่าธรรมเนียมนี้ก็ถูกปรับนิดหน่อย เพราะว่าในปัจจุบันตึกที่อยู่อาศัยมีจำนวนชั้นที่สูงขึ้น ทำให้การปาของออกมาลำบาก และก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่รัฐบาลก็ต้องการให้มีธรรมเนียมนี้อยู่ จึงกลายเป็นว่าถ้าจะทิ้งอะไรลงมาจากหน้าต่างบ้าน ก็ดูก่อนว่ามีคนอยู่ข้างล่างหรือเปล่า
สำหรับธรรมเนียมต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งเฉพาะตัวของแต่ละประเทศจริง ๆ และหากจะพูดถึงบ้านเราก็คงต้องยกให้กับการเล่นน้ำในวันปีใหม่ไทย หรือว่าสงกรานต์นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก
https://www.mentalfloss.com/article/89846/10-worlds-most-entertaining-new-years-customs
