โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทม์ไลน์อาลัย'ตาต้า'นักวิ่งสู้มะเร็ง แม้จะแข็งแรง-กินคลีน

เดลินิวส์

อัพเดต 22 ก.ค. 2562 เวลา 22.51 น. • เผยแพร่ 22 ก.ค. 2562 เวลา 17.41 น. • Dailynews
ไทม์ไลน์อาลัย'ตาต้า'นักวิ่งสู้มะเร็ง แม้จะแข็งแรง-กินคลีน
ลำดับเหตุการณ์ “ตาต้า” นักวิ่งสาวสู้กับมะเร็งกระเพาะอาหาร ใจแกร่งจนนาทีสุดท้าย แม้จะแข็งแรง ออกกำลังบ่อย แถมกินคลีน ยังไม่รอดชีวิต ขณะที่ “หมอจุฬา” แนะวิธีเลี่ยง

กลายเป็นข่าวที่โลกออนไลน์ รวมทั้งเพจดังๆต่างให้ความสนใจอย่างมาก สำหรับการเสียชีวิตของ "ตาต้า" นักวิ่งสาวผู้แข็งแกร่ง แต่กลับโดนมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายเล่นงานจนหมดลมหายใจ ท่ามกลางความสงสัยว่าทั้งที่เจ้าตัววิ่งทุกวัน และยังกินคลีนอีกต่างหาก ทำไมเจ้าแบคทีเรียนี้ถึงยังคุกคามได้ จึงขอลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ได้อ่านกันอีกครั้ง

สำหรับลำดับเหตุการณ์วานนี้ (22 ก.ค.) เริ่มตั้งแต่ที่คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง กลุ่มเพื่อนนักวิ่ง และบรรดาชาวเน็ตต่างโพสต์แสดงความไว้อาลัยให้กับ "ตาต้า" สาวสวยนักวิ่งมาราธอน ที่ป่วยหนักเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ก่อนที่จะเสียชีวิตลงไปอย่างน่าสะเทือนใจ ทั้งๆที่เจ้าตัวมีร่างกายแข็งแรง วิ่งระยะไกลได้ กินคลีน อาทิ น้องไปเป็นนางฟ้าแล้ว, น้องขึ้นสวรรค์ไปแล้ว, ขอให้หลับอย่างมีความสุข, ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี, น้องไปสู่สุคตินะ, ชีวิตคนเราสั้นเหลือเกินอยากทำอะไรต้องรีบทำ เป็นต้น

สำหรับเรื่องราวของ "ตาต้า" สาวสวยนักวิ่งมาราธอนนั้น เธอได้ป่วยหนักเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน ตูน-บอดี้สแลม เพิ่งจะไปเยี่ยมเมื่อเร็วๆ นี้ และยังปรากฏภาพหญิงสาวมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้านั่งอยู่บนเตียงภายในโรงพยาบาล พร้อมชูสู้ 2 นิ้ว สู้ๆ ให้กำลังใจตัวเอง

แต่แล้ววันที่ 19 ก.ค. ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @nutchlimited ก็ได้แจ้งข่าวร้ายระบุว่า "ไม่รู้จะพูดยังไงเลย ร้องไห้ไม่หยุด กับการเสียเพื่อนคนนี้ไป ตาต้าคือนางฟ้านางสววรค์ที่แท้จริง ไม่เคยป่วย วิ่งมาราธอน รักแมว คิดบวก เราคุยกันตลอดทุกเรื่อง ซัพพอร์ทกันให้คำปรึกษากัน ตาต้าป่วยด้วยโรคแปลกๆ ยากอธิบายได้เดือนนิดๆแล้วจากไป เป็นเครื่องเตือนใจอีกครั้งว่าชีวิตเรามันสั้นมาก"

จากนั้นยังทวิตอีกว่า "ขอพูดถึงอาการเสียชีวิตของเพื่อนอีกครั้ง ตาต้า แข็งแรง เล่นโยคะ กินคลีน วิ่งมาราธอนแทบทุกงาน คิดบวกเสมอ แล้ววันหนึ่งปวดหลัง ไปหาหมอ หมอบอกว่ามีผังผืดเกาะไขสันหลังเหมือนใยแมงมุม เลยต้องค่อยๆ ฉายแสงไป รักษาตัวไม่นานเลยก็เสียชีวิต อะไรก็เกิดขึ้นได้กับชีวิตคนเราจริง ๆ"

ส่วนเพจเฟซบุ๊ก @อย่าเรียกชั้นว่าผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย พบว่าเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ถ้านับรวมจนถึงวันที่ 19 ก.ค. ที่เพื่อนทวิตข้อความแจ้งข่าวร้าย ก็ผ่านพ้นไปเพียง 2 เดือนเท่านั้น ก่อนมะเร็งกระเพาะอาหารจะคร่าชีวิตสาวสวยรายดังกล่าวไป

สำหรับโพสต์แรกในเพจเกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ สาวสวยไปตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงสร้างเพจขึ้นพร้อมโพสต์ข้อความว่า สวัสดีค่ะ มาทำความรู้จักกันก่อน เราเป็นน้องใหม่ เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายได้ไม่นาน #ถามว่าตอนรู้นี่รู้สึกยังไง ก็งงๆนิดนิดหน่อย เพราะเรา(ภายนอก)ค่อนข้างดูแข็งแรงกว่าคนปกติทั่วไป  แต่พอหมอบอกมะเร็งกระเพาะอาหารนี่ก็พอลำดับความได้ว่า ตัวเองเป็นคนกินแบบ extreme จริงๆล่ะ คือ ชอบมากของหมักดอง ของดิบๆ รสจัดๆ ปลาร้านี่เกือบทุกวันต้องมี กาแฟ เบียร์ไวน์ ไม่ได้ขาด เราไม่ได้ช็อก ตกใจไรมาก เครเป็นก็เป็น ขนาดเป็นยังแข็งแรงขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นนี่วิ่งมาราธอน sub 4 แน่ๆ

สรุปว่าเราเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายค่ะ แต่ไม่เคยมีอาการอะไรมาก่อนเลย โรคกระเพาะก็ไม่เคยเป็น ปวดท้องยังแทบไม่มี ขับถ่ายปกติ คือดูแข็งแรงสุดๆ ชนิดว่าคุณหมอยัง งงไป ชมไป อ้อปกติเราออกกำลังกายเกือบทุกวันนะคะ วิ่งบ้าง เวทบ้าง ว่ายน้ำบ้าง หยุดบ้าง เกเรบ้างแล้วแต่อารมณ์ อันนี้น่าจะเป็นตัวช่วยให้ดูแข็งแรงเกินปกติของ “ผู้ป่วย” ที่เป็นโรคนี้ เพราะฉะนั้นตรวจสุขภาพกันสม่ำเสมอนะคะทุกคน เดี๋ยววันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นมะเร็งแล้วชีวิตเป็นไงบ้าง

ถัดจากนั้นเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ได้โพสต์ข้อความปวดแทบขยับคอ+บ่า ไม่ได้ ทรมานสุดๆ เป็นมา 2 อาทิตย์ สรุปรู้จักมะเร็งมา 1 เดือน ร่างกายสมบูรณ์ดี ยกเว้นคอตกหมอนนี่ล่ะ ยอมแพ้เลย ร้ายกาจกว่ามะเร็งซะอีก

จากนั้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งโดยต้องไปนอน รพ. หลังทำ mri พบว่าแนวกระดูกสันหลังมาคลุมรอบกระดูก ต้นคอ กดทับเส้นประสาท สรุปว่าที่ปวดคอ ปวดเอว ปวดแขนก็เพราะเหตุนี้ อาการที่มีคือแน่นหน้าอก, ไข้ขึ้น, heart rate สูง, O2 ต่ำ เดี๋ยวรักษาหายแล้วจะได้กลับไปจ๊อกเบาๆ สักที อยากไปวิ่งกะพี่ตูน

ขณะที่วันที่ 13 มิ.ย. ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าประสบการณ์การฉายแสงว่าไม่น่ากลัว รวดเร็วดี ผลข้างเคียงก็ไม่เจอมาก สรุปว่าหายห่วง

จนมาถึงโพสต์สุดท้ายทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ต้องให้เลือด เนื่องจากเลือดจาง โดยมีการมึน เวียนหัว ไข้ขึ้นตลอด พยาบาลต้องรุมวัดความดัน จากนั้นได้ฉายแสงอีกครั้ง ตอนนั้นไข้ลด ไม่มีอาการวิงเวียนหรือ side effects ใดๆ

นพ.นรินทร์ วรวุฒิ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า โรคมะเร็งกระเพาะอาหารที่เจอบ่อย อยู่บริเวณเยื่อบุผิวด้านใน มี 2 สาเหตุ คือพันธุกรรมบางอย่างที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งทางเดินได้หลายชนิด รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารด้วย แต่ก็เจอน้อย ส่วนที่เจอเยอะคือเกิดจากสิ่งแวดล้อม ที่ทราบคือ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ โพโลไร ( Helicobacter pylori) ซึ่งอาศัยอยู่ที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร จะทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง บวกกับการรับสารก่อมะเร็งที่คนไข้ภูมิคุ้มกันไม่ดี ไม่สามารถกำจัดเซลล์กลายพันธุ์ได้ก็ทำให้เกิดมะเร็ง ทั้งนี้ หากกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลางก็มีโอกาสแพร่แบคทีเรียตัวนี้ได้ ซึ่งการติดเชื้อดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ติด

"สำหรับอาการของโรคหากเป็นระยะแรกๆ แทบไม่ค่อยมีอาการ หากเป็นมากอาจจะมีอาเจียนเป็นเลือด ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาการย่อยยาก ปวดท้องไม่รู้สาเหตุ โลหิตขางไม่รู้สาเหตุ จนกระทั่งแพร่กระจายก็จะมีภาวะตับโต ปวดท้อง น้ำในท้อง หรือคลำก้อนได้ที่ไหปลาร้าข้างซ้าย เมื่อมะเร็งแพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลือง  ส่วนการรักษามะเร็งระยะ 1-2 ผ่าตัด โอกาสในการหายขาดก็มีสูง หากระยะ 3 เป็นต้นไป มีทั้งผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด แล้วตาเคสว่าเริ่มกระบวนการไหนก่อน"

นพ.นรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องช้อนกลางที่มีโอกาสแพร่เชื้อแบคทีเรียแล้วนั้น อีกสาเหตุหนึ่งคือการรับประทานอาหารประเภทปิ้งย่าง ร้อนๆ อาหารหมักดอง รวมถึงคนที่ไม่รับประทานผักสด ผลไม้สด ทำให้ขาดวิตามินก็มีโอกาสเป็นโรคนี้เช่นกัน  นอกจากนี้มีโรคบางโรคทางพันธุ์กรรม เช่น โลหิตจางเพอร์นิเชียส และที่พบว่าเป็นมากคือมะเร็งกระเพาะบริเวณขั้วกระเพาะระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร

ซึ่งตำแหน่งนี้จะมีหูรูดปิดไม่ให้กรดเกลือซึ่งช่วยการย่อยอาหารไหลย้อนไปทำให้เกิดการระคายเคือง และเกิดแผลในกระเพาะอาหารบริเวณดังกล่าวได้ พอเป็นแผลนานๆ บวกกับการกินอาหารปิ้งย่าง เค็ม หมักดองก็ทำให้กลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันที่สหรัฐอเมริกาพบได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีมะเร็งกระเพาะอาหารที่เกิดจากยีนส์ เฮอร์ 2 เจอได้ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นของมะเร็งกระเพาะอาหารทั้งหมด แต่มียามุ่งเป้า ซึ่งหากใช้ร่วมกับเคมีบำบัดให้ผลการรักษาค่อนข้างดี

 

“สำหรับตาต้า นักวิ่งรายที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ เราไม่ทราบว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ต้องมีการตรวจยืนยัน ตรวจประวัติครอบครัวว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการรักษา และการดำเนินโรคจะแตกต่างกัน สำหรับการป้องกันคือหลีกเลี่ยงอาหารป้องย่าง หมักดอง ให้เน้นรับประทานผักสด ผลไม้สด และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซึ่งการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ได้ช่วยรักษาโรค แต่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง” นพ.นรินทร์ กล่าว.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0