ไถไร่ข้าวโพดทิ้ง หลังฝนทิ้งช่วงยืนต้นเหี่ยวเฉา

ทนต่อไปยิ่งหมดตัว เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ประสบปัญหาภัยแล้งหนักเนื่องจากฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ข้าวโพดยืนต้นเหี่ยวเฉา ต้องไถไร่ข้าวโพดทิ้งนับพันไร่

เกษตรกร ต.พุนกยูง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ต้องนำรถแทรกเตอร์เข้าไถต้นข้าวโพดที่ปลูกไว้ เพื่อรอทำการปลูกใหม่อีกครั้ง หลังในพื้นที่ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงยาวนาน ส่งผลให้ข้าวโพดยืนต้นเหี่ยวเฉาไม่สามารถออกฝักให้เก็บผลผลิตขายได้ เกิดความเสียหายและขาดทุนอย่างมาก

จากการสอบถาม นายบุญเกิน แพรเถื่อน เกษตรกรในพื้นที่บอกว่า ตัวเองปลูกข้าวโพดไว้กว่า 400 ไร่ และที่ผ่านมาประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก เนื่องจากอยู่นอกเขตชลประทาน แหล่งน้ำตามธรรมชาติก็ไม่มี ประกอบกับปริมาณฝนในพื้นที่มีน้อย ทำให้ต้นข้าวโพดที่ปลูกไว้เหี่ยวเฉาและขาดน้ำแห้งตาย จึงต้องไถไร่ข้าวโพดทิ้งเกือบทั้งหมด ขาดทุนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหากว่ามีฝนตกลงมา และมีปริมาณที่มากพอก็จะเสี่ยงปลูกข้าวโพดใหม่อีกครั้ง

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ที่อ่างเก็บน้ำสระแก้ว หมู่ 11 ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี เจ้าหน้าที่ฝ่ายเครื่องจักรกลสำนักงานชลประทาน จ.นครสวรรค์ นำเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง มาติดตั้งไว้บริเวณอ่างเก็บน้ำ เพื่อสูบน้ำส่งต่อไปยังอ่างเก็บน้ำของหมู่ที่ 5 หมู่ที่ 11 หมู่ที่ 16 และหมู่ที่ 20 ระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร เพื่อส่งต่อน้ำดิบไปกักเก็บในอ่างเก็บน้ำภายในหมู่บ้าน หลังชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค - บริโภคนานนับเดือน

โดยเจ้าหน้าที่ บอกว่า การส่งน้ำดิบดังกล่าว เป็นการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในเบื้องต้นเท่านั้น หากมีฝนตกลงมาและมีปริมาณน้ำในบ่อน้ำดิบเพิ่มก็จะหยุดการสูบน้ำ และฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำไหลผ่านสองฝากฝั่งคลองสาธารณะ ขอให้ใช้นำจากการสูบน้ำในครั้งนี้ให้เป็นประโยนชน์ และใช้ในปริมาณเล็กน้อย ห้ามสูบน้ำเพื่อทำการเกษตรอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภค – บริโภคของทุกคน.