โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

โรคนี้มันมาแรงแท้! รวม 6 'โรคฮิตช่วงซัมเมอร์ ที่ต้องระวัง' #อย่าปล่อยให้ตัวป่วยเด็ดขาด

SistaCafe

อัพเดต 22 มี.ค. 2562 เวลา 07.16 น. • เผยแพร่ 22 มี.ค. 2562 เวลา 07.16 น. • belfry

 

เรื่องที่หลายๆ คนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่พอเป็นขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็วุ่นวายใช่ย่อยเลยนะ วันนี้ ขอเข้าโหมดความรู้บ้างดีกว่าเนอะ บอกต่อโรคที่เพื่อนๆ จำเป็นจะต้องรู้ ทั้งการป้องกัน วิธีแก้ และอาการของโรค แม้จะไม่อยากป่วย แต่รู้ไว้ก่อน ก็ไม่เสียหายนิ!
ซัมเมอร์แบบนี้ แดดก็แรง อากาศก็แย่ แน่นอนว่า ช่วงหน้าร้อน มักจะมาพร้อมๆ กับโรคต่างๆ ที่เราคาดไม่ถึง วันนี้ เรารวม6 โรคยอดฮิตช่วงซัมเมอร์มาให้ดู จะได้รู้ว่า มีโรคอะไรบ้าง ที่ควรระวัง ก่อนจะไปดูพร้อมๆ กัน หายใจเข้าลึกๆ โอเค พร้อมยัง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปตรวจสุขภาพกันเลยค่ะ

1. โรคอาหารเป็นพิษ

 

โรคอาหารเป็นพิษ : สาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ อาจจะเกิดจากการที่เราชอบทานอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะอาหารทะเล หรือการใช้มือหรือภาชนะที่ไม่สะอาดมาประกอบอาหาร หรือใช้ขณะรับประทานอาหาร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ : จะรู้สึกคลื่นไส้ และมีอาการท้องเสียขั้นรุนแรง สำหรับใครที่เป็นหนักมากๆ อาจจะมีทั้งอาการคลื่นไส้ รวมไปถึงการถ่ายออกมาเป็นมูกเลือดด้วย ถึงแม้บางคนจะอาการไม่หนักหนา แต่โรคนี้ ก็โอกาสเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำอย่างหนักได้เหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าพบความผิดปกติควรรีบไปหาหมอด่วน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากภาวะอาหารเป็นพิษ : ควรล้างมือทุกครั้ง ก่อนที่เราจะรับประทานอาหาร หรือหยิบจับของกินเข้าปาก เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด อาหารชนิดไหน ที่เราเก็บไว้นานเกินไป ไม่ควรนำมากินอีก ให้ทิ้งไปซะ แต่ถ้าต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน ให้เลือกร้านที่สะอาด และถูกสุขลักษณะ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถป้องกันโรคนี้ได้แล้วค่ะ

2. โรคลมแดด

 

โรคลมแดด หรือ Heatstroke : สาเหตุเกิดจากความล้มเหลวในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ส่งผลให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการต่างๆ ซึ่งหากอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยกินน้ำ การที่เรานั้นอยู่ในบริเวณอุณหภูมิที่ร้อนจัด อบอ้าว ถึงแม้จะไม่โดนแสงแดดก็สามารถเกิดอาการนี้ได้เช่นกัน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ : อาจจะเริ่มจากอาการวิงเวียนหัว ปวดหัว อ่อนแรง และคลื่นไส้ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น สับสน พูดไม่ชัดเจน กระสับกระส่าย หรือเห็นภาพหลอน แต่ถ้าใครที่มีอาการรุนแรงมากๆ จะเกิดการชักเกร็งและมีอาการโคม่าได้ในที่สุด สังเกตได้จากการสัมผัสของผู้ที่เป็นโรคนี้ จะพบว่าตัวจะเริ่มร้อน และมีผิวสีที่แดงกว่าปกติ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากโรคลมแดด : เราควรดื่มน้ำเยอะๆ และหลีกเลี่ยงจากสถานที่ที่มีความอบอ้าว หรือตากแดดเป็นเวลานาน หรือที่ที่มีอุณหภูมิสูงๆ 

3. โรคพิษสุนัขบ้า

 

โรคพิษสุนัขบ้า : เป็นอีกหนึ่งโรคที่มาแรงมากๆ ในช่วงหน้าร้อนนี้ เรามารู้ถึงสาเหตุของโรคนี้กันหน่อยดีกว่าเนอะ เชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้านั้น จะอยู่ภายในน้ำลายของสัตว์ ช่องทางที่มีโอกาสติดต่อจากสุนัขมาสู่คนได้มากที่สุดคือ การถูกสุนัขกัด และเชื้อก็จะเดินทางจากน้ำลายของสุนัขเข้าสู่แผลที่ถูกกัดนั่นเอง และไม่ใช่แค่น้องหมาเท่านั้น ที่ทำให้เราเสี่ยงต่อโรคนี้นะ สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่สามารถทำให้เราติดโรคนี้ได้ด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ : หากเป็นโรคนี้ขึ้นมา จะมีอาการสมองอักเสบ ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ คันบริเวณที่ถูกกัด หงุดหงิด กระสับกระส่าย ตื่นเต้นและไวต่อสิ่งรอบตัว ไม่ชอบแสง ไม่ชอบลม มีน้ำลายไหล กล้ามเนื้อเกร็งและกระตุก ต่อมาจะเริ่มเพ้อ คลั่ง ชัก กลัวน้ำ หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด มีความน่ากลัวมากกว่าโรคอื่นๆ อีกนะเนี่ย!
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากโรคพิษสุนัขบ้า : อย่าพยายามไปใกล้กับสัตว์ที่ไม่คุ้นเคย หรือเล่นกับสัตว์เวลาอากาศร้อนจัด ให้พาสัตว์เลี้ยงที่บ้านไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค สำหรับใครที่โดนกัดไปแล้ว อย่างแรก ชำระล้างบาดแผลก่อน ด้วยน้ำสะอาดและสบู่โดยการถูเบา ๆ เท่านั้น ซับแผลให้แห้งด้วยผ้าก็อซที่สะอาด แล้วฆ่าเชื้อด้วยการเช็ดแผล ด้วยแอลกอฮอล์หรือทิงเจอร์ไอโอดีน เสร็จแล้วรีบไปหาหมอทันที

4. โรคบิด

 

โรคบิด : คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการติดเชื้ออะมีบาในลำไส้ ซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องเสียชนิดมีเลือดหรือมูกปน เกิดจากสาเหตุหลักสองอย่างคือ โรคบิดชนิดไม่มีตัว เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย shigella ในอุจจาระซี่งมักพบในประเทศที่มีสุขอนามัยไม่ดี กับ โรคบิดที่เกิดจากอะมีบา เกิดจากปรสิตเซลล์เดียวที่มีชื่อว่า Entamoeba histolytica ที่มักพบในเขตร้อน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ : ถ้าหากติดเชื้อแบบไม่มีตัว ช่วงแรกจะมีอาการรุนแรง มีไข้สูง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือดและมีหนองปน ถ่ายน้อยแต่บ่อยมาก ถ้าปล่อยให้อ่อนแอ อาจจะเกิดอาการชักได้ แต่ถ้าเป็นแบบติดเชื้อจากอะมีบา มักจะไม่ค่อยมีอะไรช่วงแรก แต่อาจจะมีอาการบิดเฉียบผลัน มีไข้สูง หนาวสั่น อุจจาระร่วง เชื้อแพร่ไปตามกระแสโลหิต ซึ่งอาจจะเกิดฝีที่ตับ ปอดหรือสมอง และต้องรีบไปหาหมอเมื่อรู้สึกมีอาการไม่ดี
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากโรคบิด : คือ การรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีป้องกันโรคบิดที่ดีที่สุด เพราะสุขอนามัยที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคบิดได้ 

5. โรคไข้ไทฟอยด์

 

โรคไข้ไทฟอยด์ : เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคชนิดนึง ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ซึ่งอาจจะปนเปื้อนมาในอาหารรวมถึงน้ำดื่ม นอกจากนี้การขับถ่ายของเสียที่ไม่ถูกสุขอนามัย เช่น การขับถ่ายลงแหล่งน้ำ หรือการทิ้งของเสียและสิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้เช่นเดียวกัน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ :  จะเริ่มแสดงเมื่อมีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในตัวหลังจาก 1 - 2 สัปดาห์ จากนั้นจะตามมาด้วยอาการปวดหัว ปวดตามตัว และมีไข้สูง มีอาการท้องร่วง ผื่นขึ้นตามตัว
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากโรคไข้ไทฟอยด์ : ปกติ คนที่เป็นโรคนี้จะหายเองภายใน 3 - 4 สัปดาห์   แต่ทางที่ดีเมื่ออาการของโรคนี้เกิดขึ้น แนะนำให้รีบไปหาหมอจะดีกว่า วิธีป้องกัน คือการรักษาความสะอาด อาหารที่เราจะกินเข้าไปนั้น จะต้องสุก แหล่งน้ำที่ใช้ดื่ม ก็ต้องปลอดภัย ไม่มีสิ่งเจือปน และควรไปรับวัคซีนป้องกันด้วยนะ

6. โรคอหิวาตกโรค

 

โรคอหิวาตกโรค : สาเหตุนั้นมาจากแบคทีเรียที่ชื่อว่าVibrio Cholerae ที่เข้าสู่ร่างกายของเรา ซึ่งเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารเป็นการติดเชื้อในลำไส้อย่างเฉียบพลัน และโรคนี้ เชื่อหรือไม่ว่า สามารถคร่าชีวิตของผู้คนไปได้จำนวนมากเลยทีเดียว
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาการ : จะมีอาการหลังได้รับเชื้อแล้ว 2 - 3 ชั่วโมงไป จนถึงประมาณ 5 วัน อาการสำคัญคือ ท้องเสียเฉียบพลัน อุจจาระเป็นน้ำ และจะทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง อุจจาระจะมีสีขาวเหมือนน้ำซาวข้าว และมีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา ร่วมไปถึงอาการคลื่นไส้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าคนเป็นโรคนี้จะไม่มีไข้และไม่ปวดท้อง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การป้องกันตัวเองจากโรคอหิวาตกโรค : อย่างแรกเลยคือ เราต้องระมัดระวังในเรื่องของการกิน และรู้จักรักษาความสะอาด กินแต่อาหารปรุงสุก โดยเฉพาะอาหารทะเล ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่บ่อยๆ ทุกครั้งก่อนกินอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังการดูแลผู้ป่วย ยิ่งเรารักษาความสะอาดมากเท่าไหร่ โอกาสเสี่ยงก็จะมีน้อยมากเท่านั้น

บางโรคอาจจะดูน่ากลัว บางโรคอาจจะดูเฉยๆ แต่ก็อย่าละเลย ที่จะดูแลตัวเองนะคะ เวลาที่มันยังไม่เกิด เราก็มองว่า มันเป็นเรื่องเล็กนี่แหละ แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ป่วยขึ้นมา ปัญหาหนักเด้อ ฉะนั้นดูแลตัวเองตั้งวันนี้ สุขภาพเรา มันหาซื้อที่ไหนไม่ได้ รู้มั้ย
สำหรับวันนี้ ก็หวังว่า จะได้ประโยชน์กันทั่วหน้านะ ไปก่อนละ บ๊ายบาย

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0