เคยกลัวอะไรที่สุดในชีวิต หรือกลัวอะไรแปลก ๆ เหมือนที่ดาราเขากลัวกันบ้างไหมคะ ?
โรคกลัวของแปลก ๆ อาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวของใครหลายคน แต่โรคดังกล่าวมีอยู่จริง คนที่เป็นไม่ได้ดัดจริตหรือกระแดะแกล้งทำเป็นกลัวเพื่อเลียนแบบดารานะคะ บางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงได้กลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเหตุการณ์บางอย่างได้มากขนาดนั้น จนทำให้คนรอบข้างมองว่าแปลกประหลาดหรือเสแสร้งแกล้งทำ ล่าสุดอาการโฟเบียที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้เกิดจากการเปิดตัว iPhone11 ที่ทำให้คนที่เป็นโรคกลัวรู (Trypophobia) อาการกำเริบ! ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ โรคกลัวรู!!!และในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ โรคกลัว (Phobia)กันค่ะ
ที่มาของภาพ : khaosod
อาการโฟเบียในสิ่งแปลก ๆ มีอยู่มากมาย บางสิ่งคุณอาจจะไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์จะกลัวได้ อย่างเช่นภาวะการกลัวรูหรือที่เรียกว่า Trypophobia เกิดขึ้นเมื่อพบเห็นรูต่าง ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์ทำและเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งภาวะนี้แบ่งระดับความกลัวออกไปหลายระดับ ตั้งแต่คันยุกยิก ขนลุก อาการขยะแขยง ตัวสั่น เขาอ่อน และหมดสติไปเลยก็มีนะคะ นักแสดงชื่อดัง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่มีอาการนี้ค่ะ
ความกลัวที่ไม่มีเหตุผลเรียกว่า โรคกลัว หรือโฟเบีย (Phobia)เป็นความกลัวชนิดที่ไม่ปกติ มักจะเกิดกับความกลัวสิ่งของ บุคคล การกระทำ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ การกลัวมีความรุนแรงทางอารมณ์ เป็นพฤติกรรมเชิงอารมณ์ที่รุนแรงที่จะปฏิเสธต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ภายนอกที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง โรคกลัว (Phobia) นี้จะแตกต่างกับความกลัว (Fear) ที่ไม่มีการแสดงอารมณ์ที่รุนแรง อย่างการร้องไห้ฟูมฟายหรืออาเจียน และแตกต่างกับความวิตกกังวล เพราะกรณีของโฟเบียเรารู้ว่าตัวเรากลัวอะไร แต่เราไม่รู้ว่าเราเป็นกังวลในเรื่องอะไร
ที่มาของภาพ : biteofnews
อาการของโรคกลัว
อาการของโรคกลัว หรือ โฟเบีย อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวโดยตรงหรือเพียงแค่จินตนาการถึงสิ่งเหล่านั้นเท่านั้น โดยผู้ป่วยมักตอบสนองต่อสิ่งที่ทำให้กลัว ดังนี้
- เกิดอาการตื่นกลัว ได้แก่ หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ วิงเวียนศีรษะ พูดติดขัด ปากแห้ง คลื่นไส้ เหงื่อออก มือเท้าสั่น ความดันโลหิตสูง หมดสติ วิตกกังวลว่าตนเองจะตาย เป็นต้น
- ควบคุมตนเองไม่ได้ แม้รู้ตัวว่าเป็นความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล
- รู้สึกวิตกกังวลหรือกลัวมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้สิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัว
- พยายามทำทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัว
- เด็กที่เป็นโรคนี้อาจมีอารมณ์ฉุนเฉียว ร้องไห้งอแง ไม่ยอมอยู่ห่างพ่อแม่ หรือหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัว
สาเหตุของโรคกลัว
โฟเบียแบ่งชนิดตามสิ่งที่แต่ละคนรู้สึกกลัว เช่น โรคกลัวความสูง โรคกลัวเข็มฉีดยา โรคกลัวเลือด โรคกลัวการเข้าสังคม เป็นต้น ซึ่งทางการแพทย์ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของอาการกลัวเหล่านี้ แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้
- การรับฟังหรือประสบกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นต้นเหตุของความรู้สึกกลัว เช่น ผู้ที่เสพข่าวเครื่องบินตกอาจเกิดความรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีพ่อหรือแม่เป็นโรคนี้อาจมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
- การเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนใกล้ชิดและลักษณะการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง
- กระบวนการทำงานของสมองที่ผิดปกติ
ที่มาของภาพ : tipsdd
การรักษาโรคกลัว
ผู้ป่วยโรคกลัวส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหากหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกกลัวได้และอาการป่วยไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ในกรณีที่ต้องได้รับการรักษา แพทย์อาจต้องใช้หลายวิธีควบคู่กันเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีที่สุด เช่น
1. จิตบำบัด คือการปรึกษาจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อเรียนรู้วิธีรับมือกับความกลัว แพทย์อาจแนะนำให้รับการรักษาโดยใช้การเผชิญกับความกลัวหรือการบำบัดพฤติกรรมและความคิด
- การเผชิญกับความกลัว อาจช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้การรับมือกับความกลัวได้ด้วยตนเอง โดยให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอ และค่อย ๆ ปรับระดับความใกล้ชิดให้มากขึ้น เช่น แพทย์จะให้ผู้ที่กลัวการขึ้นลิฟต์จินตนาการถึงการขึ้นลิฟต์ ดูรูปภาพของลิฟต์ ลองเข้าใกล้ลิฟต์ จากนั้นจึงให้ลองใช้งานลิฟต์ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ต้องทำภายใต้การดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะจำเป็นต้องมีลำดับขั้นของการบำบัดที่ถูกต้องและเหมาะสม หากลองทำเองที่บ้านอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- การบำบัดพฤติกรรมและการรู้คิดคือการปรับวิธีคิดและพฤติกรรมเพื่อรับมือกับความกลัวอย่างเหมาะสม โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตจะชี้แนะให้ผู้ป่วยเข้าใจความคิดและพฤติกรรมที่ผิดปกติ ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้การรับมือกับความกลัวได้ด้วยตนเอง
2. การรับประทานยา บางครั้งแพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการวิตกกังวลหรือตื่นกลัวก่อนเริ่มรักษาด้วยวิธีจิตบำบัดหรือเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่กลัว ยาที่แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ ได้แก่
- ยาต้านอาการซึมเศร้ามีสรรพคุณช่วยลดความวิตกกังวล ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะการหยุดยาทันทีอาจทำให้เกิดอาการถอนยา ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ยาคลายเครียดเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่แพทย์อาจนำมาใช้ช่วยลดอาการวิตกกังวล เช่น เบนโซไดอะซีปีน ไดอะซีแพม เป็นต้น ยานี้ควรใช้ตามปริมาณที่แพทย์กำหนด เพราะการใช้ยากลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ และการหยุดรับประทานยาทันทีอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งหากต้องการหยุดใช้ยา ส่วนผู้ที่มีประวัติติดสุราหรือติดยาเสพติดไม่ควรใช้ยาชนิดนี้
- เบต้าบล็อกเกอร์ เป็นกลุ่มยาลดความดันโลหิต แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาชนิดนี้เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดจากความกลัวหรือวิตกกังวล เช่น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง อาการสั่นตามแขนและขา เสียงสั่น เป็นต้น
นอกจากนั้น การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรับมือกับความวิตกกังวลและความกลัวได้ เช่น การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย เป็นต้น
การป้องกันโรคกลัว
ปัจจุบันไม่มีวิธีป้องกันโรคกลัวที่ได้ผล 100%ทว่าการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ นอกจากนั้น ผู้ป่วยที่มีบุตรควรปรึกษาจิตแพทย์ถึงวิธีรับมือกับความกลัวและการแสดงออกทางพฤติกรรมเมื่อรู้สึกกลัวอย่างเหมาะสม เนื่องจากพฤติกรรมของพ่อแม่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กเลียนแบบและเกิดอาการโฟเบียตามไปด้วย
ในโลกนี้มีโรคกลัวอะไรที่แปลก ๆ เยอะแยะไปหมดแต่ละอย่างประหลาดจนยากจะเข้าใจ เป้าหมายของการรักษา โรคกลัว หรือ โฟเบีย คือ การช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนความคิด คลายความวิตกกังวล และเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา เพื่อลดความกลัวต่าง ๆ ด้วยตนเอง อย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ… ส่วนใครที่มีความกลัวอะไรแปลก ๆ แบบที่คนอื่นเขาไม่กลัวก็เอามาแชร์กันบ้างนะคะ _
ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : โรคกลัว(Phobia) ความกลัวขั้นขีดสุดที่อาจอันตรายถึงตาย! ได้