เป็นที่ทราบกันดีว่า "น้องมะลิ" พาขวัญ ลูกสาวของ "โบว์" แวนด้า สหวงษ์ ชื่นชอบและปลื้มในตัว "ลิซ่า" ลลิษา มโนบาล สมาชิกวงBlackpink เป็นอย่างมาก แต่ที่ทำเอาใครหลายคนแห่ชื่นชมหลัง "โบว์" แวนดา สหวงษ์ หลังไปออกรายการ 3 แซ่บ แล้วเล่าว่าเคยมีผู้ใหญ่ใจดีจะพามะลิไปเจอ ลิซ่า แต่ตัดสินใจไม่พาน้องมะลิไปหา ได้สอบถามสาเหตุที่ "โบว์" แวนดา สหวงษ์ เลือกที่จะปฏิเสธในงาน "เอ็มซีเอ็ม คริสต์มาส แชร์ริตี้" ณ ธาราฮอลล์ ชั้น Mไอคอนสยาม โดยได้ระบุว่า…
"จริงๆ ไม่อยากให้มองว่าเป็นสิทธิพิเศษหรือไม่พิเศษ บางคนที่เขามีโอกาสเจอไม่ว่าจะเป็นดาราหรืออะไรก็ตาม บางทีเจารู้จักเป็นการส่วนตัวเขาก็เลยได้เข้าไป ซึ่งอันนั้นไม่ใช่สิทธิพิเศษ นั่นคือการที่เขารู้จักกัน แต่ด่วยความที่เราไม่เคยรู้จักน้องลิซ่าเป็นการส่วนตัว แต่ว่าน้องลิซ่าเป็นไอดอลของมะลิ เราเลยมีความรู้สึกว่าในมุมมองของเด็ก ผู้ใหญ่ หรืออะไรก็ตาม ไม่อยากให้มองว่าเป็นเด็กแล้วจะได้แบบ…คือเข้าใจสำหรับผู้ใหญ่ที่รู้ว่าน้องมะลิชอบมาก พอมีโอกาสก็อยากให้น้องไป แต่เราก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่สิ่งหนึ่งที่มีก็คือความชอบในตัวน้องลิซ่าเหมือนกันทุกคน
ฉะนั้นการจะได้เจอลิซ่าก็ต้องทำตามกฎตามระเบียบ บางคนมารอเป็นวันๆ แล้วเราเองไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่แบบคนอื่นเขาทำ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องได้เจอ (บอกกับน้องมะลิยังไง) บอกเขาว่าถ้าหนูอยากเจอก็ต้องทำเหมือนทุกคน ทำเหมือนแฟนคลับพี่ลิซ่า ที่เขาอยากจะเจอก็ต้องไปต่อคิว ไปนั่งรอ หรือถ้าน้องอยากจะเจอจริงๆ วันหนึ่งน้องเต้นเก่งๆ ฝึกฝนตัวเอง แล้วถ้าโชคดีมีโอกาสพิเศษน้องอาจจะได้ร่วมงานกับพี่ลิซ่า อันนี้เป็นความฝันเรานะ (หัวเราะ) แต่ก็พยายามให้กำลังใจเขาอย่างนั้นว่า เต้นเก่งๆ วันหนึ่งอาจจะมีช่องทางที่แบบได้เจอพี่ลิซ่า
แล้วถ้าวันนั้นได้เจอและได้ถ่ายรูป เวลาใครถามเขาก็จะมีความภูมิใจว่าเขาได้เจอพี่ลิซ่างานนี้ แต่ว่าการที่เราได้โอกาสพิเศษจากผู้ใหญ่ที่สามารถเข้าไปได้ บางทีเราก็พูดลำบากถ้าคนถามว่าเจอพี่ลิซ่าหรือยัง แล้วน้องบอกว่าเจอแล้ว คนก็อาจจะอ้าว! ไปเจอที่ไหน เราก็เลยบอกว่าอยากให้น้องทำตามกฎระเบียบ แล้วก็พยายามเข้าวันหนึ่งถ้าน้องได้ถ่ายรูปกับพี่ลิซ่านั่นแหละมันจะเป็นความภาคภูมิใจของเขาเอง ถามว่ามีคนติดต่อเยอะไหมที่จะให้ไปเจอ จริงๆ แค่ครั้งเดียว แต่เราก็ขอบคุณผู้ใหญ่ท่านนั้นจริงๆ ที่เห็นน้อง แล้วอยากจะพาน้องไปเจอ แต่ว่าเราก็อยากให้ลูกเรียนรู้ถึงความอดทน เรียนรู้ถึงกฎกติกาของสังคม"
เมื่อถามสิ่งที่โบว์ทำคือการกันดราม่า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยใช่ไหม ซึ่งคุณแม่สุดสตรองกล่าวทันทีว่า…
"ใช่ จริงๆ ไม่ใช่โลกสวยต้องโน่นนี่ ไม่ใช่นะคะ เราก็เคยชื่นชอบดารา เราก็เคยไปดูคอนเสิร์ต เราก็เคยไปต่อคิวแล้วค่อยเข้าไป และเราก็อยากให้น้องรู้สึกว่าเวลาน้องทำอะไรน้องต้องทำเหมือนทุกๆคนที่ชื่นชอบแบบน้องเหมือนกันแค่นั้นเอง (ไม่ได้มองเป็นการเสียโอกาสให้ลูกเราใช่ไหม) ไม่ โบว์ว่าเมื่อวันนี้ไม่ได้เจอ ถ้าวันหนึ่งเขายังชอบลิซ่าต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จะมีความรู้สึกว่า มันต้องมีไม่ได้ โอกาสใดโอกาสหนึ่งที่ลิซ่าจะมา และคนที่ฉันชื่นชอบนี่ มันก็จะทำให้น้องพยายามที่จะได้เจอ และถ้าเขาได้เจอมันก็จะเป็นความรู้สึกที่ว่า เนี่ยคือความพยายามของฉัน เนี่ยคือสิ่ที่ฉันตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อพี่ลิซ่า มันจะเป็นความทรงจำที่ดีกว่าการเดินลัดเลาะไปหลังเวทีแล้วได้ถ่ายรูปแต่โชว์ไม่ได้ หรือได้ถ่ายรูปแต่บอกใครไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่เอา เรื่องที่ไปหาลิซ่า มะลิ ไม่ทราบ เราไม่ได้บอกเขา (หัวเราะ) เราก็จะพยายามบอกเขาอย่างเดียวว่าอดทน ถ้าน้องเต้นเก่ง พยายามฝึกฝนน้องได้เจออยู่แล้ว ก็จะให้กำลังใจเขามากกว่า"
เมื่อถามต่อเรื่องที่พามะลิไปเกาหลี แล้วมีช็อตประทับใจที่ใครหลายคนเห็น ที่มะลิไปหน้าบ้านพักลิซ่าแล้วเขาไปกราบไปไหว้ ซึ่ง โบว์ได้เล่าถึงโมเม้นท์ดังกล่าวให้ฟังว่า…
"อ๋อ คือเราไม่ได้กดดันพี่ลิซ่านะ แต่ว่ามันเป็นความหวังดี คือพอดีเราไปแถวนั่น แล้วคนไทยที่อยู่เกาหลี เขาเป็นแฟนคลับมะลิ เขาบอกว่า มีบ้านสีชมพูที่อยู่ตรงนี้ ใครมาก็ต้องไปถ่ายรูปนะ และด้วยความเป็นเด็ก เขาถามมะลิว่าไปหาพี่ลิซ่าไหม มะลิก็คิดว่าถ้าไปแล้วไปเคาะประตูเดี๋ยวพี่ลิซ่าก็คงออกมา
เราก็แบบ… มันเป็นโมเม้นท์ที่ขำด้วย และอยากร้องไห้ด้วย เพราะเขาก็เคาะๆๆๆ ออกมาเถอะๆ พอไม่ออกมา เขาก็ก้มลงกราบ แล้วบอก ออกมา จงออกมา พี่ลิซ่าจงออกมา เราก็รู้สึกว่าเป็นช็อตประทับใจ และรู้สึกว่า เดี๋ยวสักวัน มันต้องเป็นวันของน้อง (บ้านหลังนั่นคือบ้านของแบล็กพิงค์เคยไปฝึกซ้อมใช่ไหม) เขาว่าเป็นบ้านสีชมพู ที่ลิซ่าและวงแบล็กพิงค์เคยเก็บตัวฝึกซ้อม เออประมาณนี้นะที่เขาเล่ากันมา และใครชอบแบล็กพิ้งค์ก็ต้องมาถ่ารูปที่นี่"
