โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

แพทย์คู่ใจเซเลบ เผยเคล็ดลับหน้าเหี่ยวช้า สำหรับผู้หญิงหลักสี่ เข้าห้าแยก (คลิป)

Khaosod

อัพเดต 20 มี.ค. 2562 เวลา 11.59 น. • เผยแพร่ 20 มี.ค. 2562 เวลา 11.59 น.
แม่ย้อย

แม้หุ่นอวบอั๋นตามวัย แต่หนังหน้า “ใหม่ เจริญปุระ” ยังเด้งตาแตก ทั้งที่วัยเหยียบ 50 ปีแล้ว เราไปพบหมอความงามที่ดูแลผิวพรรณเธอมาเกือบ 10 ปี “นพ.วจพจน์  ศิรามังคลานนท์” ผู้มาไขปัญหาผิวหน้าของสาวใหญ่ พร้อมวิธีป้องกันดูแล

เคล็ดลับหน้าเหี่ยวช้า “นายแพทย์วรพจน์ ศิรามังคลานนท์” หรือ “หมออาร์ม” ผู้อำนวยการทางการแพทย์ และผู้ก่อตั้งเฮอร์ทิจูด คลินิก ผู้คร่ำหวอดในวงการความงามมาหลายสิบปี เหล่าบรรดาเซเลบริตี้คนดังมากมายไว้ใจ ฝากหน้าไว้ที่มือหมออาร์ม หลายคนเป็นคนไข้ขาประจำร่วมทศวรรษกันเลยทีเดียว

ข่าวสด บิวตี้ ไปคุยกับหมออาร์มถึงปัญหาผิวพรรณและเบ้าหน้าผู้หญิงที่เสื่อมไปตามปฏิทินเปลี่ยนปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัย 40 ปีขึ้นไป

หน้าแก่เร็วหรือช้า ขึ้นกับปัจจัยแวดล้อม

“เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แก่ขึ้น แต่จะ ‘แก่’ ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก

หมออาร์มบอกว่าปัจจัยภายในกับปัจจัยภายนอก

 “ปัจจัยภายใน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อายุมากขึ้นทุกปี ไม่มีใครหยุดเวลาได้, พันธุกรรม เชื้อชาติมีผล ทำไมฝรั่งแก่เร็ว ทำไมคนเอเชียแก่ช้า ด้วยยีนดีเอ็นเอของคนเอเชียแก่ช้ากว่าฝรั่ง

ส่วนปัจจัยภายนอก หลีกเลี่ยงได้ หนึ่ง-แสงแดด คนที่ตากแดดบ่อยๆ อาบแดดบ่อยๆ หน้าจะกร้าน มีริ้วรอยง่าย ดูแก่กว่าอายุ เพราะแสงแดด UVA-UVB ทำลายคอลลาเจนใต้ผิว, สอง-สูบบุหรี่ เป็นการรับสารพิษโดยตรง เพราะฉะนั้นผิวจะแก่มีริ้วรอยต่างๆ รวดเร็วกว่า, การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากๆ เพิ่มพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะไปโหลดที่ตับ ก็ส่งผลต่อผิวหนังด้วยเช่นกัน

สาม-การอักเสบของผิว บางคนเป็นภูมิแพ้ ผิวหนังเป็นผื่นง่าย พวกนี้ก็หน้าแก่เร็ว บางคนอักเสบจากสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น เครื่องสำอางต่างๆ ใช้แล้วแพ้ ทำให้ผิวแก่ขึ้น, สี่-ความเครียด ทำงานหนักนอนดึกเดินทางเยอะ ทุกครั้งที่เกิดความเครียด ร่างกายจะเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายอักเสบและเสื่อม”

สาวหลักสี่ ผิวหนังเริ่มเสื่อม

ผู้หญิงเข้าสู่เลขสี่ ผมเริ่มหงอก สายตาเริ่มยาว ผิวหนังก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เปลี่ยนแปลง 5 ชั้น อย่างแรก-ชั้นผิวหนังที่บางลง อย่างที่สอง-ชั้นไขมันที่บางส่วนน้อยลงทำให้เห็นเป็นร่อง หรือบางส่วนที่มากขึ้น ทำให้ปูดออกมา หย่อนออกมา อย่างที่สาม-เรื่องของกล้ามเนื้อ พออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อมักทำงานไม่สมบูรณ์ บางจุดมากไป บางจุดน้อยไป อย่างที่สี่-เรื่องของคอลลาเจน คอลลาเจนที่เป็นเส้นที่ดึงใบหน้าให้กระชับมันหย่อนคล้อยลง ทำไงเราจะ reverse  มันได้ และอย่างสุดท้าย-สาวๆ ไม่คิดถึงเลยว่าพอเราอายุมากขึ้น กระดูกก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน กระดูกที่บางลง ใบหน้าเรากระดูกก็บางลง ทำให้โครงสร้างใบหน้าลงไปที่กระดูก ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตา ร่องมุมปาก ร่องแก้ม

หมออาร์มแนะว่าถ้าฟื้นฟูผิวทั้ง 5 ชั้นนี้ได้ ก็ชะลอวัยได้

“ดูแลตัวเองดีแล้ว แต่ด้วยวัย มันก็ต้องเกิดขึ้นครับ 1) ผิวกำพร้าชั้นบนสุด พออายุมากขึ้น การหมุนเวียนผลัดผิวจะน้อยลง ผิวจะกร้าน มีริ้วรอยเล็กๆ เกิดขึ้นมา เกิดเม็ดสีที่ผิดปกติ รอยกระรอยฝ้าจุดด่างดำขึ้นมา 2) ชั้นผิวแท้ พอโดนแสงแดด มีความเครียดต่างๆ ชั้นผิวจะบางลง จากหนาๆ กลายเป็นตรงนี้ 1 มิลลิเมตร ตรงนั้น 3 มิลลิเมตร ตรงโน้น 4 มิลลิเมตร เหมือนกระดาษแข็งกลายเป็นกระดาษย่น เกิดริ้วรอยได้ง่ายยิ่งขึ้น

3) ชั้นไขมัน จากเต็มไปหมดเลย พออายุมากขึ้น บางก้อนของไขมันจะใหญ่ขึ้น อย่าง ไขมันตรงเหนือร่องแก้มจะหนาตัวขึ้น ทำให้ห้อยมา ไขมันตรงพวงแก้มล่างใหญ่ขึ้น มันก็ห้อย แต่ขณะเดียวกันในตำแหน่งที่เราอยากให้มี ไขมันที่หน้าผากซึ่งทำให้หน้าผากโหนกนูน กลับหายไป ทำให้เกิดเป็นร่องหน้าผาก หน้าผากไม่โหนกนูนเหมือนตอนวัยใสแล้ว กลายเป็นกระดูก ไขมันที่ขมับที่แก้มที่ใต้ตาหายไปหมด หน้าก็ตอบ

4) คอลลาเจนใต้ผิวเป็นชั้นบางๆ เป็นคอลลาเจนแนวนอน ซึ่งมันอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ที่เรียกว่า ‘เยื่อหุ้มเหนือกล้ามเนื้อ’ ตรงนี้เป็นคอลลาเจนที่แข็งแรงที่สุด เป็นชั้นที่คุณหมอผ่าตัดเอาไว้ดึงหน้าเรา ภาษาอังกฤษเรียกว่า SMAS (ย่อมาจาก Superficial Musculo Aponeurotic system ซึ่งเป็นแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด มีความเหนียว และหนา อยู่บริเวณใต้ชั้นไขมันผิวหนัง) พออายุมากขึ้น เปรียบเหมือนขึงผ้าอยู่นาน มันก็เหนื่อย มันก็ห้อยลงเรื่อยๆ

หน้าที่เราคือ จะ reverse เยื่อหุ้มนี้กลับตึงขึ้นมาให้ได้ เท่านั้นไม่พอ ยังมีคอลลาเจนแนวตั้งอีก เหมือนสะพานเชื่อมผิวหนังกับคอลลาเจนแนวนอน ตอนวัยรุ่นสะพานตรง แต่พออายุมากขึ้น สะพานเริ่มอ่อนแรง ผิวก็ห้อยตก หน้าที่เราก็ยิงพลังงานเข้าไปให้สะพานตรงนี้ตึงขึ้นมาอีกครั้ง

5) ชั้นที่อยู่ในสุดตรงกระดูก พออายุมากขึ้นกระดูกจะพรุน กระดูกรอบดวงตา นึกถึงกระดูกหัวกะโหลก มันก็จะกว้างขึ้น เนื้อเยื่อลูกตาก็จะตกลงไป ตาก็จะโหล พออายุมากขึ้นรูตรงจมูกก็กว้างขึ้น จมูกก็หล่นลงไป ไม่เด้งสวยงาม”

เทคโนโลยีความงามตอบโจทย์

สมัยนี้มีนวัตกรรมความงามเกิดขึ้นมากมาย ยิ่งกว่ารุ่นมือถือด้วยซ้ำ ทว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะไม่ทำร้ายสาวเราเลย หากเลือกใช้เป็นอย่างพอเพียง

“ดูตรงไหนเปลี่ยนเยอะที่สุด แก้ตรงนั้นก่อน”

หมออาร์มกล่าวว่าแต่ละคนต่างมีปัญหาความเสื่อมถอยบนใบหน้าแตกต่างกัน ดังนั้นต้องเลือกนวัตกรรมที่แก้ปัญหาตรงจุด ไม่ใช่เห็นอะไรฮิต ก็แห่ตามกระแส

“มีคนไข้มาหาผม บอกพี่อยากทำอัลเทอร่า (Uthera นวัตกรรมยกกระชับหน้า ที่สามารถส่งคลื่นผ่านลงลึงถึงชั้น SMAS โดยใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง) แต่พอมองหน้าไป โห ไขมันหายเพียบเลย ก็ตรวจทดสอบผลออกมาคอลลาเจนปกติ แต่ไขมันหาย ผมก็บอกคนไข้ ฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันดีกว่ามั้ย

บางคนเดินมาเห็นเพื่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler สารเติมเต็ม) ออกมาสวย อยากฉีดฟิลเลอร์บ้าง แต่หน้าตัวเองไขมันเต็มหน้าเลย แต่คอลลาเจนหายหมด เคสแบบนี้ควรอัลเทอร่า

บางคนเดินมาสวยเลยดูแลผิวดีทุกอย่าง แต่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น มีรอยหางตา รอยคิ้ว รอยหน้าผาก ก็ต้องใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์”

ต้องรู้ฉีดอะไร ฉีดแค่ไหน ฉีดกับใคร

ในการฉีดสารเติมเต็มก็ดี ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของปัญหา หรือโบท็อกซ์ก็ตาม ควรตระหนักว่าไม่ควรฉีดพร่ำเพรื่อ

เรื่องไขมัน ฉีดด้วยไขมันของตัวเองอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องผ่าตัดสองรอบ ส่วนฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยคือ กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) เท่านั้น เป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เราไม่พูดถึงอย่างอื่น เช่น ซิลิโคน (Silicone) เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่องค์การอาหารและยาไม่ให้ใช้

แต่มักมีคนแอบใช้ จนเกิดผลข้างเคียงเป็นข่าวสวยสยองตลอดเวลา เนื่องจากหาง่ายและราคาถูก

คนไข้เยอะเลยชอบมาสไตล์ วันนี้ฉีดโบท็อกซ์หางตาก่อนนะ กลัวหน้าแข็ง เดี๋ยวอาทิตย์หน้า ค่อยมาฉีดหว่างคิ้ว ผมก็จะอธิบายว่าการฉีดบ่อยๆ ต่อไปจะฉีดไม่ได้ผล ถ้าจะฉีดโบท้อกซ์ ฉีดตู้มไปเลย แล้วอีก 4-6 เดือนค่อยฉีดอีกที ปีละ 2 ครั้งพอ

ฉีดโบท็อกซ์ถี่ๆ บ่อยๆ จะส่งผลให้ดื้อยา เมื่อตัวเลขอายุมากขึ้น ฉีดโบท็อกซ์ก็จะไม่ได้ผล

“แต่อันตรายของการฉีด อย่างฟิลเลอร์อยู่ที่เทคนิคการรักษามากกว่า คุณหมอต้องมีความรู้ด้านกายวิภาค มีทักษะความชำนาญ ก็จะเกิดผลข้างเคียงน้อย ผลข้างเคียงที่เรากลัวมากที่สุด คือ การฉีดเข้าเส้นเลือด และทำให้ผิวตาย ทำให้ตาบอดได้

ถ้าคุณหมอรู้ว่าเส้นเลือดอยู่ตรงไหน คุณหมอต้องระวังจุดไหน ปริมาณยาต่อจุดฉีดได้แค่ไหน ต้องฉีดที่ชั้นไหนของผิว ก็สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากฟิลเลอร์ได้

โบท็อกซ์เช่นกัน ถ้าคุณหมอฉีดไม่เชี่ยวชาญ ฉีดผิดจุด ทำให้การขยับหน้าผิดปกติได้ หลายคนไปฉีดแล้วเจอปัญหาหน้าแข็งเกินไป ยิ้มไม่สุด ยิ้มปากเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน”

ไม่นิยมเทคโนโลยี ต้องกินเป็นอยู่เป็น

“สำหรับคนที่ไม่อยากฉีดอะไรเลย ต้องย้อนไปถึงปัจจัยภายนอก เช่น หลบเลี่ยงแสงแดด ไปทะเลมีหมวกมีร่มกันแดด มีเสื้อผ้าปกคลุม สีเข้มกันแดดได้มากกว่าสีขาว, ทายากันแดด ต้องดูรายละเอียดมีค่า SPF เท่าไร กันน้ำมั้ย เป็นต้น, ต้องมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มแข้งเพียงพอ กินให้ครบ วิตามินซี วิตะมินดี กินผักผลไม้ 5 สี พักผ่อนเพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ, และบำรุงผิวเท่าที่จำเป็น อย่าไปสรรหาอะไรมาทาหน้ามาก เดี๋ยวผิวหน้าอักเสบ ผิวแห้งทาเยอะหน่อย ผิวมันทาน้อยๆ หน่อย ไม่จำเป็นไม่ต้องแต่งหน้า

สังเกตไหม ผู้หญิงแก่เร็วกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงแต่งหน้าเยอะ พวกเครื่องสำอางต่างๆ อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ แพ้แล้วเป็นผื่น อุดตันแล้วเป็นสิว ทำให้ผิวแก่เร็วได้เช่นกัน”

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0