"แบงค์ ธิติ" เคลียร์สัมพันธ์ "พิมฐา" แค่เพื่อน ไม่ใช่มือที่สาม ขอโทษฝ่ายหญิงต้องซวยไปด้วย ส่วนอนาคตตอบไม่ได้ เปิดใจภาพนั่งอ้าขาหลังโสด ซูมแล้วไม่ได้มีอะไรเล็ดลอด โอดถูกโรคจิตทักให้เรียกชื่อแลกแก้ผ้า
หลังจากที่ออกมาประกาศโสดอย่างเป็นทางการ ก็โดนจับผิดเรื่องมือที่สามทันที โดยงานนี้คนที่ซวยเต็มๆ เห็นจะเป็นเน็ตไอดอลสาว "พิมฐา ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล" หลังจากที่ไปจัดรายการกับ "แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์" แล้วเคมีเข้ากันเหลือเกิน แฟนๆ จิ้นกระจาย โดยหนุ่มแบงค์ได้เปิดใจเคลียร์ในงานเปิดโปรเจกต์ Nadao Academy ค้นหา เด็กฝึก (Trainee) เพื่อพัฒนาเป็น นักแสดง นาดาว บางกอก และ ศิลปิน นาดาว มิวสิค ยันเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แต่สำหรับอนาคตบอกไม่ได้
"โสดก็ทำงาน และก็ทำงานครับ ช่วงนี้ค่อนข้างที่จะมีงานเยอะเหมือนกัน เพราะละครเรื่องใหม่ก็เพิ่งจะเปิดกล้องด้วย ถามว่าพอได้พูดว่าโสดเราโล่งไหม จริงๆ ก็รู้สึกดี เพราะเขาจะได้รับรู้ในฝั่งของอีกคนหนึ่งด้วย และก็สถานะของเราด้วย หลังจากที่ได้พูดออกไปวันนั้นก็ดูฟีดแบ็กบ้างครับ คือมันก็จะมีฟีดแบ็กกลับมาให้เห็นอยู่เหมือนกันทางทวิตเตอร์"
สนิท "พิมฐา" แต่ยังแค่เพื่อน
"จริงๆ ไม่ใช่ครับ แต่ที่มันมีฟีดแบ็กนี้เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเราสองคนได้มีโอกาสไปถ่ายรายการด้วยกัน ชื่อรายการว่า ป๋าซ่าพาซิ่ง ซึ่งเป็นรายการที่เราต้องไปดูแลพ่อๆ พาพ่อๆ ไปเที่ยวที่ต่างประเทศ มันก็เลยมีคนที่เขารู้จิ้นตามรูปแบบของรายการ"
"ถามว่าสนิทแค่ไหนก็สนิทนะครับ เพราะพอเราได้ไปถ่ายรายการด้วยกัน ได้ใช้ชีวิตอยู่ดูแลพ่อๆ ด้วยกัน ก็ถือว่าเขาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งครับ"
ขอโทษทำให้ซวยไปด้วย
"เราก็มีได้คุยกันบ้างครับ คือผมไปบอกเขาว่ามันอาจจะมีอะไรพวกนี้นะ และก็ขอโทษเขาด้วยที่ทำให้เขาซวย ซึ่งเขาก็เข้าใจ ไม่ได้เครียด"
"ถามว่าเรารับมือยังไง คือเราจะมีกลุ่มไลน์ที่คุยกันอยู่แล้ว เป็นแก๊งป๋าซ่าพาซิ่ง ซึ่งพอมีข่าวแบบนี้ออกมา พ่อๆ ทุกคนก็ช่วยกันบอกว่าไม่เป็นไรนะอย่างนั้นอย่างนี้ และตัวผมเองก็บอกเขาไปเหมือนกันว่า ถ้าช่วงนี้มันมีข่าวอะไรออกมาก็อยากให้ใช้สติในการอ่านนิดหนึ่ง เหมือนเราต้องรู้ตัวเองก่อน เพราะโลกโซเชียลมันเป็นโลกที่ใครๆ ก็สามารถแสดงความเห็นได้ ไม่ว่าความเห็นนั้นมันจะแรงขนาดไหนหรือกระทบกับจิตใจเราขนาดไหน เนื่องจากเขาไม่ได้รับรู้หรอกว่าเมื่อเขาคอมเมนต์ไปแล้วเราจะรู้สึกยังไง ดังนั้นเราจึงทำได้แค่รับมา สิ่งไหนที่เราสามารถนำมาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง และทำให้ตัวเราดีขึ้นได้เราก็จะรับ รวมถึงนำมาพิจารณาอีกทีหนึ่ง"
โสดทั้งคู่เลยถูกจับตา
"โดยปกติเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้วนะครับ และถ้าหากเราเจอกัน เราก็จะแค่ไปกินข้าวกับแก๊งพ่อๆ คือผมรู้สึกว่าเราก็เป็นแค่เพื่อนที่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันมากกว่า คนจับตามองก็อาจจะเป็นเพราะโสดทั้งคู่ด้วยครับ"
ไม่รู้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่าย ไม่เคยไปไหนกันสองคน
"ถ้าถามไทม์ไลน์เขาเลิกแฟน จริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของเขานะครับ แต่สำหรับเรื่องของผม ก็เหมือนกับที่ผมเคยสัมภาษณ์ไปว่ามันเป็นช่วงก่อนปีใหม่ก่อนวันเกิดผม ซึ่งค่อนข้างที่จะเป็นระยะเวลาที่นานแล้ว ตามเหตุผลที่ให้ไปครับ เรื่องไปเที่ยวเรามีแต่ไปเที่ยวแบบเป็นกลุ่มๆ กับเพื่อนที่เรารู้จักครับ เพราะเพื่อนของเขาก็รู้จักกับผมเหมือนกัน รวมถึงเรายังมีแก๊งป๋าซ่าพาซิ่งและทีมงานรายการที่เราไปทานข้าวด้วยกันอีก แต่ถ้าไปกันสองคนไม่มีแน่นอนครับ"
ไม่รู้อนาคต ขอคุยกับตัวเองก่อน
"ส่วนที่บอกว่าอีกฝั่งก็เชียร์ ต้องเชียร์ด้วยเหรอครับ (หัวเราะ) ตอนนี้ผมยังไม่รู้อนาคตเหมือนกัน ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า เพราะแค่นี้ก็หนักสำหรับผมแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ไม่พร้อมดูแลใคร ตอนนี้ขอคุยกับตัวเองก่อนล่ะกัน"
"ถามว่ากังวลไหมว่าตอนนี้เราตอบแบบนี้ แต่อนาคตอะไรมันอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะเราไม่สามารถรู้อนาคตได้อยู่แล้วว่าเราจะไปคุยกับใคร หรือเราจะไปมีความสัมพันธ์ที่มันพัฒนาไปอย่างไรในอนาคต ซึ่งเราตอบไม่ได้อยู่แล้ว และอีกอย่างผมเองก็รู้สึกว่าอยากให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า เหมือนกับที่ผมบอกผมอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน"
ณ ตอนนี้พิมฐาคือเพื่อน
"ใช่ครับ ใช่"
ไม่ได้ตั้งใจอ้าขาให้ฮือฮา ซูมแล้วไม่มีอะไรเล็ดลอด
"(หัวเราะ) ผมไม่ได้ตั้งใจ เรื่องอะไรพวกนี้มันอยู่ที่คนจะมองมากกว่า แต่ที่ผมลงผมรู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติและท้องฟ้ามันก็สวยดี จริงๆ ก่อนที่จะลงผมก็ซูมดูของตัวเองแล้วนะว่ามันมีอะไรเล็ดลอดหรือเปล่า และพอมันไม่ได้มีอะไรเล็ดลอดมันยังอยู่ในกางเกง ผมก็เลยโอเค ซึ่งผมมองว่ามันอยู่ที่คนจะมองมากกว่าครับ หรือถ้าคิดไปทางนั้นผมก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร (หัวเราะ)"
โรคจิตบอกถ้าเรียกชื่อจะถอดเสื้อให้ดู
"ถามว่านอยด์ไหมเขาโฟกัสผิดจุด ก็เราไม่ได้ตั้งใจให้มันลงไปในทิศทางนั้น มีโรคจิตมาทัก ผมเคยเข้าไปเช็กในไดเร็กอินสตาแกรมครับ เหมือนเขาบอกประมาณว่า ถ้าหากพี่แบงค์เรียกชื่อเขา เขาจะถอดเสื้อให้ดู เหมือนเขาอยากให้เราตอบกลับ แต่ผมไม่ได้ตอบนะ แต่ยังไม่เจอใครเดินตามทำอะไรแปลกๆ"
"ถามว่าถูกเขาคุกคามไหม เราคงห้ามความคิดเห็นของคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงมองว่าถ้ามันมีฟีดแบ็กแบบนี้มา ผมก็แค่ต้องระวังตัวในการโพสต์รูปมากขึ้น แต่จริงๆ อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้คิดอะไรยังไงครับ"
