จากกรณี น.ส.เข็มทอง หรือ โอ๋ เหลืองอ่อน อายุ 30 ปี แม่ค้าขายฟักทอง ตลาดเมืองแกลง จ.ระยอง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุทัศน์ ปะสิ่งชอบ สว.(สอบสวน) สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง ว่าเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทยของตน จำนวน 14,000.89 บาท ได้หายไป โดยทางธนาคารให้คำตอบว่า หักค่าเงินกู้ที่คนนำหลักฐานตนเองไปกู้เงินเมื่อ 4 ปีก่อนกับธนาคารกสิกรไทย สาขานาจอมเทียน จ.ชลบุรี นอกจากนี้ยังมีหมายศาลแจ้งมาที่บ้านว่าให้ไปชำระหนี้ จำนวน 1.5 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ตนเองและสามีไม่เคยกู้เงินกับธนาคารใดเลย ทำให้รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ การแจ้งความดังกล่าว ก็เพื่อให้ทางธนาคารออกมารับผิดชอบ เพราะเชื่อว่าคงมีคนลักลอบนำเอาสำเนาบัตรประชาชนของตนไปใช้ทำธุระกรรมการเงิน เพราะสำเนาที่ให้ไปแม้จะเซ็นต์ชื่อไว้แต่ก็ไม่ได้ระบุว่า นำไปใช้ทำธุระกรรมประเภทใด หลังเกิดเหตุ พยายามติดต่อสอบถามไปยังธนาคารแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. น.ส.เข็มทอง ได้เปิดว่า หลังตกเป็นข่าวปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย อ้างว่าสังกัดอยู่สำนักงานใหญ่ โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพร้อมขออภัยเรื่องที่เกิดขึ้น ทางธนาคารยินดีจะคืนเงินที่หายไปจากบัญชีทั้งหมด รวมถึงจะเคลียร์หนี้ จำนวน 1.5 ล้านบาท และจะเคลียร์แบล็คลิสต์ให้ด้วย แต่ขอให้ตนถอนแจ้งความและลบการโพสข่าวออกจากโซเชียลก่อน โดยทางธนาคารจะติดต่อกลับมาอีกครั้งเพื่อดำเนินการให้จบ
น.ส.เข็มทอง เผยด้วยว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะที่ผ่านมาหากไม่มีการแจ้งความรวมทั้งสื่อมวลชนนำเสนอข่าว ฝั่งธนาคารก็ไม่เคยประสานความช่วยเหลือมาแต่อย่างใด ทั้งที่แจ้งเรื่องไปนานแล้ว แต่พอเรื่องแดงขึ้นมากลับทำได้อย่างง่ายดายถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ทั้งที่ธนาคารควรรับผิดชอบให้ทั้งหมด แล้วตนเองจะไม่ติดใจเอาความเพื่อให้เรื่องมันจบ ไม่ใช่มาบอกว่าให้ถอนแจ้งความแล้วจะทำเรื่องให้
ผู้สื่อข่าวพยายามติดตามไปยัง น.ส.สมาพร บรรเทาทุกข์ ผจก.ธนาคารกสิกร สาขาแกลง จ.ระยอง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแต่อีกฝ่ายไม่สะดวกจะให้ข่าว มีเพียงเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งให้ทราบว่าเรื่องทั้งหมดได้แจ้งไปทางสำนักงานใหญ่แล้ว.