โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แนะตู่กำชับ! กองทัพอยู่ในกรอบ

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 14 ต.ค. 2562 เวลา 17.30 น. • เผยแพร่ 14 ต.ค. 2562 เวลา 22.02 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ปชป.ชี้ทางออก พท.ขอให้กห.งด บำเหน็จอภิรัชต์

เด็ก ปชป.เปิดขั้วขัดแย้งทางการเมือง ระหว่าง “ระบอบทักษิณ” ปะทะ “ระบอบประยุทธ์” แนะ “บิ๊กตู่” ใช้ความระมัดระวังไม่ให้ไฟลุกลาม ต้องกำชับทุกกระทรวงกองทัพให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช้กลไกรัฐแทรกแซง เล่นงานฝ่ายตรงข้าม “เทพไท” ชี้ทางออกให้ถอนตัวออกจากการเป็นคู่ขัดแย้ง ปฏิบัติต่อทุกฝ่ายภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียม “อภิสิทธิ์” ปิดปากเงียบปม “บิ๊กแดง” เสนอให้หันหน้าเข้าหากันช่วยแก้กติกาประเทศ เพื่อไทยตามขย่มรื้อ รธน.เป็นทางออกจากวิกฤติ เครือข่ายประชาชนขยับจับมือแน่น ร่วมเดินสายรณรงค์ทั่วประเทศ เล็งตั้งเวทีสาธารณะรับฟังจัดทำ รธน.ฉบับประชาชน “เพนกวิน” บุกประชิดรั้วกองทัพเย้ยเผด็จการ รัฐบาลพร้อมรับศึกชำแหละงบประมาณฯ มั่นใจผ่านด่านสภาฯฉลุย ฝ่ายค้าน วาง 90 ขุนศึกถลกหนัง เน้นงบกลางและกระทรวงกลาโหม มั่นใจไร้งูเห่าแหกคอกโหวตสวน รัฐบาลยิ้มแฉ่งสหภาพยุโรปเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ไทย

ท่ามกลางกระแสการเมืองมีความขัดแย้ง ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่เพิ่มดีกรีแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยื่นความปรารถนาดีให้ทุกฝ่าย เลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศ ไทย ล่าสุด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ฉายภาพให้เห็นคู่ขัดแย้งใหม่ ระหว่างระบอบทักษิณกับระบอบประยุทธ์ พร้อมแนะทางออกจากติดหล่มขัดแย้ง เสนอให้นายกฯกำชับกองทัพอยู่ในกรอบและปฏิบัติต่อทุกฝ่ายภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม

“อภิสิทธิ์” ปิดปากเงียบปม “บิ๊กแดง”

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. เวลา 08.30 น. ที่วัดทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนักวิชาการเสนอให้แก้ไขมาตรา 1 ว่า อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน และช่วยกัน โดยต้องดูว่ามีประเด็นอะไรบ้างไม่เป็นมูลเหตุของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การหยิบเรื่องนี้มาพูดต้องดูว่าเป็นอย่างไรในเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่อยู่ในฐานะที่พูดได้ เมื่อถามว่า จะลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มี พร้อมพูดติดตลกว่า ผู้ว่าราชการ จ.นครปฐม หรือเปล่า

ชี้ “ระบอบทักษิณ” ชน “ระบอบประยุทธ์”

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเลิกทะเลาะกันเพื่อเดินหน้าประเทศไทย หลัง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษในหัวข้อแผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคงว่า ปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองเกิดขึ้นหลังจากระบอบทักษิณขึ้นครองอำนาจ มีผลประโยชน์ทับซ้อนและทุจริตเชิงนโยบาย แทรกแซงองค์กรอิสระ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ทำให้คนไทยทั่วประเทศยอมรับไม่ได้ ต้องออกมาต่อต้านจนเกิดการชุมนุมของประชาชนเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของคนในชาติ และได้พัฒนาความขัดแย้งเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจและบริหารประเทศภายใต้กฎหมายพิเศษเป็นเวลา 5 ปี จึงเกิดคู่ขัดแย้งใหม่จากระบอบทักษิณ กับกลุ่มคนไทยที่ไม่เอาระบอบทักษิณ ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำฝ่ายค้าน มาเป็นระบอบทักษิณกับระบอบประยุทธ์ในปัจจุบันแทน

แนะ “บิ๊กตู่” กำชับกองทัพให้อยู่ในกรอบ

นายเทพไทกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะคู่ขัดแย้งขั้วใหม่จะต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งขยายผลลุกลามไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้ทำหน้าที่ภายใต้บทบาทที่อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช้กลไกรัฐเข้าไปแทรกแซง เล่นงานฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เป็นธรรม

ถอนตัวจากคู่กัดถอดชนวนขัดแย้ง

“จากสถานการณ์การเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยมีสถานภาพเป็นคนกลางทางการเมือง จนเปลี่ยนสถานะใหม่มาเป็นคู่ขัดแย้ง เป็นเรื่องยากสำหรับการออกมาเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งของท่านหยุดทะเลาะหรือหยุดแสดงความเห็นทางการเมืองที่เห็นต่างกับท่านได้ เพราะถ้าจะหยุดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถอยตัวเองออกมาจากการเป็นคู่ขัดแย้งกับทุกฝ่าย ต้องปฏิบัติต่อทุกฝ่ายภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ผมเชื่อว่าไม่มีคนไทยคนไหนที่อยากให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นในบ้านเมืองอีกแล้ว เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตกเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง เป็นหน้าที่ของท่านจะถอดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นออกมาได้อย่างไร ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้รู้สถานการณ์ของบ้านเมืองได้ดีที่สุด” นายเทพไทกล่าว

เพื่อไทยกระทุ้งแก้ รธน.ทางออกวิกฤติ

ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” จนทำให้เกิดบรรยากาศอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ว่า วันนี้นายกฯชวนให้ทุกฝ่ายเลิกทะเลาะกัน เพื่อเดินหน้าปฏิรูปการเมือง แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนตัดสินได้ว่า นายกฯจริงใจแค่ไหนที่จะสร้างความปรองดอง และสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พูดยังจมปลักในความคิดเดิมๆ ผูกขาดความรักชาติไว้ฝ่ายเดียว ผลักผู้เห็นต่างเป็นพวกชังชาติ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ความขัดแย้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา การรัฐประหารแทบทุกครั้งเริ่มจากการสร้างความหวาดระแวง สร้างภาพให้ผู้เห็นต่างเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง 5 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์แทนที่จะกระจายอำนาจให้ประชาชน กลับรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ใช้เครือข่ายเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายการเมืองตรงข้าม การประกาศกร้าวจุดยืนแบบเลือกข้างของ พล.อ.อภิรัชต์เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำให้เห็น ลึกลงไปใต้ผิวน้ำยังมีรากของเครือข่ายเหล่านี้ขวางการปรองดองเต็มไปหมด สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเร่งผลักดันคือ การแก้รัฐธรรมนูญ โดยย้ำมาตลอดว่าไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 หากปล่อยประเทศเดินหน้าไปตามกติกานี้ ไม่รู้ว่าการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่

ไล่บี้ รมว.กลาโหมงดบำเหน็จ “บิ๊กแดง”

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่าเมื่อไรจะพิจารณางดบำเหน็จ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ที่ชอบแทรกแซงการเมือง วางตัวไม่เหมาะสมบ่อยๆ เพราะพูดใส่ร้ายพรรคฝ่ายค้านให้ดูน่ากลัวเกินจริง เหมือนพรรคฝ่ายค้านกำลังแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 ทั้งที่ 7 พรรคฝ่ายค้านยืนยันมาตลอดว่า ไม่เคยสนับสนุนให้แก้หมวด 1 และหมวด 2 แต่เหตุใด พล.อ.อภิรัชต์ถึงพูดบิดเบือนให้ประชาชนสงสัยพรรคฝ่ายค้านว่า คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง เหตุที่ต้องเสนอให้งดบำเหน็จ ผบ.ทบ. เพราะไม่มีวิธีอื่นลงโทษวินัย ผบ.ทบ. เพราะตำแหน่งนายพลที่มีตำแหน่ง ตั้งแต่ผู้บัญชาการกองพลขึ้นไปหรือเทียบเท่า ได้รับการยกเว้นไม่ถูกลงทัณฑ์ทางวินัย แม้นายพลเหล่านั้นทำผิดวินัยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร การงดบำเหน็จเป็นเครื่องมือทางนโยบายที่เหมาะสม ดังนั้นขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ผบ.ทบ. ในฐานะนายกฯและ รมว.กลาโหมจะกล้าแสดงภาวะผู้นำหรือไม่

ผู้แทนนายกฯร่วมงานรำลึก 14 ตุลา

เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้แทนนายกฯ ร่วมงานรำลึก 14 ตุลา ประจำปี 62 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 (แยกคอกวัว) โดยมีบุคคลสำคัญทางการเมืองไทย ผู้แทนพรรคการเมือง นิสิต นักศึกษา เข้าร่วมประมาณ 100 คน ครั้งนี้จัดขึ้นในวาระครบรอบ 46 ปีของเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย โอกาสนี้ผู้แทนนายกฯได้วางพวงมาลาในนามนายกฯ เพื่อร่วมรำลึกถึงผู้เสียสละในเหตุการณ์ 14 ตุลา และกล่าวสดุดีว่า เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นทุกภาคส่วนควรระลึกถึงและนำบทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาเสริมสร้างให้การเมืองการปกครองเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน

เครือข่ายประชาชนจับมือ ครช.รื้อ รธน.

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายนิมิตร์ เทียนอุดม แกนนำเครือข่ายประชาชน (พีเพิล โก เน็ตเวิร์ก) นำตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน 6 เครือข่าย ประกอบไปด้วย เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายทรัพยากรและสิทธิมนุษยชน เครือข่ายนักกฎหมายและนักวิชาการ และเครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม ร่วมแถลงจุดยืนเข้าร่วมกับคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ที่นำโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. จากนั้นได้นำมวลชนเดินขบวนรอบ มธ. 1 รอบ และประกาศเจตนารมณ์ร่วมออกไปรณรงค์ให้ภาคประชาชนทั่วประเทศร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เล็งตั้งเวทีสาธารณะเปิดช่องรับฟัง

นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ แถลงในนามตัวแทนเครือข่ายว่า ตามที่หลายภาคส่วนของสังคมกำลังให้ความสนใจการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้ง สังคมเห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญ ที่ช่วยให้ผู้เข้าสู่อำนาจไม่ได้มาจากเสียงสนับสนุนของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งมีเนื้อหาที่ละเลยสิทธิของประชาชนในประเด็นที่แต่ละเครือข่ายกำลังประสบปัญหาและต่อสู้อยู่ มอบอำนาจรัฐให้กับองค์กรที่สืบทอดมาจากการรัฐประหาร อนาคตภายใต้รัฐธรรมนูญจึงมีแนวโน้มว่า ปัญหาของประชาชนจะถูกละเลย ขณะที่กลไกต่างๆ ในสังคมถูกบิดเบือนเพื่อรักษาอำนาจให้กับคณะทหารชุดเดิม เครือข่ายต้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเดินหน้ารณรงค์ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นควรเข้าร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชน ที่ใช้ชื่อว่าครช. หลังจากนี้จะจัดกิจกรรมสร้างช่องรับฟังความคิดเห็น เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนและเปิดเวทีสาธารณะร่วมกันต่อไป

“เพนกวิน” ประชิดรั้ว ทบ.เย้ยเผด็จการ

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หน้าบัญชาการกองทัพบก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) นัดหมายกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาปักหลักชุมนุม เพื่อรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา หน้า บก.ทบ. โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง นำกำลังตำรวจเข้าตรึงพื้นที่รักษาความเรียบร้อย และขอร้องให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเลี่ยงไปทำกิจกรรมรำลึกห่างจากรั้ว บก.ทบ. ให้เหตุผลว่าจะเป็นการรบกวนสถานที่ราชการ ขณะที่นายพริษฐ์แสดงความไม่พอใจที่ถูกห้าม จึงขอให้สังคมช่วยกันตั้งคำถาม ถึงการใช้อำนาจของตำรวจ 46 ปี ที่นักศึกษาและประชาชนต่อสู้กับเผด็จการในเหตุการณ์ 14 ตุลา น่าเศร้าใจ วันนี้ยังมีเผด็จการอยู่ ทำให้ต้องออกมาขับไล่เหมือนเดิม ที่มาที่หน้ากองทัพบก เพราะเผด็จการยุค 14 ตุลา กับยุคนี้เป็นแบบเดียวกัน คือ เผด็จการทหาร ยิ่งในช่วงนี้ทหารเข้ามามีบทบาททางการเมือง นายกฯคนปัจจุบัน ก็เป็นอดีต ผบ.ทบ. ทำรัฐประหารและกำหนดกติกาขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ รวมถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ชู ปชต.จงเจริญ-แก้จนแก้รัฐธรรมนูญ

ต่อมานายพริษฐ์นำกลุ่มผู้ชุมนุม มาปักหลักที่บริเวณเกาะกลางหน้า บก.ทบ.ตามที่ตำรวจสั่ง แต่ก็ชวนกันหันหน้าตะโกนเข้าไปในกองทัพบกว่า “กลัว อะไรๆ” จากนั้นจึงเริ่มกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา ด้วยการนำป้ายผ้ามีข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ ไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่หายจน” มาแขวนไว้ที่แผงรั้วเหล็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ แล้วร่วมกันพับนกกระดาษ 14 ตัวมาวาง พร้อมอ่านแถลงการณ์ใจความตอนหนึ่งว่า “เมื่อผู้นำกองทัพป่าวประกาศ ความมั่นคงของชาติเริ่มสับสน แค่เห็นต่างทางความคิดผิดยันโคตร ถูกกล่าวโทษต้องคดีทุกข์แสนเข็ญ หรือต้องอยู่เพียงในกรอบคิดไม่เป็น ห้ามแสดงความคิดเห็นอื่นใดๆ ประชาชนมิได้เป็นภัยต่อชาติแต่เป็นภัยต่ออำนาจผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อกองทัพไม่อยู่เคียงข้างคนไทย ก็เป็นภัยต่อความั่นคง ของปวงชน”

“วิรัช” ฮึดรัฐบาลพร้อมรับศึกใหญ่

สำหรับการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลรับมือการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 17-19 ต.ค.นั้น วันเดียวกัน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่มีปัญหา ทุกอย่างเรียบร้อย และพรรคร่วมรัฐบาลต้องพร้อมที่จะโหวตตลอดเวลา ต้องอยู่พร้อมกันหมดทุกคน ส่วนพรรคพลังประชารัฐนัดประชุม ส.ส.วันที่ 15 ต.ค. เพื่อซักซ้อมเตรียมพร้อม รวมถึงวางตัวบุคคลทำหน้าที่ในอภิปรายงบประมาณฯ และทำความเข้าใจรายละเอียด งบประมาณ

พปชร.มั่นใจงบประมาณผ่านฉลุย

นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯว่า ในสถานการณ์ที่รัฐบาลเผชิญ เสียงปริ่มน้ำจนหลายฝ่ายกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จะถูกคว่ำ ส่วนตัวเชื่อ ส.ส.ในสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด 253 เสียงจะลงมติครบถ้วน จนสามารถผ่านร่างงบประมาณฯได้ เนื่องจากเป็นกฎหมายสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่ทุกคนรู้หน้าที่อยู่แล้ว หากในวันลงมติมี ส.ส.รัฐบาลคนใดไม่เข้าร่วมหรืองดออกเสียงย่อมเป็นที่จับตาของสังคม ดังนั้น ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง พรรคพลังประชารัฐ และการทำงานของวิปรัฐบาลจะสามารถคุมเสียงในสภาฯ ให้เกิดความเรียบร้อยได้ ส่วนเสียงของ ส.ส.พรรคเล็กหรือฝ่ายค้านอิสระนั้น เชื่อว่าต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าอะไรที่ดีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศก็สนับสนุน อะไรไม่ดีก็ไม่สนับสนุน ไม่ได้มีพฤติกรรมตั้งท่าค้านไปทุกเรื่อง

ปชป.วางกรอบอภิปรายสร้างสรรค์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯว่า เราได้เตรียมความพร้อมของ ส.ส.ในพรรค โดยให้รวบรวมข้อมูลและสาระที่จะอภิปรายงบประมาณไว้ระดับหนึ่งแล้ว ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ได้นัด ส.ส.ประชุมเวลา 13.30 น. ที่ทำการพรรค เพื่อสรุปเนื้อหาสาระและจำนวนบุคคลที่จะอภิปรายตามกรอบ คือ 1.สร้างสรรค์ 2.เสนอแนะตรวจสอบเพื่อให้งบประมาณเกิดประโยชน์กับประชาชนทุกระดับอย่างแท้จริง 3.มีการเตรียมงบประมาณให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศไว้หรือไม่อย่างไร 4.งบประมาณสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศหรือไม่ เชื่อมั่นการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเดินหน้าประเทศโดยรวม ส่งเสริมให้ประชาชนฐานรากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป และเชื่อมั่นว่างบประมาณปี 63 จะผ่านการพิจารณาของสภาฯอย่างไม่มีปัญหา แม้รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ เพราะรัฐบาลและฝ่ายค้านตระหนักดีว่างบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด

ฝ่ายค้านวาง 90 ส.ส.ถลกหนังรัฐบาล

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียม พร้อมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 ว่า ช่วงเช้าวันที่ 15 ต.ค. สำนักงบประมาณ และหน่วยงานจัดเก็บรายได้จะมาชี้แจงรายละเอียดงบประมาณกับ ส.ส. จากนั้นช่วงบ่ายจะประชุมวิปฝ่ายค้าน เพื่อลำดับและกำหนดทิศทางกรอบเนื้อหาอภิปราย สุดท้ายจะวางสคริปต์อย่างหลวมๆว่า ลำดับคนอภิปรายเป็นใคร อย่างไรบ้าง และต้องมีข้อสรุปลงมติกันอย่างไร โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านมีอภิปรายประมาณ 90 คน ในจำนวนนี้มีของพรรคเพื่อไทยประมาณ 60 คน ในส่วนของพรรคฝ่ายค้านอิสระนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแสดงความจำนงขอร่วมอภิปราย หากจะมาขอเวลาอภิปรายกับพรรคฝ่ายค้าน ต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกับเรา ถ้าไม่พร้อมเราขอสงวนเวลาอภิปรายให้คนของเรา ตอนนี้เข้าใจว่าอยู่ในระหว่างการกินกล้วย ถ้ากินไม่อิ่มก็อาจมาร่วมกับเราก็ได้

ยืนยันไม่มีฟาร์มงูเห่าโหวตสวน

นายสุทินกล่าวว่า ส่วนเวลาอภิปราย ฝ่ายค้านได้ประมาณ 20 ชั่วโมง พรรคเพื่อไทยได้เวลาประมาณ 670 นาที พรรคร่วมอื่นๆ ลดหลั่นกันไป พรรคเพื่อไทยเฉลี่ยได้อภิปรายคนละ 7-8 นาที ยกเว้นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน จะเปิดอภิปราย 30 นาที ตนพูดปิดอภิปราย 30 นาที และวาง ส.ส. 7 คน อภิปรายคนละ 15-20 นาทีเพื่อเก็บตกเสริมเนื้อหาให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นช่วงๆ ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส. ร้อยเอ็ด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยวางมาตรการป้องกัน ส.ส.โหวตสวนอย่างไรบ้าง นายสุทินตอบว่า กำหนดให้ วิปฝ่ายค้านแต่ละจังหวัดคอยทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในพื้นที่ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีมาตรการลงโทษ แต่จะให้สังคมเป็นผู้ลงโทษ หาก ส.ส.งดออกเสียงหรือไม่เข้าร่วมประชุมก็จะต้องอธิบายกับสังคม แต่ยังเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น เพราะเท่าที่ตรวจสอบล่าสุดไม่มีงูเห่าในพรรคเพื่อไทย

ซัดหยุดแจก–หว่านงบฯ แบบให้เปล่า

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 ว่า ทิศทางหลักของงบประมาณประเทศควรเป็นดังนี้ 1.หยุดหว่านแห เพราะงบประมาณมีไม่มากพอให้ถูกกระจายแบบหว่านแห ไร้การคัดกรองถึงความจำเป็น การใช้งบประมาณที่ไม่คัดกรองแบบ มาตรการชิม ช้อป ใช้ โดยหลักมาก่อนได้ก่อน ใครก็ได้นั้นไม่ถูกต้อง ควรเจาะจงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการส่งถึง 2.หยุดแจกแบบให้เปล่า หยุดใช้งบประมาณกับการกระตุ้นเป็นครั้งๆ แล้วหมดไปอย่าง 5 ปีที่ผ่านมา 3.ใช้งบประมาณสร้างอุตสาหกรรมใหม่ สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นหัวหอกพัฒนา เพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้แข่งขันได้และได้เปรียบบนเวทีโลก 4.ใช้งบประมาณสร้างงาน ปัญหาหลักของไทยคือ การอ่อนตัวของกำลังซื้อ เกิดจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำเป็นเวลานาน งบประมาณต้องถูกระดมไปแก้ที่คุณภาพและผลิตภาพของพืชผลการเกษตร ไม่ใช่ทุ่มงบเพื่อพยุงราคาอย่างเดียว ควรสนับสนุนการสร้างงานให้คนมีงานทำ คนจะใช้จ่ายเมื่อมีความมั่นใจในกระแสรายได้ระยะยาว ไม่ใช่แจกแบบให้เปล่า 5.ใช้งบประมาณสร้างการแข่งขัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันของผู้ผลิตในประเทศงบประมาณต้องไปอุ้มคนเก่ง แต่ขาดโอกาสให้เข้าสู่สนามแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม เป็นการแก้จนลดความเลื่อมล้ำดีที่สุดพุ่งเป้าชำแหละ กห.-งบกลาง

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรค

เพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่า ฝ่ายค้านให้ความสำคัญงบประมาณทุกกระทรวง แต่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณกระทรวงกลาโหม งบกลาง และงบด้านความมั่นคง เพราะจัดทำงบประมาณไม่โปร่งใส ให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านความมั่นคงสูงมาก โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมได้วงเงิน 233,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 62 จำนวน 6,226 ล้านบาท หากนำไปรวมกับงบความมั่นคงมากกว่า 300,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับงบกระทรวงศึกษาธิการ แต่เล่นกลไปซ่อนไว้ที่กระทรวงอื่นๆที่ กระทรวงกลาโหมหรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) สามารถนำไปใช้ได้ นอกจากนี้งบกลางที่มีจำนวนสูงถึง 518,000 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถอนุมัติได้ทันที ก็เป็นส่วนหนึ่งของงบฝ่ายความมั่นคง ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เคยนำงบกลางไปซื้ออาวุธให้กองทัพมาแล้ว งบประมาณฯส่วนนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ผิดวินัยการเงินการคลัง แต่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) ที่ตั้งโดย คสช.ออกกฎหมายรองรับไว้

เฉ่งบิดเบือนแก้ รธน.หวังงบมั่นคงพุ่ง

พล.ท.ภราดรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลโจมตีฝ่ายค้านที่รณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 นั้น เป็นความเชื่อที่ฝ่ายรัฐบาลหลอกตัวเองมาตลอด เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีแนวคิดนี้ แต่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงพยายามสร้างประเด็นเพื่อปกป้องงบประมาณตัวเอง หวังผลทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งเท่านั้น และขู่ฝ่ายค้านว่าห้ามแตะงบฝ่ายความมั่นคง แม้ฝ่ายค้านจะลดงบฝ่ายความมั่นคงในชั้นรับหลักการ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะปรับเพิ่มงบความมั่นคงในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯแน่

ฝ่ายค้านอิสระขอแบ่งเวลาแจม

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่า ในฐานะฝ่ายค้านอิสระ พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย ได้ไปขอเวลาอภิปรายจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายต่างยื่นเงื่อนไข โดยถ้าฝ่ายรัฐบาลให้เวลาอภิปรายก็ต้องโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เช่นเดียวกันถ้าฝ่ายค้านให้เวลาอภิปราย ก็ต้องโหวตไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มองดูแล้วผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ห้ามชักจูงใจการโหวต ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก จึงได้หารือกับนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทยว่า ในวันที่ 16 ต.ค. จะไปหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเวลาให้ฝ่ายค้านอิสระอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ คนละ 5-10 นาที แยกออกจากเวลาของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ส่วนฝ่ายค้านอิสระจะโหวตให้ฝ่ายใดนั้น ขอดูเนื้อหาฟังการอภิปรายของทั้งสองฝ่ายก่อน

ตั้งท่าขอลดงบซื้ออาวุธกองทัพ

นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ครั้งนี้จะขออภิปรายถึงการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม เน้นปรับลดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ไม่ให้ซื้ออาวุธผ่านนายหน้า แต่ให้ซื้อจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง โดยเจรจากับบริษัทผู้ผลิตอาวุธพร้อมกัน หลายๆเจ้า เพื่อหาบริษัทที่ให้ราคาต่ำสุดและมีคุณภาพที่สุด จะช่วยประหยัดค่านายหน้าลงได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับกองทัพจะได้ซื้ออาวุธในราคาถูกลงเป็นการรัดเข็มขัดกองทัพ แล้วนำงบประมาณไปช่วยเพิ่มสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยและไปจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงลอตใหม่ รวมถึงนำไปเพิ่มค่าหัวการซื้ออุปกรณ์การเรียนของเด็กอนุบาล นอกจากนี้จะอภิปรายขอเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (สตช.) นำไปใช้ในการปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้นำไปชดเชยกับการยกเลิกเงินส่วนแบ่งนำจับการทำผิดกฎหมายจราจร ตำรวจจะได้เลิกตั้งด่าน

ดูเนื้อหาก่อนชี้ชะตารัฐบาล

ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ยังติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ให้ไปพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ วันที่ 16 ต.ค. เพื่อขอแบ่งเวลาอภิปรายในนามฝ่ายค้านอิสระ จะได้เวลาตามที่ขอไปหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของประธานสภาฯ ส่วนจะโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ หรือไม่ ต้องรอหลังหารือในฝ่ายค้านอิสระ และฟังเหตุผลในการชี้แจงของตัวแทนรัฐบาลก่อน

“หมอระวี” โหวตสนับสนุนเต็มพิกัด

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 ว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันโหวตให้อยู่แล้ว แต่มีข้อเสนอแนะ เช่นควรวางแผนปรับลดการใช้จ่ายงบประมาณเกินดุล ที่จะเกิดผลกระทบต่อการบริหารประเทศระยะยาวควรปรับลดงบในเชิงประชานิยมลง เช่น โครงการชิมช้อปใช้ เมื่อถึงกรณีอาจมีพรรคเล็กบางพรรคโหวตสวนไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นพ.ระวีตอบว่าไม่ทราบ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของพรรคเล็กเเต่ละพรรค

“อภิสิทธิ์” นำทีมช่วย “สุรชัย” หาเสียง

สำหรับความเคลื่อนไหวการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ต.ค.นั้น วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ที่วัดทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมพิธีงานทอดกฐิน โดยมีแกนนำของพรรค อาทิ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ได้ร่วมเดินทางมาทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ จากนั้น นายอภิสิทธิ์พร้อมคณะร่วมกันเดินรณรงค์หาเสียงช่วย นายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ โดยได้เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนไปลงคะแนน ท่ามกลางความสนใจของประชาชน พร้อมขอร่วมถ่ายรูปกับนายอภิสิทธิ์ไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก ต่อมาได้ขึ้นรถแห่รณรงค์ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

โค้งสุดท้ายจัดหนักเปิดปราศรัยใหญ่

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 5 จ.นครปฐม ว่า พรรคได้จัดตารางเวียนกันลงพื้นที่ทุกวันอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 5 ทีม หลังจากนี้จะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ขณะนี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กำลังเตรียมการอยู่

สหภาพยุโรปกระชับสัมพันธ์ไทย

วันเดียวกัน สหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ระบุว่า คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้รับทราบรายงานจากผู้แทนระดับสูงเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศไทย หลังจากมีการเลือกตั้งขึ้นในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้บริบทนี้และเมื่อพิจารณาถึงมติเดิมที่คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ให้ความเห็นชอบไว้ในวันที่ 11ธ.ค.60 คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปจึงพิจารณาว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับสหภาพยุโรปที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รวมถึงความสัมพันธ์ในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และประชาธิปไตยแบบพหุนิยม โดยการเตรียมพร้อมสำหรับการลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นอกจากนี้ คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการเดินหน้ารื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยอีกด้วย

“วัชระ” ปูด ขรก.สภาฯสาวถูกบีบให้ออก

สำหรับความคืบหน้าหลังมีผู้ร้องเรียนต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ประจำสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศต่อข้าราชการสตรีผู้ใต้บังคับบัญชา นั้น วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังได้ยืนเรื่องนี้ต่อประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับร้องเรียนจากข้าราชการสภาสตรีผู้เสียหายว่า ผู้ถูกร้องเรียนโกรธเคืองมาก จะเล่นงานผู้ใต้บังคับ บัญชาคนดังกล่าวให้ออกจากราชการ สร้างความวิตกกังวลอย่างมากต่อผู้เสียหาย ถือได้ว่าเป็นการข่มขู่ และเป็นการเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐาน อาจทำให้การพิจารณาสอบสวนทางวินัยขาดความเที่ยงธรรม ดังนั้นกำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อยืนหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้พิจารณาพักงานข้าราชการระดับสูงคนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เพื่อคุ้มครองผู้เสียหายและพยานหลักฐาน เพราะหากอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต่อไป อาจไปกระทำการคุกคามข่มขู่ผู้เสียหาและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อีก

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0