โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"แตงกวา" ไม่ปฏิเสธ หมดอารมณ์ทางเพศกับ "เอ พศิน" ฝ่ายชายสุดทรมาน เลิกกัน 3 เดือนก่อนเจอสาวใหม่สุดอบอุ่น

Manager Online

เผยแพร่ 21 ต.ค. 2562 เวลา 16.37 น. • MGR Online

"แตงกวา" รับรักจาง บ้างาน อยากมีเงินจนหมดอารมณ์ทางเพศ ไม่อนุญาตให้ "เอ พศิน" มีเซ็กส์ด้วย เชื่อศึกษากันน้อยเกินไป ฝ่ายชายเปิดใจสุดทรมาน เลิกกัน 3 เดือนก่อนเจอคนใหม่ แต่จำใจต้องถอยห่างสาวสะบึม ห่วงฝ่ายหญิงถูกโจมตี ซัดไม่แฟร์

หลังจากที่ “เอ พศิน เรืองวุฒิ” ออกมาเปิดใจว่าได้หย่าร้างกับภรรยาที่มีอายุห่างกันถึง 22 ปี อย่างน้อง “แตงกวา จิราพร” มาได้ 3 เดือนแล้ว ก็ทำเอาหลายคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเพียงการหย่าแก้เคล็ดเสริมดวง จนล่าสุดมีภาพของหนุ่มเอกับสาวปริศนาคนหนึ่งถูกปล่อยออกมา ถึงได้ออกมาบอกว่าเป็นการหย่าแบบจบความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมีย เหลือเพียงสถานะพี่น้องและพ่อแม่ของลูกเท่านั้น วันนี้ในรายการ รายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง ONE 31 หนุ่มเอก็ได้ต่อสายตรงเคลียร์ถึงประเด็นต่างๆ พร้อมกับอดีตภรรยน้องแตงกวา ที่มาร่วมในรายการในวันนี้

เอ : “สาเหตุหลักของการหย่า ก็เป็นเรื่องของการสอดคล้องทางด้านทัศนคติ คือน้องเขาเป็นคนมีความสามารถนะ แล้วก็มีโอกาสในการที่จะได้ทำงานอะไรมากมายที่ถ้าเป็นแม่บ้านอย่างเดียว เขาทำไม่ได้ ก็มีการพูดคุยกันยาวนานแล้ว ว่าถ้าหนูต้องเดินทาง ถ้าต้องทำงาน ต้องใช้เวลาในชีวิตเยอะแบบนี้ เราจะดูแลลูกได้ยากนะ ช่วงแรกก็ให้คุณแม่ยายมาช่วยดู แล้วก็ปรากฎว่าไม่เท่ากับเขาดูเอง เพราะว่าเขาเป็นแม่ที่ดีนะ ดูแลลูกได้ดีมาก ก็เลยเวลามีทางเลือกที่มันจะเกิดความเจริญก้าวหน้า เขาอาจจะก้าวหน้ามากกว่าผมด้วยซ้ำ ก็ตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะมีอิสระนะ ในการที่จะเดินทางไปไหน หรือว่าถ้ายังอยู่ในสถานะครอบครัว บางอย่างมันทำยาก”

ที่ผ่านมามีโอกาสได้ปรับจูนกันตลอด เรื่องการหย่าแก้เคล็ดเป็นความคิดของตน แต่ก็การตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย

เอ : "ตลอดเวลาครับ คือเราไม่เคยทะเลาะกัน ผมยืนยันว่าผมเป็นคนใจเย็นมาก แล้วทุกอย่างเรามีการพูดว่าคุย มีการตกตะกอนกัน ด้วยปัญญา ด้วยสติ ก็สรุปว่าการหย่าเป็นข้อสรุปร่วมกัน ส่วนเรื่องหย่าแก้เคล็ด มันเป็นความคิดของผมเองแหละ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไปออกรายการโหนกระแส เพราะว่าใจเราก็อยากจะแข็งแรง เพื่อที่จะดูแลทุกคน โดยที่เขาไม่ต้องทำงาน ความเป็นพ่อ เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เรายังแกร่งไม่พอ เรายังมั่นคงไม่พอในเรื่องของฐานะ เราก็ต้องปล่อยให้เขาได้แสดงความสามารถ เขาอาจจะทำได้ดีกว่าเราก็ได้ มันเป็นเรื่องของความก้าวหน้าล้วนๆ เลยครับ ก็เลยสื่อสารแบบนั้นออกไป เพื่อที่มันก็เป็นการรอคอยนะ เราก็อยากให้ทุกอย่างยังอยู่กับลูก ซึ่งเราก็เข้าใจพร้อมๆ กัน การหย่าก็เป็นการตัดสินใจร่วมกันครับ”

เรื่องรูปหลุดกับสาวปริศนา ยอมรับเป็นสาวคนใหม่จริง แต่รู้จักกันหลังจากหย่ากับแตงกว่าแล้ว ยืนยัน 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยนอกใจ

เอ : “ผมอยากจัดแถลงข่าวโดนนัดชาวเน็ตทุกคน ที่พิมพ์ข้อความด้วยความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดบ้าง มันเกิดจากการปะติดปะต่อเรื่องราว ปะติดปะต่อภาพ ซึ่งมันไม่แฟร์กับครที่เขาไม่ผิด ในไทม์ไลน์ที่เราโอเค เราแยกทางกันแล้วด้วยดี ต่างคนก็ต่างมีโอกาสที่เราเปิดให้เรามีอิสระในการคบหาเรียนรู้ใครที่เข้ามาในชีวิต เราก็มีปรึกษากันตลอด ว่าคนนี้โอเคไหม เราคุยกันแบบนี้เลยนะ เพราะว่าเราถือว่าเราเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก ซึ่งทางผมมันมามีปัญหาตรงที่คนที่เขาเข้ามา ในไทม์ไลน์ที่มันไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่าเราหย่ากันไปนานแล้ว"

"ก็กลายเป็นว่าถูกกระทบด้วยการตัดสินของโซเชียล มันไม่ยุติธรรมกับครอบครัวเขา เพราะว่าทุกคนมีพ่อมีแม่ ทุกคนมีครอบครัว ทุกคนมีผลกระทบ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการออกมาพิมพ์อะไรบางอย่าง บางคนก็ด่าผมว่าร่ายยาวสุดท้ายก็เลว แต่ผมก็จำเป็นที่จะต้องสื่อสารออกมาให้ชัดเจนทุกตัวอักษร มันกลั่นออกจากความรู้สึกของผม เพราะว่าทุกวันนี้ผมยืนยันนะ ว่าผมไม่เคยนอกใจภรรยา ตลอดการคบหากัน 5 ปี และผมก็ยึดมั่นในความดีที่ผมทำมาโดยตลอด แต่ถ้าใครจะตัดสินผมด้วยการเรียบเรียงจากภาพในโซเชียล อันนี้เราก็ห้ามเขาไม่ได้นะครับ ส่วนการแสดงออกที่รุนแรงบางครั้ง เวลาคนเราโดนกระทบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันรุนแรงจากคนที่ไม่รู้จัก คนที่เขาไม่ใช่คนในสังคม ไม่ได้เป็นบุคคลสาธารณะแบบเรา เขารับไม่ไหว ก็อาจจะพิมพ์อะไรออกมา แล้วการที่เขาลบอย่างรวดเร็ว ก็แสดงว่าเขารู้สึกว่ามันแรงไป ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนที่ไม่ใช่บุคคลสาธารณะแบบเรา อย่างผมเนี่ย ด่าอะไรมา ก็ปล่อยให้เขาด่าไป ความจริงเป็นยังไงเรารู้อยู่แก่ใจครับ”

แตงกวายืนยันอีกเสียง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มือที่สามแน่นอน บอกเลิกกันแล้ว เอมีสิทธิ์คุยกับคนอื่นได้

แตงกว่า : “ไม่เกี่ยวๆ ไม่เกี่ยวกับเขาเลยค่ะ ไม่เกี่ยวเพราะเราเลิกกันแล้ว แล้วพี่เอก็มีสิทธิ์ มันก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว เราก็เคยถามเขาค่ะ ว่ามีคนคุยหรือเปล่า แต่ก็แค่ถาม ไม่ได้ถามรายละเอียดต่อจากนั้น”

หลังจากมีรูปออกมา ได้คุยกันเคลียร์กันแล้วเรียบร้อย

แตงกวา : “ต้องคุยค่ะ เป็นห่วงความรู้สึกเขาค่ะ เพราะดูข่าว แล้วก็ไปอ่านคอมเมนต์ก็รู้สึกเป็นห่วงเขา แล้วก็เป็นห่วงทั้งคู่ คือเพื่อนส่งมาให้ดูว่าสังคมเข้าใจว่าเขาเป็นมือที่สาม ก็เลยเป็นห่วงความรู้สึกเขา เพราะจริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น เราโทร.ไปถามว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วจะทำยังไงต่อไป ก็ช่วยกันคิด ไม่ได้พูดถึงผู้หญิงที่อยู่ในภาพเลยค่ะ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา ให้เขาเคลียร์กันเอง (หัวเราะ) หนูพูดเสร็จแล้วหนูก็วางเลย”

เอ : “ก็คุยนะครับ คือทุกอย่างมันเป็นเรื่องภายในครับ แต่ว่าพอมีคนเอามาสร้างเรื่องสร้างราว ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวเดือดร้อน ก็ต้องคุย แต่ก็ทำยังไงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ มันก็ยากนะ อย่างรูปไดร์ผม มันก็เกิดขึ้นที่พะเยา ที่ผมไปงานบุญ ตรงนั้นก็มีคนอยู่เยอะ มีเพื่อนกะเทยไป มีอะไรของน้องๆ เขา ที่แบบน่ารักๆ แล้วก็ครอบครัวเขา ผมก็แอปๆ ถ่ายรูปกันไป แล้วปรากฎว่า พอเพื่อนในเฟซบุ๊กบางคน คืออย่างที่บอกว่าเขาไม่ใช่บุคคลสาธารณะ เขาก็คิดว่าทุกคนในเฟซบุ๊ก ที่เป็นเพื่อนเนี่ย คือเพื่อน แต่มันไม่ใช่ ก็แคปไปแชร์ไป บางคนเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้รักเราก็มีครับ ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมาย”

รู้สึกผิดมาก ที่เป็นต้นเหตุทำให้สาวคนใหม่โดนกระแสโจมตีหนัก หลังจากนี้ความสัมพันธ์อาจจะต้องถอยลง เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงจะรับได้ไหม หากต้องกลายเป็นคนสาธารณะ

เอ : “รู้สึกผิดมาก ที่เขามารู้จักเรา คือการที่เราเปิดตัว เปิดใจที่จะคบใครสักคน คือผมอยู่เป็นครอบครัวมาตลอด ผมมีความอบอุ่น ผมมีความสุขกับลูก กับครอบครัวมาโดยตลอด แล้วพอวันหนึ่งต้องจบ (เสียงสั่น) แค่วันเดียวมันก็แย่แล้ว เราก็ต้องมีการปรับจูนนิดหนึ่ง แล้วใน 3 เดือนที่ต้องเดินคนเดียว ด้วยระยะที่มันห่างไม่เหมือนเดิม มันก็ทรมานนะ แล้วเวลาเรามีคนที่ถามเราว่า กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ ซึ่งเราไม่ได้ถูกถามมานานแล้ว มันก็เป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งที่แบบ เพื่อนจะให้กันได้ การได้รู้จักใครบางคน ที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้"

"ผมชัดเจนมาก ผมไปงานบุญที่พะเยาเพื่อที่จะให้คนเห็นว่าเราไป เจ้าอาวาสยังเรียกผมไปแนะนำตัวสวัสดีถ่ายรูปกัน พ่อแม่เขาก็อยู่ ทุกอย่างมันชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ว่าถูกกวนด้วยสื่อที่ไม่ยุติธรรม มันก็ไม่แฟร์ต่อความจริงใจของเราเลยครับ ตรงนี้ความสัมพันธ์มันก็อาจจะต้องถอยเข้าไปอีกนิดหนึ่ง เพื่อที่ดูว่าเขาจะไหวไหมกับการที่ถ้ารู้จักเราต้องเป็นคนสาธารณะ เพราะเขาก็มีตัวตนของเขาที่ชัดเจนครับ”

แตงกวา : “มันก็เป็นเรื่องที่เราก็ไม่รู้ ว่ามันเกิดอะไร มันก็เป็นตามความจริงค่ะ เห็นข่าวออกมา เราก็รู้สึกว่าข่าวออกแบบนี้ ก็ทำให้เราเป็นห่วงพี่เอ”

เอ : “เขาก็มีแสดงความเป็นห่วงมานะ ก็มีการคุยกัน”

แตงกวา : “เราก็คุยกันตลอด ปรึกษากัน ว่าเป็นยังไงบ้าง ออกมาเป็นแบบนี้แล้วเราจะทำยังไง ก็อยากให้โซเชียลเข้าใจว่าเรื่องเกิดขึ้น ยืนยันได้เลยว่าพี่เอไม่ได้ไปมีใครก่อนที่จะเลิกกัน คือเราเลิกกันก่อนแล้ว แล้วนอกเหนือจากนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของพี่เอเขา แต่เราก็ยังดูแลในความรู้สึก ดูแลในความที่เขาเป็นพ่อของลูกอะไรแบบนี้ค่ะ”

เอ : “นี่ก็เพิ่งคุยเรื่องลูก เรื่องจ่ายค่าเทอมก็เคลียร์กันอยู่ว่าจ่ายช้าไป คือมันก็มีเรื่องมีราวที่ทำให้เราปวดหัว แต่ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวลูกก็จะกลับมาจากเพชรบูรณ์ ก็ดูแลกัน”

ไม่ถือโทษโกรธคอมเมนต์ในโซเชียล แค่เพื่อนๆ และรอบตัวเข้าใจว่าอะไรคืออะไรก็พอใจแล้ว

เอ : “ผมก็ไม่ได้โทษนะครับ เพราะบางคนก็ไม่ได้รู้จักเรา แต่คนที่อยู่รอบตัวเรา เพื่อนเรา หรือว่าใครที่ศัทธาในสิ่งที่เราทำมาตลอดเข้าใจ แค่นั้นก็พอแล้ว เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรักเราได้ แล้วคนที่พิมพ์อะไรด้วยความเกลียดชัง ชิงชัง คือทุกคนมีความคิดที่ดี คือเขาไม่ชอบความไม่ยุติธรรม แล้วข่าวที่มันออกมา ก็ทำให้ผู้หญิงน่าสงสารทั้งสองฝ่ายเลย แล้วครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็น่าสงสาร คืออะไรที่มันไม่โอเค ผมยินดีที่จะรับฟังแล้วก็ปล่อยวางไป เพราะว่ามันเป็นเรื่องความคิดส่วนบุคคลครับ ทุกคนสามารถแสดงออกได้ครับ แต่ผมก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าผมทำทุกอย่างอย่างถูกต้องครับ”

ไม่คิดว่ามีคนใหม่เร็วเกินไป แค่ได้เจอคนที่พร้อมเข้าใจ รักลูกและรักแม่ก็พอแล้ว เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่สถานการณ์และจิตใจของแต่ละคน

เอ : “อย่างที่ผมบอกนะ วันเดียวหรือสองวัน ที่เราเป็นโสดโดยชอบธรรม แล้วมันมีการคุยกันมานานแล้วเนี่ย มันทรมานนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมมีชีวิตอยู่เพื่อลูกนะครับ อะไรก็ตาม หรือใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิต แล้วเขาเข้าใจในเรื่องคนที่ผมรักที่สุดคือแม่ผม ลูกผม เขาจะเข้าใจ ว่าเขาจะอยู่กับผมยังไง แค่นั้นแหละครับ”

แตงกวา : “หนูไม่ได้คิดว่าเร็วหรือช้าเกินไป มันอยู่ที่สถานการณ์และจิตใจของแต่ละคน แต่เราก็เลิกกันด้วยดี มันก็เป็นโอกาสของเขา เพราะด้วยความที่เราเป็นแม่ แต่เพียงแค่เราไม่มีหน้าที่เป็นภรรยา”

ก่อนที่จะหย่า ได้มีการคุยกันมากขนาด เพราะลูกก็ยังเล็กอยู่

แตงกวา : “เราไม่เคยทะเลาะหรือถกเถียงกันเลย เราคุยกันดีๆ แล้วเราก็คุยเหมือนพี่ชายกับน้องสาวปรึกษากัน ยังดูแลกันเหมือนเดิม เพราะพี่เอก็เหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว เราก็นับถือกันเป็นแบบที่ปรึกษา เป็นพ่อของลูก เป็นพี่ชาย”

ตอนนี้ฝ่ายหญิงเป็นคนเลี้ยงลูก เพราะรู้ใจลูกมากกว่า

แตงกวา : “หนูค่ะ เพราะว่าหนูจะรู้ใจลูกมากกว่า แล้วก็อยู่กับลูกมากกว่าพี่เอ แต่ปิดเทอมทุกปีจะส่งกลับไปเพชรบูรณ์ ไปเอาอากาศดีๆ ไปอยู่กับคุณยายค่ะ ก็ยังไม่ต้องอธิบายอะไรกับลูก เขาถามหาพ่อน้อยมาก แต่พี่เอก็ยังมีเวลาให้ลูกอยู่ค่ะ”

เอ : “คือถ้าผมเลี้ยงลูกตอนนี้ ลูกคงผอม แล้วก็คงสกปรก คงพาไปเล่นอย่างเดียว แต่ผมก็ได้เจอลูกตลอด ตอนเป็นช่วงที่เรากำลังปรับจูนอะไรหลายๆ อย่าง ลูกก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านคุณตาคุณยายที่เพชรบูรณ์ เดี๋ยวก็ต้องไปรับกลับมาเรียนต่อแล้วครับ”

ในอนาคตไม่จำเป็นต้องแบ่งกันดูแลลูก เพราะสามารถทำหน้าที่พ่อแม่ได้เหมือนเดิมอยู่แล้ว

เอ : “จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดว่ามันจะต้องแบ่งนะ เพราะว่าเราก็ยังทำหน้าที่ครอบครัวเราเหมือนเดิมเป็นพ่อแม่ที่ดี หรือต่อไปถ้าแตงกวามีคนที่ดูแลเขาได้ดี แล้วก็คนที่มาทำให้เกิดความรักได้ หรือว่าผมมี แล้วเขารับสภาพกับอะไรแบบนี้ได้ มันก็ต้องมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น เหมือนกับหลายๆ ครอบครัวที่มันความเข้าใจกัน เพราะว่าพ่อตาแม่ยาย ก็ยังถือว่าเป็นครอบครัวผมนะครับ มันก็เป็นครอบครัวใหญ่ที่จะยิ่งอบอุ่น มันต้องอยู่ด้วยความเข้าใจครับ”

ไม่จำเป็นต้องบอกลูกถึงความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ เพราะยังช่วยกันดูแลให้ความรักลูกเหมือนเดิม สัญญาจะให้ทำให้ลูกรู้สึกขาด

แตงกวา : “คือจริงๆ ก็ไม่ต้องบอก เพราะเลโก้ก็ไม่ได้ขาดพ่อขาดแม่ เพราะว่าพี่เอก็ยังดูแลเหมือนเดิม เราให้ความรักลูกได้เต็มที่เหมือนเดิมทั้งสองฝ่าย สังคมมันเร็ว แล้วหนูรู้ว่าเลโก้เข้าใจ ถ้าเลโก้รู้สึกขาด เลโก้จะเศร้า แต่หนูบอกพี่เอ แล้วก็บอกตัวเองแล้ว เลโก้จะไม่ขาดความรักจากพ่อจากแม่ เราก็ยังดูแลเต็มที่ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ”

เอ : “ยิ่งต้องมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

แตงกวา : “เรื่องค่าเลี้ยงดูก็ช่วยๆ กันค่ะ ก็ร่วมกันเลย”

ถึงจะหย่ากันแล้ว แต่ความรักที่และความห่วงใย ยังมีให้ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ มีอะไรก็ปรึกษากันได้ตลอด

เอ : “ก็มีความห่วงใยอยู่เสมอนะครับ เพราะว่าเราเคยเป็นครอบครัว แล้วทุกวันนี้เราก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่ให้กับเขา ก็ทำยังไงก็ได้ ให้ลูกโอเคที่สุด พี่ว่าหนูเข้าใจพี่แหละ เราเข้าใจกันมาตลอด เพียงแต่ปัญหามันเกิดจากคนที่ไม่รู้จักเรา เขาไม่เข้าใจเราเท่านั้นเองนะครับ (ยังรักอยู่ไหม?) ความรักมันไม่เคยเปลี่ยน แต่สถานะทางสังคม หรือทางพฤตินัย นิตินัย มันเปลี่ยนไปได้อยู่แล้ว ตอนนี้เราเป็นกัลยาณมิตร เรายังทำบุญร่วมกัน เรายังมีภารกิจที่อยากจะทำร่วมกันในการช่วยวัดที่ไฟไหม้ แม้แต่การสร้างวัตถุมงคลที่คนเขาว่าผมสร้างภาพ นี่เดี๋ยวเราก็จะเอาเงินไปมอบให้กับวัดที่พิษณุโลกครับ”

แตงกวา : “ก็ยังรักแล้วก็เป็นห่วงเหมือนเดิม เพราะว่าป๊าคือคนในครอบครัว มีอะไรก็ปรึกษากันได้ตลอดค่ะ”

สำหรับแตงกวาคิดว่าสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้องเลิกกัน คือใช้เวลาศึกษาดูใจกันน้อยเกินไป

แตงกวา : “ก็อย่างที่พี่เอบอกค่ะ ทัศนคติ แล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง เราไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ เพียงแค่ด้วยอายุเรายังน้อย แล้วเราใช้เวลาศึกษาใจกันสั้นเกินไป เพราะว่าคบกันไม่ถึงปี ถ้านับการศึกษากัน นับตั้งแต่ท้องเลยดีกว่า ซึ่งมันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ตรงกันบ้างค่ะ เป็นเรื่องการมองอนาคตข้างหน้า ทั้งของเขา ของหนู อย่างพี่เอจะมีความสามารถในการแสดง ส่วนหนู หนูก็มองอนาคตว่าถ้านอกเหนือจากการแสดง มองไกลเลยค่ะ หนูว่าหนูไปทางธุรกิจมากกว่า พี่เอก็ไปทางการแสดง แต่มันก็ไม่เกี่ยวเลย หลักๆ ก็คือเราศึกษาใจกันน้อยเกินไป”

รับการออกไปทำงาน ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเลิกรา เพราะเหนื่อยงาน จนทำหน้าที่ภรรยาได้น้อยลง

แตงกวา : “มันก็เป็นส่วนหนึ่ง เพราะหนูใช้เวลากับงานมาก หนูไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร มันเรียกว่าเราอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อน แล้วหน้าที่ภรรยาหนูก็ทำน้อยลง เพราะว่ามันเหนื่อยจากการทำงาน ความหวานวันน้อยลงแต่เราก็อยู่กัน ไม่เคยทะเลาะกันเลยนะคะ”

ไม่เคยมีน้อยใจอะไรเลย เพราะแทบไม่พูดกัน ความรักจางลง เพราะไปคิดเรื่องงานเรื่องเงินมากกว่า

แตงกวา : “แทบไม่พูดกันเลยค่ะ แต่รู้ว่าความรักมันเริ่มจางลง เพราะเรามีเรื่องที่ต้องคิดเยอะกว่านั้น เรื่องงานเรื่องเงินมายุ่งด้วย (คือถ้ามีปัญหาก็ไม่คุยกันเหรอ?) คุยค่ะ แต่ก็คุยไปในทางที่สบายใจทั้งสองฝ่าย ไม่มีโวยวาย”

ไม่รู้เรื่องบนเตียงเกี่ยวไหม เพราะส่วนใหญ่จะอยู่แต่กับลูกกับงานมากกว่า แต่ยอมรับว่าหลังๆ ไม่ค่อยอนุญาตให้ทำการบ้านเท่าไหร่

แตงกวา : “ไม่เกี่ยวค่ะ แต่ที่บอกว่าทำหน้าที่ของภรรยาน้อยลง หมายถึงเรื่องของดูแลการเอาใจใส่ ส่วนมากหนูจะอยู่กับลูก กับการทำงานของหนูมากกว่า หนูเป็นคนไม่หวานค่ะ (แล้วเราไม่อนุญาตจริงไหม ช่วงหลังๆ?) ก็มีบ้างค่ะ แต่ก็ไม่รู้นะ ว่าเกี่ยวหรือเปล่า หนูขอข้ามเลยค่ะ(หัวเราะ)”

ไม่เคยมีโมเมนต์เพิ่มความหวานให้กันเลยหลังมีลูก เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่หวานอยู่แล้ว

แตงกวา : “ไม่เลยค่ะ อยู่เหมือนเป็นเพื่อนเลย ไม่มีเซอร์ไพรส์ ไม่มีหวาน ไม่มีอ้อน ไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วหนูก็ไม่ได้อยากได้นะ เพราะหนูเป็นคนไม่ค่อยหวานอยู่แล้ว อย่างเช่นวันเกิด ถ้าคุณลืมก็ไม่เห็นจะสำคัญเลย ก็เกิดมาแล้วจะเซอร์ไพรส์อะไร (ยิ้ม) แต่ถ้าสมมติว่าเขามีของขวัญมาให้ เราก็รับไว้ แล้วก็โอเคขอบคุณนะ แค่นี้ คือหนูเป็นคนเฉยๆ ถ้าให้ก็เอา ถ้าไม่ให้ก็ไม่เป็นไร แล้วหนูก็เป็นคนขี้ลืม ไม่ได้ให้เขาเหมือนกัน คือเป็นแบบนี้หลังมีลูกเลยค่ะ”

ตอนตัดสินใจเลิกกันจริงๆ ก็ไม่ได้มีการยื้อ เพราะชินแล้วกับการอยู่เป็นเพื่อนกัน ทำงานหนักจนไม่มีเวลามานั่งคิดน้อยใจอะไร

แตงกวา : “ความหวานมันลดน้อยลง เราก็อยู่กันเป็นเพื่อนมาตลอดค่ะ ก็ไม่ได้มีการยื้อนะ เพราะเราชินกับการอยู่เป็นเพื่อน อยู่กันเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก ดูแลกัน ตื่นมาหนูเลี้ยงลูก ทำกับข้าว ไม่ได้มาคิดว่าต้องมานั่งเสียใจอะไร เพราะทุกวันมันต้องเดินหน้า หนูตื่นมาทำกับข้าวเสร็จ แต่งให้ลูกไปโรงเรียน ชีวิตก็ไม่ต้องมานั่งน้อยใจว่าคุณไม่หวาน ไม่อะไรเลย หนูไม่เคยคิด เพราะว่าหนูตื่นมาทำกับข้าว ส่งลูกไปเรียน มาทำธุรกิจตัวเอง วิ่งส่งของที่ออเดอร์เข้ามา มันไม่มีเวลาไปคิดน้อยใจตรงนั้นเลย”

ช่วงที่ชีวิตวนลูปอยู่แบบเดิม ก็คิดไว้แล้วว่าวันหนึ่งมันต้องจบแน่นอน แต่ก็ยินดีเพราะหมดอารมณ์เรื่องเซ็กส์ไปนานแล้ว อยู่ดูแลกันแบบพี่น้องไป

แตงกวา : “ก็คิดค่ะ แต่ก็ยินดีค่ะ เพราะว่าเรารู้ตัวเอง ว่าอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเลิกกันปุ๊บ แล้วคุณหายหน้าไปเลย อย่างนั้นเราจะเครียด แต่ทุกวันนี้เลิกกัน ก็ยังดูแลกันเหมือนเดิมที่ผ่านมา ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ที่บอกตอนนั้นไป เพราะว่าหนูคิดแล้วว่าพี่เอก็ไม่มีงานเลย เพราะว่าหนูก็ทำงานจนเหนื่อย แล้วทำไมเงินมันหายไปไหนหมด เงินทำไมเข้าน้อยจัง ทำธุรกิจก็ไม่รุ่ง ก็เลยว่าไปหย่ากันไหม ก็เหมือนเป็นไอเดียแก้เคล็ด ก็คือทั้งคู่ปรึกษากันเลยค่ะ พอหลังจากหย่า งานก็เข้าเต็มทั้งคู่เลยนะ แล้วคือก่อนหน้านั้นเราก็อยู่กันแบบเพื่อนอยู่แล้ว คือหนูไม่มีอารมณ์เรื่องเซ็กส์ไปนานแล้ว เพราะคิดเรื่องงานเยอะ เราก็อยู่ดูแลกันเป็นพี่น้อง”

ตอนที่ตัดสินใจไปหย่า รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นการหย่าแบบสิ้นสุดความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา ไม่ใช่แค่หย่าแก้เคล็ดอย่างเดียว

แตงกวา : “รู้อยู่แล้วค่ะ ตอนที่มาในรายการเดือนพฤษภาคม ที่บอกว่าหย่าเพื่อแก้เคล็ด แต่จริงๆ ก็รู้ว่ามันอยู่จะต้องเลิก ก็ไม่ต้องทำใจค่ะ คือหนูไม่ฝังใจอะไรแบบนี้ มันไร้สาระ เรามองอนาคตว่าเราจะทำยังไงให้เรามีเงินเข้ามาเลี้ยงลูกเราได้ เพราะลูกต้องโต ต้องใช้เงินเยอะ”

“เรื่องหย่าแก้เคล็ด คือจริงๆ ก็ไม่อยากพูดถึงตรงนั้น เพราะว่าจริงๆ มันก็แก้เคล็ดจริงค่ะ แต่ก็ไม่เกี่ยวกับพญานาค เพราะทุกคนจะโยงไปพญานาค เพราะเราศัทธาแล้วก็เชื่อพญานาคอยู่แล้ว (ณ ตอนนั้นเราบอกว่าหย่าแก้เคล็ด แต่ใจยังรักกันอยู่ ที่มาออกรายการครั้งล่าสุด?) หนูบอกไปแล้วนะ (หัวเราะ) คือมีไปออกรายการหนึ่ง ก็บอกไปแล้ว ว่าความสัมพันธ์เราก็แยกกันอยู่แล้ว แยกห้องแล้ว แต่ตั้งต้นปีจนถึงครึ่งปีก็ไปๆ มาๆ ไม่ให้ลูกรู้สึกว่าขาดพ่อขาดแม่ ก็ทำเพื่อลูกค่ะ”

บอกไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เพราะคุยกันเข้าใจแล้ว

แตงกวา : “ไม่มีเวลามานั่งเสียใจค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าเราคุยกันด้วยความเข้าใจ ก็หลังจากที่เคลียร์เรื่องว่า อะไรมันไม่ดีขึ้น เรื่องธุรกิจไม่ดีขึ้น ก็ลองไปหย่า ก็โอเคกันทั้งสองฝ่าย พอคุยกันเสร็จอีกวันก็ไปหย่า แค่นั้นเอง ไม่มีมานั่งเสียใจ เพราะคุณก็ยังดูแลฉันดี ฉันก็ยังดูแลคุณดี”

รับลำบากใจ ที่ยังต้องมาพูดถึงเรื่องนี้ แต่พลาดเองที่ไม่ออกมาพูดให้ชัดเจนแต่แรก

แตงกวา : “ก็ลำบากใจ เพราะข่าวมันออกมาในทางที่ไม่ดี ก็เป็นห่วงพี่เอแค่นั้นเอง ห่วงกระแสเพราะว่าด้วยสิ่งที่เรายังไม่ชัดเจน เรายังไม่ได้มาพูดให้มันชัดเจนกับสังคม เพราะว่าเราก็คิดว่ามันเป็นครอบครัวของเรา เป็นเรื่องในครอบครัว แต่เราลืมไปว่าเราอยู่ในสังคมที่มีคนรู้จัก เราพลาดที่เรามองข้ามตรงนี้ไปทั้งคู่”

มีคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เอจะออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก

แตงกวา : “มีคุยกันค่ะ เขาบอกว่าจะโพสต์ เราก็บอกเอาเลย สั้น (หัวเราะ) ก็คิดว่าดีค่ะ ก็ปลอดภัยดี เซฟทั้งคู่ค่ะ”

ฝากถึงเอกับผู้หญิงคนใหม่ ว่าไม่ได้หวง แต่ยังเป็นห่วงความรู้สึก และจะยังดูแลเป็นที่ปรึกษาให้เสมอ

แตงกวา : “ก็ไม่มีอะไร ก็เป็นห่วงความรู้สึก แต่ก็ยังยืนยันว่าเราจะยังดูแลแล้วก็เป็นที่ปรึกษาให้กันทั้งคู่ค่ะ ไม่หวงค่ะ ตอนเห็นรูปก็เฉยๆ นะคะ อย่างที่บอก เราเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ยังรักเขาอยู่ค่ะ เพราะว่าเขาคือคนในครอบครัว ในสถานะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นพ่อของลูก แค่นั้นค่ะ (แต่เราก็มีโพสต์เหมือนกัน?) ตอนนั้นก็เฉยๆ แบบเฉยจริง เพราะชินแล้ว ถ้ารู้ว่ามีก็ยินดีด้วย ตอนที่โพสต์คือรู้สึกยินดีค่ะ คือหนูเป็นคนห้าว เป็นคนแมนๆ เลย นิสัยผู้หญิงหนูน้อยหน่อย”

ยังมองไม่เห็นแววรีเทิร์น ปล่อยเป็นเรื่องอนาคต

แตงกวา : “ยังมองไม่เห็น เพราะว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตค หนูขอยังดีกว่า”

ถ้าไปโรงเรียนแล้วลูกกลับมาถามว่าเพื่อนบอกว่าพ่อกับแม่เลิกกัน ก็จะบอกลูกว่าพ่อกับแม่รักลูกเหมือนเดิม เชื่อลูกนิสัยเหมือนตน จะเข้าใจได้แน่นอน

แตงกวา : “ก็จะบอกลูกว่าไม่ได้เลิกนะเลโก้ พ่อกับแม่ก็ยังรักกัน ดูแลกันเหมือนเดิม เหมือนคนในครอบครัว แล้วก็รักเลโก้มากเหมือนเดิมแค่นั้นค่ะ แล้วโตขึ้นเขาก็จะเริ่มเข้าใจไปทีละนิด หนูเชื่อว่าเลโก้นิสัยเหมือนหนู หากวันหนึ่งเลโก้โตมาดูเทปสัมภาษณ์นี้ ก็จะบอกว่าแม่กับป๊า ยังดูแลหนูเหมือนเดิม แล้วก็รักหนูเหมือนเดิม จะไม่ให้หนูขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่แน่นอนค่ะ”

ฝากข้อคิดถึงคนอายุน้อย ที่กำลังตัดสินใจจะมีครอบครัว ให้ศึกษาดูใจกันนานๆ ก่อน

แตงกวา : “ก่อนที่จะมีครอบครัว ก็ลองศึกษาดูใจกันสัก 1-3 ปีก็ว่ากันไปค่ะ ถ้าคนมันใช่มันก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”

ตอนนี้เปิดร้านนวดอยู่แถวโรงเรียนลูก เพราะจะได้สะดวกเวลาไปรับไปส่ง

แตงกวา : “ตอนนี้เปิดร้านนวดเองที่ใกล้ๆ โรงเรียนเลโก้ เพราะว่าไปส่งปุ๊บก็เข้าร้านได้เลย ชื่อร้าน เจ้าพระยา บูทีค มั๊ดสาจ อยู่ตรงถนนสามวา ซอย 1 เปิด 9.00 - 19.00 น. เปิดทุกวันค่ะ มีหมอนวด 3 คนค่ะ เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่เราเมื่อยเราก็เข้าไปนวด ก่อนจะเข้าไปให้โทรจองคิวหมอก่อนนะคะ ที่เบอร์ 063-883-9933 เป็นเบอร์หนูเองค่ะ เป็นเบอร์หนูเอง แต่ว่าจะมีเลขาฯ คอยรับค่ะ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0