โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แฉ "แม่ปุ๊ก" สงสัยวางยาลูก เอะใจไลฟ์สดกระทั่งตอนตาย อ.ปรเมศวร์ ชี้โทษสูงถึงประหาร

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 25 พ.ค. 2563 เวลา 10.32 น. • เผยแพร่ 25 พ.ค. 2563 เวลา 10.32 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

เปิดใจคนในเพจ ติดตาม "แม่ปุ๊ก" สงสัยวางยาลูก 2 คน เอะใจไลฟ์สดกระทั่งตอนลูกจะเสียชีวิต ด้านแพทย์ ยืนยันรับสารพิษทางปาก ขณะที่ อ.ปรเมศวร์ ชี้หากเจตนาฆ่า โทษสูงถึงประหาร

ในรายการ "ถามตรงๆ กับจอมขวัญ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 โดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ มีการพูดคุยกับ คนที่ติดตามเพจของ "แม่ปุ๊ก" สาววัย 29 ปี ซึ่งต้องสงสัยวางยาฆ่า เด็กหญิง 4 ขวบ ลูกบุญธรรม และเด็กชาย 2 ขวบ ที่ยังไม่รู้ว่า จะเป็นลูกแท้ๆ หรือไม่ สาหัส ซึ่งภายหลังอาการดีขึ้น และพม. รับเด็กไปดูแลเบื้องต้นแล้ว

น.ส.ออย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ แม่ปุ๊ก จะติดต่อมาหาตน เพื่อเอาของที่เพจของตนไปขาย หารายได้รักษา ด.ญ. คนโตที่ป่วย ซึ่งตนก็ไปย้อนดูในเพจ ก็เห็นว่า น้องป่วยจริง และป่วยมาก่อนหน้าที่ตนจะเข้าไปดูในเพจ ทั้งอ้วกเป็นเลือด อาเจียน แต่ที่เคยถาม แม่ปุ๊กบอกว่า น้องแพ้หลายอย่าง แต่ก็มีที่สงสัย เพราะแม่ปุ๊กบอก หมอห้ามไม่ให้พาน้องไปที่ชุมชน แต่ก็ยังมีภาพในเพจที่ออกมาว่า พาน้องไปวัด ไปทำบุญ ซึ่งที่เราติดตามอาการ ก็เพื่อเป็นตัวอย่าง เพราะเราก็มีลูกวัยไล่เลี่ยกัน 

น.ส.ออย เผยต่อว่า วันที่น้องเสีย ก็เห็นแม่ปุ๊กไลฟ์สด เราก็ยังนั่งดู  เรียกคนในบ้านมาดู ยังร้องไห้กัน วันที่น้องเสีย ตนตั้งใจจะไปงานศพ แต่ไม่ได้ไป เพราะเข้า รพ. จึงโอนเงินไปช่วยแทน แต่เริ่มมาเอะใจ ตอนที่น้องคนเล็กป่วย เพราะก่อนหน้านี้น้องไม่มีอาการอะไรเลย เป็นเด็กร่าเริง สุขภาพดี

น.ส.ออย เผยด้วยว่า วันที่น้องคนโตเสีย แม่ปุ๊ก รู้ว่าน้องไม่ไหวแล้ว เพราะบอกว่า มาส่งน้องไปสวรรค์กัน ซึ่งแม่ก็ไลฟ์ และอัดคลิปไว้ต่างหาก โดยตอนนั้นเราดูไลฟ์ ก็เห็นเด็กหมดลม ไปในอ้อมกอดของแม่ ส่วน ด.ช. 2 ขวบ ปุ๊บปั๊บ เข้า รพ. และมีแผลที่ปาก ตนก็แชตไปถาม ว่าน้องเป็นอะไร จากนั้นแม่ปุ๊ก ก็โพสต์ว่าน้องเข้า ICU บอกว่า มีอาการเหมือนลูกคนโต แต่เราก็ยังไม่ได้เอะใจ มาระแคะระคาย ตอนที่มีคนโพสต์ว่า สั่งของไปแล้วไม่ได้ และก็มีคนมาตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการวางยาลูก

เมื่อถามว่า รู้หรือไม่ว่า แม่ปุ๊ก ทำงานอะไร น.ส.ออย บอกว่า ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่า มีความรู้ เพราะจากการที่บรรยายอาการของลูก ซึ่งตนก็ไม่เคยถาม ส่วนแม่ของเด็กจริงๆ แม่ปุ๊ก ก็ไม่เคยพูดถึง ชื่อบัญชี เอมอัชนา วัฒนะกูล ตนก็มาทราบทีหลังตอนที่เป็นข่าว ว่าไม่ใช่ชื่อของ แม่ปุ๊ก

พูดคุย กับ น.ส.แนน ผู้ที่ติดตามในเพจแม่ปุ๊กอีกคน โดย น.ส.แนน เผยว่า ตนติดตามในเพจ ไม่ได้ใกล้ชิดมา แต่ก็มีการแชตถามส่วนตัว และคุยกัน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครทราบว่า น้องทั้ง 2 คน เป็นลูกบุญธรรม เพราะเขาจะบอกว่าเป็นลูก และก็ไม่รู้ว่า เป็นเภสัชฯ มาก่อนหรือไม่ ส่วน ชื่อบัญชี เอมอัชนา ก็ไม่เคยสงสัยมาก่อน เพราะนามสกุลเดียวกับลูกคนโตที่เสียไป ซึ่งตนก็มาตนเอะใจ ตอนเริ่มมีคนทักมา แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะทำ เพราะเท่าที่เห็นคือ เขารักลูกมาก โดยคนข้างบ้านบอกว่า เด็กอาจจะได้รับสารพิษ ที่ผ่านมาก็เคยมีตำรวจมาที่บ้าน และแม่ปุ๊ก ก็เคยโดนคดีฉ้อโกงมาแล้ว

โดยคนข้างบ้านเคยเล่าว่า ลูกคนเล็ก เป็นเด็กแข็งแรง ไม่น่าป่วย แต่อาจจะได้รับสาร ซึ่งตนก็ไม่เคยคุยกับแม่ปุ๊กส่วนตัว เพราะเราไม่มีหลักฐาน เกรงว่าจะเป็นการกล่าวหา

หลังจากที่น้องคนโต เสียชีวิต จนถึงน้องคนเล็กป่วย ตนก็โทรถามว่าน้องเป็นอะไร แม่ปุ๊กบอกว่า เขาแพ้ปลาหมึก หรือสารที่อยู่ในปลาหมึก ซึ่งต่อมา เขาก็มีถ่ายคลิป ตอนน้องอยู่บนรถพยาบาล เนื่องจากช็อก แต่เราก็ไม่คิดว่าอาการจะหนักขนาดนี้ โดยคนในเพจส่วนใหญ่เข้าใจว่า เป็นพันธุกรรม เพราะอาการเด็ก 2 คนเหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่า วางยา แต่ก็เห็นรูปน้องในเฟซบุ๊ก ว่าปากเปื่อย นิ้วลอก 

ซึ่ง แม่ปุ๊ก พยายามจะโพสต์เหตุการณ์ของลูกทั้ง 2 คน ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะคนโต ไม่ว่าจะตอนอ้วกเป็นเลือด หรือตอนเสียชีวิต แต่ตอนคนเล็ก ไม่ค่อยอัปเดตรูปของน้อง อ้างว่าแพทย์ไม่อนุญาต ตอนนั้นพวกเราก็คิดแต่เพียงว่า สงสารน้อง ไม่ทรมานแล้ว ก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร

หลังมีข่าวว่าถูกจับกุม คนในเพจส่วนใหญ่ มั่นใจว่าวางยา เพราะทำไมป่วยเหมือนกัน ก่อนออกจาก รพ. ดีขึ้น กลับมาบ้านก็ทรุดอีก แต่ที่ผ่านมาแม่ปุ๊ก ก็ไม่ได้ขอรับบริจาคบ่อย แต่จะเน้นขายของ เพื่อหาเงินรักษาน้องมากกว่า

ด้าน รองศาสตราจารย์ นายแพทย์พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า ยืนยันว่า สารพิษในตัวเด็กทั้ง 2 คนนั้น ได้รับทางปากแน่นอน ซึ่งเป็นอาการที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่า เป็นสารตัวใด

ส่วนเด็กที่แพ้อาหารทะเล กับเด็กที่ได้รับสารพิษนั้น อาการเบื้องต้น อาจใกล้เคียงกัน เพราะอาการแพ้อาจเกิดเฉพาะที่ ทั้งปาก ลำคอ กระเพาะอาหาร ฯลฯ แต่ถ้าไม่กินอีก อาการแพ้ก็จะไม่เกิด

ก่อนหน้า เมื่อเด็กออกมาจากไอซียู ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุม ญาติเข้ามาดูแลได้ สามารถนำอาหารเข้ามาให้เด็กทานได้ เด็กก็มีอาการเปลี่ยนไป ซึ่งหากแพ้อาหาร อาการรุนแรงที่สุด คือ หลอดลมตีบ หัวใจหยุดเต้น ถ้าถึงมือแพทย์ เราก็จะเยียวยาให้กลับมาดีขึ้นจนกลับบ้านได้ หากไม่ได้รับอาหาร หรือสารชนิดนั้นเพิ่ม

ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล น้องคนโต มีการเข้าออก 6-7 ครั้ง รวม 1,500,000 บาท แต่มีสิทธิ์ 30 บาทอยู่ ก็สามารถที่จะใช้ได้ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ เหลือที่ต้องจ่ายเพิ่ม 4.6 แสนบาท ซึ่งในส่วนนี้มีกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่ ถ้าแม่มีปัญหาค่าใช้จ่าย ก็สามารถร้องขอได้ แต่เท่าที่ดูในประวัติ แม่ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด 

สำหรับ 5 ข้อหา ในคดีแม่ปุ๊ก คือ รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน

อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดี สำนักงานอัยการสูงสุด เผยถึงคดีนี้ว่า น่าจะโดนมากกว่า 5 ข้อหานี้ เพราะ 5 ข้อหานี้ เป็นของน้องที่ยังไม่เสียชีวิต แต่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังไม่มีการตั้งข้อหาแต่อย่างใด และจากข้อเท็จจริง เด็ก 2 คนนี้อาจไม่ใช่ลูก แต่รับมาแล้ว มาทำแบบนี้ ผิดวิสัยของความเป็นแม่ และแพทย์ยืนยันว่าเป็นการวางยา ซึ่งตนก็ยังไม่แน่ใจว่า จะมีข้อหาอื่นอีกหรือไม่ โดยจะต้องแยกกัน เป็นต่างกรรม ต่างวาระ แต่แค่ข้อหาของคนที่ 2 ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ถ้าเจตนาฆ่า โทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0