แฉ! แก็งวินนรกยิงถล่มกลางกรุง สั่งห้ามนำร่างคนเจ็บส่งรพ. พ่อใจสลายดูลูกตายคาอก (คลิป)

วันที่ 15 มิ.ย. 62 ความคืบหน้ากรณีวินจักรยานยนต์ 2 กลุ่ม ก่อเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณย่านอุดมสุข กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีกระสุนลูกหลงยิงเข้าที่บริเวณเหนือคิ้วขวาของนายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ (อ่าน : วินจยย.เดือด เปิดศึกตีแย่งลูกค้ากลางเมือง สาดกระสุนโดนหนุ่มเคอรี่ดับสลด )

ด้าน พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นี้คาดว่ามาจากความขัดแย้งของวินทั้ง 2 กลุ่ม ระหว่างกลุ่มวินจักรยานยนต์ปากซอยอุดมสุข 1 กับกลุ่มวินจักรยานยนต์ที่อยู่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งอยู่ถัดกันไปประมาณ 100 เมตร มีปัญหาในเรื่องการขยายพื้นที่วิ่งวินจักรยานยนต์ ตรวจสอบเบื้องต้นทั้ง 2 กลุ่มเป็นวินจักรยานยนต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้วิ่ง เป็นวินจักรยานยนต์ผิดกฎหมาย สำหรับผู้ก่อเหตุตำรวจมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว และหลังจากนี้จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเรียกหัวหน้าวินจักรยานยนต์ทั้งกลุ่มมาให้ปากคำต่อไป

โดยนายนิกร แนมใส ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วินหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ หรือวินซอยรุ่งเรือง บอกว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ กลุ่มตนและวินหน้าซอยอดุมสุข 1 คือวินคู่อริ ได้มีการทะเลาะวิวาทกันจนเพื่อน ๆ ในวินตนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตนวิ่งหนีเข้ามาในซอยกิจรุ่งเรือง 1 เพื่อที่จะมาหลบในบ้าน แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายได้ใช้อาวุธปืน ยิงกราดเข้ามาจำนวน 5-6 นัด

นายนิกร ยังบอกอีกว่า วินของตนและของนายประมุข ซึ่งเป็นหัวหน้าวินซอย 1 มีปัญหามาเป็นเวลากว่า 2 ปี ซึ่งทั้ง 2 วินเป็นวินที่ไม่ได้จดทะเบียน แต่เป็นการจัดตั้งวินเพื่อทำมาหากินเท่านั้น แต่เนื่องจากวินของนายประมุข มีการเก็บค่าวินเดือนละ 3,500 บาท ทำให้คนในวินของนายประมุขย้ายมาอยู่วินตน แต่วินคู่อริต้องการยึดวินจึงได้ก่อเหตุดังกล่าวไว้เพื่อรวบให้เป็นวินเดียวกันเพื่อเก็บค่าปกครอง

ด้านนางแดง จิตกระแส อายุ 53 ปี แม่ของนายวีรวัฒน์ ร่ำไห้ต่อหน้าศพลูก บอกว่าก่อนเกิดเหตุลูกชายเป็นพนักงานส่งของ บริษัทเคอรี่ กลับมาจากส่งของ ขณะนั้นอยู่ด้วยกันในบ้าน และกำลังจะออกมาขยับรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าบ้านเพราะกลัวจะขวางทางคนอื่น แล้วอยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนไล่ตีกัน และวิ่งกรูกันมาประมาณ 50-60 คน ระหว่างนั้นตนยืนคู่อยู่กับลูกชาย ก็ได้ยินเสียงปืนยิงเข้ามาในซอยบ้านดังสนั่น และจังหวะนั้นลูกชายก็ชะเง้อไปดูจึงถูกลูกหลงกระสูนยิงเข้าบริเวณศีรษะล้มลงกับพื้นจมกองเลือด และมาเสียชีวิตอยู่หน้าปากซอย

ทั้งนี้ ภรรยาของลูกชายก็เพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียง 4 เดือน ลูกชายเป็นคนขยับทำมาหากิน ซึ่งทำงานเคอรี่มาได้ ปีกว่าแล้วก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุกับลูกของตน ไม่รู้ว่าไปมีเรื่องมีราวอะไรกันมา ไม่รู้ว่าใครผิดใครถูกแต่นางแดงก็บอกว่าไม่สมควรทำเกินกว่าเหตุขนาดนี้ ตนผู้ที่เป็นแม่มาเห็นลูกตายต่อหน้าหัวใจก็แทบจะสลาย

นอกจากนี้ นายหนุ่ม ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วินหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า เมื่อช่วงเช้าตนตั้งใจจะไปส่งคน แต่โดนดักจากวินนายประมุข กว่า 100 คน จากนั้นคนในกลุ่มวินนายประมุขได้บังคับให้ตนถอดเสื้อ และวินกลุ่มนายประมุขก็เอาเสื้อและบัตรประชาชนไปถ่ายรูป ตนจึงมาบอกเพื่อนร่วมวินในซอยรุ่งเรือง และได้ยกพวกกันไปจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาท กระทั่งอีกกลุ่มไล่ยิงมา โดยตนเห็นว่าคนขับขี่จักรยานยนต์ฝั่งตรงข้ามชื่อเยส เป็นคนชักปืนยิง และผู้ใส่เสื้อวินหมายเลข 64, 65 และ 88 ทั้งคน 3 คน ใช้อาวุธปืนยิงกราดเข้ามาภายในซอย

ขณะที่นายโน้ต (นามสมมติ) ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในจุดที่ใกล้กับผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตอนเกิดเหตุ ตนเองเห็นวินวิ่งกรูเข้ามาในซอยพร้อมกับเอาไม้ และปืนออกมายิงกราดไปทั่ว เสียงดังหลายนัดคล้ายกับคนจุดประทัด ซึ่งตอนนั้นตนเองเห็นก็หลบ แต่แต่ก็ยังถูกคนที่วิ่งมาเอาไม้ฟาดที่ไหล่ขวา จนได้รับบาดเจ็บ และวิ่งไปหลบอยู่ฝั่งตรงข้ามของผู้ตาย ซึ่งตนเองก็รู้จักกับน้องผู้เสียชีวิตเนื่องจากเป็นคนที่เคยขับวินเดียวกันมาก่อน แต่ตนเองไม่ได้ขับมานานแล้ว

จังหวะนั้นที่ตนเองกำลังหลบกระสุนอยู่ ปรากฏว่าผู้ตายได้ชะโงกหน้าออกมาจากประตูบ้าน ก็ถูกกระสุนยิงเข้าที่หน้าผากทันที ตนนั้นตนเองเห็นก็ตกใจ ได้ยินเสียงผู้ตายตะโกนเรียก “พ่อผมถูกยิง พ่อผมถูกยิง” หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย ซึ่งตอนแรกคิดว่าพ่อของผู้ตายถูกยิง และผู้ตายตะโกนให้คนช่วย ไม่คิดว่าผู้ตายจะถูกยิงเสียเอง ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ด้านนายวิรัช พึ่งครุฑ พ่อของผู้เสียชีวิต ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า  กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ที่ลูกชายตนเองเคยขับอยู่นั้นมีปัญหากันในช่วงเช้า ตอนนั้นได้ยิงเสียงปืนดังสนั่นหลายนัด จึงบอกกับคนในครอบครัวว่าไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ลูกชายบอกว่าจอดรถไว้หน้าบ้าน จะออกไปเก็บรถเข้ามาในบ้าน เพราะในรถมีอุปกรณ์การส่งของอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ตนเองก็ได้ห้ามลูกแล้วอย่าออกไป สุดท้ายลูกชายก็ออกไป

พอลูกชายออกไปได้ไม่ถึงนาที ตนก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นที่หน้าบ้าน และมีคนตะโกนบอกว่าลูกชายตนเองถูกยิง ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจเป็นอย่างมาก และวิ่งออกมาดูก็เห็นลูกชายนอนแน่นิ่ง หายใจรวยรินอยู่ ตนจึงให้ภรรยาโทรศัพท์หารถกู้ภัยแต่ก็เข้าไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มคู่อริเอารถตู้มาปิดปากซอยทางเข้า ไม่ให้รถคันใดเข้ามาได้ จนลูกชายตนเองเสียเลือดมาก ตนเองก็พยายามปั๊มหัวใจลูกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ตนเองมีลูกชาย 2 คน และลูกสาวอีก 1 คน ตอนนี้ลูกชายคนโตได้ตายไปแล้ว และก็ต้องมาเสียใจอีกที่ลูกชายคนที่ 2 มาตาย ตอนนี้ยังคงทำใจไม่ได้ นายวิรัชร้องไห้และพูดว่า “ขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้ พ่อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว ตนเองไม่โกรธคนที่ยิงลูกชายจนเสียชีวิต เพราะให้มันหมดเวรหมดกรรมกันไป ส่วนหลานที่อยู่ในท้องภรรยาผู้ตายตนเองก็จะเลี้ยงดูเอง ที่ผ่านมาลูกตนเป็นคนดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ไม่เคยเกเรกับใคร ส่วนเรื่องคู่อริ ตนเองก็ไม่ทราบมาก่อน เพราะว่าลูกไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง มีแต่เพียงทราบว่าไม่ถูกกัน อาชีพหลักของลูกก็ไม่ได้ขับวิน แค่เป็นพนักงานส่งของเคอร์รี่เท่านั้น ส่วนการขับวินเวลาว่างถึงจะออกไปทำ

ขณะที่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้สองราย มีผู้บาดเจ็บสามราย โดยคนร้ายมีพฤติการณ์การก่อเหตุอย่างอุกอาจ ปมการก่อเหตุมาจากปัญหาการแย่งลูกค้า และการขยายกลุ่มวินรับจ้าง โดยกลุ่มวินรับจ้างทั้งสองเป็นวินที่ไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีเพียงวินอุดมสุข ซอย 1 บางส่วนที่ขออนุญาต แต่นอกนั้นเป็นวินป้ายขาว

ส่วนกรณีที่มีหลายคนตั้งคำถามว่าเหตุการณ์เมื่อเช้าบริเวณหน้าตลาดอุดมสุขที่กลุ่มวินรับจ้าง มีการปะทะกัน แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะระงับเหตุได้ เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้า กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีน้อยมาก เบื้องต้นทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วจำนวนหนึ่ง และได้ทำการออกหมายจับแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คน ตามภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด โดยแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิด เบื้องต้น 4 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกาย มั่วสุมเกิน 10 คน เพื่อสร้างความวุ่นวายในชุมชน และพกพาอาวุธในที่สาธารณะ และอาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มหลังจากการสอบสวนในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เพราะชาวบ้านหลายรายถูกทำลายข้าวของพังเสียหาย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์ทั้ง 2 ฝ่ายรวมกันประมาณ 260 คน โดยเป็นวินจุดหน้าธนาคาร 60 คนและซอย 1 จำนวน 200 คน ซึ่งคิดค่าบริการขั้นต่ำตั้งแต่ 10-200 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง มีรายได้เฉลี่ยคนละ 700-800 บาทต่อวัน หรือคิดเป็นเดือนละ 21,000 – 24,000 บาท แต่วินจุดหน้าธนาคารจะต้องเสียเงินให้กับหัวหน้าวินคนละ 3,500 บาทต่อเดือนด้วย

https://youtu.be/oQaajwcRPpo