โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

แกะรอยแผนสกัด”5G หัวเว่ย” ก็รู้กลยุทธ์แบบฉบับอเมริกา

Money2Know

เผยแพร่ 22 พ.ค. 2562 เวลา 08.23 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
แกะรอยแผนสกัด”5G หัวเว่ย” ก็รู้กลยุทธ์แบบฉบับอเมริกา

ขณะนี้มีคำถามที่ขยายไปในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆกับการที่สหรัฐจะทำสงคราม5G กับหัวเว่ยโดยหวังใช้เป็นประเด็นต่อรองทางการค้ากับจีนเพื่อให้มีข้อตกลงแบบเดียวกับข้อตกลงการค้าฉบับอเมริกาเหนือที่ทำกับแคนาดาและเม็กซืโก

ล่าสุด สหรัฐได้ออกโรงเตือนกลุ่มประเทศพันธมิตรในยุโรป โดยทีมงานบริหารในทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุว่า ยุโรปกำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ร้ายแรงจากหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน รวมทั้งอันตรายที่มาจากการใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการพัฒนาเครือข่าย 5G

เนื่องจากยุโรปอาจจะไม่ได้มีข้อกำหนดที่เป็นข้อห้ามทางกฎหมายแต่คาดว่า หลายประเทศจะห้ามการใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม 5G เหมือนกับสหรัฐได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้

หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงดำเนินการกับหัวเว่ย พร้อมกับเครือข่ายอีก 70 บริษัทให้เข้าอยู่ใน Entry List ซึ่งหมายถึงว่าบริษัทเทคโนโลยีผู้ผลิตชิพของสหรัฐที่เป็นซับพลายเออร์ห้ามขายชิพ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับหัวเว่ย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐก่อน 

โดยส่งผลให้อัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิ้ลประกาศยุติการเชื่อมต่อของหัวเว่ยกับระบบ Android ที่กูเกิ้ลเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แอพพลิเคชั่นทั้ง Google Play Store, Gmail และ YouTube จนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ชาวอเมริกัน แต่ในวันถัดมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศผ่อนปรนเป็นระยะเวลา 90 วัน ให้หัวเว่ยดำเนินธุรกิจที่เป็นปกติกับกูเกิ้ลได้จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม เพื่อทำการอัพเดทข้อมูลให้กับสมาร์ทโฟนในสหรัฐ

มาตรการขึ้นบัญชีดำเพื่อจัดการกับหัวเว่ย ได้ถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่า สหรัฐกำลังทำสงครามเทคโนโลยีโดยอ้างระบบ 5G เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐ โดยสื่อในสหรัฐฟันธงว่า เป็นความต้องการที่จะใช้เป็นประเด็นในการต่อรองการค้ากับจีน นอกเหนือจากเป้าหมายที่จะสกัดระบบสื่อสาร 5G ของจีน 

ท่ามกลางข้อกล่าวหาในช่วงก่อนหน้านี้ จากไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่กล่าวเตือนถึงมาตรการที่สหรัฐจะจำกัดการแชร์ข้อมูลข่าวกรองกับประเทศต่างๆ ที่ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย เนื่องจากกังวลต่อทางการจีนอาจใช้ฮาร์ดแวร์เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ 

นอกเหนือจากเรื่องสงครามเทคโนโลยี 5G ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นในขณะนี้ ตามมาด้วยความตึงเครียดของสงครามการค้า ซึ่งล่าสุดบริษัทผู้ผลิตรองเท้ารายใหญ่ของสหรัฐ 173 แห่ง ซึ่งนำโดย ไนกี้ และอาดิดาส ได้ผนึกกำลังเรียกร้องต่อประธานาธิบดีทรัมป์ให้ยุติมาตรการเก็บภาษีนำเข้ารองเท้าที่ผลิตจากจีน

เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างหนักต่อลูกค้า และธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะส่งผลให้เกิดภาระต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นถึงปีละ 7,000 ล้านดอลลาร์ และยังจะส่งผลกระทบต่อภาวะการจ้างงานด้วยเช่นกัน จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติการทำสงครามการค้า

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผลกระทบจากการขึ้นบัญชีดำต่อหัวเว่ย ที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐพยายามจะจำกัดการจ้างเอ็นจืเนียร์ที่มีสัญชาติจีนหลายร้อยตำแหน่งงาน ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตชิพและอุปกรณ์ต่างๆ ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง Qualcon, Intel, Boardcom และ Oracle

อีกทั้งยังรวมถึงบรรดาห้างสรรพสินค้าที่ทำการค้าปลีกในการนำเข้าสินค้าจากจีน ก็เริ่มได้นับผลกระทบตามมา หลังจากราคาหุ้นทั้งของห้าง Kohl Com ดิ่งลงมากกว่า 12.34% และ JC Penny ที่ร่วงลง 6.96% เนื่องจากความกังวลที่มีต่อยอดขายและการจ้างงานในอนาคตอีกด้วย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0