โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

เอ-ดาว-ดัง บุณยะจินดา เปิดใจครั้งแรก...ที่นี่ที่เดียว

Manager Online

เผยแพร่ 23 ก.ค. 2562 เวลา 03.02 น. • MGR Online

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีก็ว่าได้ ที่สามศรีพี่น้องแห่งบ้านบุณยะจินดา นำทีมโดยสาวสังคมสุดเปรี้ยว “เอ-ดวงพร บุณยะจินดา, ดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช” และ “ดัง-พันกร บุณยะจินดา” ทายาทหญิง-ชายของ “พล.ต.อ. พจน์” กับ “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา” ได้มีโอกาสรวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อเปิดบ้านให้ Celeb Online ถามไถ่ถึงเรื่องราวความอบอุ่นของพี่น้องแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ราวกับได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนวันวาน กลับไปเป็นเดอะแก๊งด้วยอีกคน เพราะลำพังแค่เริ่มถ่ายภาพ ก็เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของสามพี่น้อง ที่ทุ่มทุนนัดหมายกันล่วงหน้ามาอย่างดีว่า นัดนี้จะแต่งตัวธีมสบายๆ เสื้อยืดขาว กางเกงยีนส์ขาบานดูย้อนไปตอนวัยใสๆแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องสายแฟชั่นตัวแม่ จะเบาให้เสียชื่อได้อย่างไร งานนี้นอกจากแต่ละคนจะยังคงคอนเซ็ปต์ไม่มีใครยอมผิดโจทย์ จนโดนประณามว่าไม่อ่านไลน์กรุ๊ป แต่ก็ไม่วายใส่กิมมิคลงไปในการแต่งตัวให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ถามว่าจริงจังเบอร์ไหน ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าสาวสวยประจำบ้านอย่าง “ดาว-พอฤทัย” ถึงกับออกปากเลยว่า “เหมือนย้อนวัยหวานกลับมาอีกครั้ง เพราะสมัยก่อนเวลาแต่งตัวไปไหน เราก็จะช่วยกันดู วิ่งเข้าวิ่งออกห้องของดาว ซึ่งเปรียบเสมือนห้องแต่งตัวของสมาชิกในบ้าน เพราะเป็นพวกสมบัติเยอะสุด” ดาวเปิดฉากเรียกน้ำย่อยอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะสนทนาถึงเรื่องราวของสามพี่น้องอย่างออกรส ซึ่งสำหรับสองสาวที่มีช่องว่างแห่งวัยเล็กน้อย อายุห่างกันแค่ 2 ปีดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับน้องชายคนเล็กที่เป็นลูกหลง ห่างกับพี่สาวคนโต 8 ปี และคนกลาง 6 ปีนี่สิ ใครจะคิดว่าวัยก็หาได้เป็นอุปสรรคของความสนิทสนม“เชื่อไหมว่าวันที่รู้ว่าคุณแม่จะคลอด เราสองคน (ดาวและเอ) ดีใจมาก ดีใจเหมือนได้โล่ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคิดอะไร อารมณ์นั้นอาจจะอยากมีน้อง ยังจำได้เลยว่าเราดีใจจนวิ่งอยู่รอบห้องอยู่ครึ่งชั่วโมง (หัวเราะ) นึกย้อนไปก็ขำ ไม่รู้ดีใจอะไรขนาดนั้น ที่สำคัญมาถึงวันนี้ต่อให้ความทรงจำบางอย่างลางเลือน แต่โมเมนต์แห่งความสุขนั้นยังชัดเจน”

ออกตัวเผยถึงความในใจแบบไม่มีกั๊กว่า น้องชายคนนี้ “ดัง-พันกร” คือของขวัญที่พี่สาวทั้งสองรอคอยแบบนี้ ไม่ต้องถามต่อเลยว่า พี่สาวสปอยขนาดไหนหนุ่มดังกล่าวว่า “สมัยเด็กเราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสา แต่ถ้าถามว่าพี่ๆ แกล้งหรือดุดังไหม คำตอบคือ ไม่มีเลย! บางครั้งดังเองต่างหากที่ไปแกล้งเขา (หัวเราะ) แถมยังช่วยเลี้ยงเราอีก ด้วยความที่เราห่างกับเขาเยอะ เป็นลูกหลงที่บ้านก็ตามใจ ทุกวันนี้เราโตขึ้นก็ยังสนิทกัน ไม่ทะเลาะกันแล้ว แต่จะคอยให้กำลังใจกันมากกว่า ดังว่าสิ่งที่เราสามคนเหมือนกันคือ รักในเสียงดนตรี อย่างพี่ดาวนี่ชัดเจน เขาเล่นเปียโนเทพมาก”ดาวกล่าวเสริมว่า “ดนตรีเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด อาจเพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านชอบฟังเพลง แถมคุณพ่อยังเต้นรำเก่ง แต่งเพลงได้ ชอบเขียนบทละคร พวกเราสามพี่น้องเลยเหมือนได้ฝั่งศิลปะจากคุณพ่อมาทั้งหมด ไม่มีใครได้ฝั่งราชการ ตำรวจมาเลย (หัวเราะ) โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ไม่เคยบังคับว่าลูกต้องเรียนอะไร เป็นอะไร แต่ให้เรามีชีวิตของตัวเอง สมัยเด็กวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะเป็นวันครอบครัว คุณพ่อขับรถ คุณแม่นั่งข้างๆ ลูกๆ นั่งข้างหลังก็จะร้องเพลงกัน เพลงที่ร้องก็เป็นเพลงมาร์ชตำรวจนั่นแหละ บางครั้งเราก็ได้ติดตามคุณพ่อไปดูหนัง เพราะท่านเป็นกรรมการตัดสินให้กับหลายที่ ท่านก็จะพาเราไปดูหนัง ถือโอกาสเก็บคะแนนไปในตัว หรือบางครั้งก็ไปเดินดูของเก่ากับคุณแม่ เรียกว่าไม่ว่ามีกิจกรรมอะไร ครอบครัวเราก็ทำด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกันตลอด”

สายใยรักและความผูกพันที่ถักทออย่างเหนียวแน่นมาตั้งแต่เด็กนี้เอง กลายเป็นเบ้าหลอมสำคัญที่ต่อให้สมาชิกในครอบครัว มีหน้าที่การงานและความรับผิดชอบมากขึ้น ก็ยังไม่เคยห่างกัน“เรายังเคยคุยกันสามพี่น้องเลยว่า คุณพ่อคุณแม่ท่านเลี้ยงพวกเรามาอย่างไรนะ ถึงทำให้พวกเรารู้สึกว่าครอบครัวเราอบอุ่นขนาดนี้ คือแต่ก่อนเราไม่ได้คิด เพราะคิดว่าทุกบ้านก็แบบนี้ จนคนอื่นทัก เราถึงได้รู้ อย่างตอนนี้ดาวแยกออกไปมีครอบครัวก็จริง แต่เราก็ยังสนิทสนม ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ก็รักกันแบบที่สุดของชีวิต ถึงรุ่นหลานก็ยังสนิทกับน้าดังและป้าเอ ทุกปีเราจะมีทริปครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน อย่าง ฝั่งดาวจะเรียกว่าบังคับให้สามีหยุดงานก็ได้ เพราะปกติเขาทำงานแล้วไม่ค่อยพักเท่าไหร่ อีกอย่างเรามองว่าการได้พาลูกไปเที่ยว ทำให้เขาแสดงอะไรบางอย่างที่ไม่ทำที่บ้าน เพราะถ้าสิ่งแวดล้อมเดิม เราจะไม่เห็นรายละเอียดบางอย่าง ที่สำคัญคือ การที่ครอบครัวได้มีเวลาอยู่ด้วยกันโดยไม่คิดเรื่องอื่น ก็เหมือนได้เติมพลังให้กัน

ถามว่าถ้ามีทริปครอบครัวเมื่อไหร่ ใครรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทัวร์ ในการวางโปรแกรมการเดินทาง คำถามนี้ได้รับการไขปริศนาโดยพลันว่าเป็น “ดาว-พอฤทัย”“ดาวรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทัวร์เอง ต้องขอบคุณที่ทุกคนเชื่อใจเรา เราก็ชอบ ได้ศึกษาประวัติศาสตร์แต่ละประเทศก่อนล่วงหน้า ส่วนเรื่องการวางแผน เรารู้อยู่แล้วว่าใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า ทริปของเรามีทั้งเด็กและคนชรา เพราะฉะนั้น จุดหมายที่จะไป การเดินทางต้องนั่งรถประมาณไหน ก็สำคัญ แต่ที่ขาดไม่ได้ ต้องพิถีพิถันสุดๆ คือ โรงแรมและอาหารการกิน ส่วนใหญ่ดาวจะจัดการให้เรียบร้อยทำเป็น Agenda เป็นวันๆ เสร็จแล้วส่งเข้าไลน์กรุ๊ปเหมือนโปรแกรมทัวร์ส่วนตัว เราสนุกที่ได้ทำ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระ คิดง่ายๆ เลยว่าเราทำเอง ถูกใจกว่าให้คนอื่นทำ เพราะถ้าทำออกมาไม่โดนใจไปแล้วก็ไม่มีความสุข เสียดายเวลามีค่าที่คนในครอบครัวจะได้ใช้ด้วยกัน”

หนุ่มดังจึงเล่าถึงแฟมิลี่ทริปล่าสุดที่ญี่ปุ่นว่า สนุกและมีความสุขขนาดไหน “แค่ได้นั่งรถด้วยกัน ได้ใช้เวลาด้วยกันก็มีความสุขแล้ว ถือว่าเป็นการบาลานซ์ชีวิตที่ดี หลังจากทำงานเครียดๆ ก็ได้ผ่อนคลาย ส่วนใหญ่ครอบครัวเราเน้นการใช้เวลาร่วมกัน อย่าง ปีใหม่ ต้องอยู่ด้วยกัน หรือวันเกิด เราให้ความสำคัญ ต้องอยู่ด้วยกัน ถามว่ากว่าจะหาคิวลงตัวของแต่ละคนได้ยากไหม คำตอบคือ ไม่เลย แค่บอกกันล่วงหน้า หรือถ้าจัดทริปไปเที่ยว ส่วนใหญ่พี่ดาวจะเป็นแม่งานจัดการ ส่วนตัวดังเองจะเป็นแนวปุ๊บปั๊บทัวร์ อยากไปปารีส ก็จองตั๋วเลย ที่ผ่านมาเลยไม่ค่อยมีเพื่อนว่างไปด้วย (หัวเราะ) หรือนึกอยากไปไหว้พระเชียงใหม่ ถ้ารู้ว่าว่างก็จองตั๋วไปเลย จุดหมายที่ดังเลือกไม่เน้นจำเพาะว่าต้องสไตล์ไหน อากาศอย่างไร ขอแค่มีร้านให้ชอปบ้างก็โอเคแล้ว จะลอนดอน ปารีส โตเกียวก็ได้ เพราะแค่ขึ้นเครื่องบินก็มีความสุขแล้ว ดังชอบบรรยากาศบนเครื่องบิน เหมือนเราได้ทิ้งบางอย่างไว้ที่นี่ อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาได้มาเจออีกสถานที่ ได้แต่งตัวแบบที่เราชอบ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”

นอกจากโมเมนต์สำคัญประจำปี อย่างช่วงเทศกาลที่จะทำให้ครอบครัวได้รวมตัวกัน อาการป่วยของ “เอ-ดวงพร” พี่สาวคนโต ก็ถือเป็นอีกจุดหักเหสำคัญที่ทำให้สามพี่น้องกลับมารวมพลังกันอีกครั้ง“ที่ผ่านมาก็มีช่วงที่สมาชิกในครอบครัวต่างคนต่างยุ่ง เลยห่างหายกันไปบ้าง แต่พอรู้ข่าวว่าพี่เอไม่สบาย ก็เหมือนเป็นจุดที่ดึงทุกคนกลับมารวมใจกันอีกครั้ง เหมือนสมัยเราเด็กๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ให้กำลังใจกัน” ดาวเล่าอย่างออกรส “ตอนแรกที่รู้ว่าพี่เอไม่สบาย เป็นห่วงเขามาก แต่ก็พยายามทำความเข้าใจ และให้กำลังใจเขา อย่างตอนที่เขาต้องตัดผมพี่เอก็บอกว่าโกนเลย ซึ่งปรากฏว่าโกนออกมาแล้วเขาสวยมาก จนวันที่เขาจะเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาผ่าประมาณ 5-6 ชั่วโมงได้ ทุกคนก็ร่วมกันเอาใจช่วย แล้วในที่สุดการผ่าตัดก็สำเร็จ”ขณะที่ ดังเสริมว่า “ตอนที่รู้ข่าว ดังเข้าห้องอัดเสียงอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ตอนรู้ข่าวก็ตกใจ แต่ก็ยังโอเคเพราะอย่างน้อยเขาอยู่ในมือหมอแล้ว แล้วหมอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่เป็นไร ช่วงนั้นเราก็พยายามให้กำลังใจพี่เอ ทำให้เขาสบายใจ จำได้เลยว่าดังบอกพี่เอว่า จะซื้อหมวกกลับไปฝากเขานะ เพราะเขาต้องโกนผมด้วย พอเขาผ่าตัดเรียบร้อยก็ยังเฟซไทม์คุยกัน”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0