แม้ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่การที่สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ไตรมาสแรก ปี 2562 เติบโตเพียงร้อยละ 2.8 สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย
ในความเห็นของนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การที่ จีดีพี เติบโตต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ถือเป็นสิ่งท้าทายสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ให้อยู่ในกรอบที่ สศช. คาดการณ์ไว้ ที่ร้อยละ 3.3 ถึง ร้อยละ 3.8
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงเป้าหมาย จีดีพี ปีนี้เติบโตที่ ร้อยละ 3.7 แม้ว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2562 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่หลายประการ จากประเด็นเรื่องสงครามการค้า และปัจจัยการเมืองในประเทศ
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แม้ไตรมาสแรกปีนี้ จีดีพี จะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 ต่ำสุดในรอบ 4 ปี แต่จะเป็นสถานการณ์ระยะสั้น เพราะเชื่อว่าหลังรัฐบาลออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ จีดีพี ไตรมาส 2 เติบโตดีกว่าไตรมาสแรก และช่วงครึ่งปีหลังจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยเฉพาะ เรื่องการลงทุน อีกทั้ง การลงทุนจากภาคเอกชน น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่ไตรมาสแรกขยายตัวต่ำ มาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมาถึงปัจจุบันจนส่งผลกระทบต่อการส่งออก และสถานการณ์การเมืองในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งภาคเอกชนชะลอการลงทุนรอทิศทางการเมือง ขณะที่ภาครัฐก็ไม่ได้มีมาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นกรณีพิเศษช่วงก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรับมือสงครามการค้า ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ เพื่อหารือถึงการผลักดันการส่งออกของไทย รวมทั้ง จะประเมินสถานการณ์การส่งออกและทบทวนเป้าหมายการส่งออกสำหรับปีนี้ใหม่ จากในปัจจุบันที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ว่า จะเติบโตได้ร้อยละ 8