โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"เวฟ" ขัดใจเมีย เลี้ยงลูกคนละสไตล์ แฉอีกฝ่ายประเคนข้าวของแบรนด์เนมให้ลูกทั้งตัว

Manager Online

อัพเดต 25 พ.ค. 2562 เวลา 10.46 น. • เผยแพร่ 25 พ.ค. 2562 เวลา 10.46 น. • MGR Online

"เวฟ สาริน" เผย "น้องบุญ" ติดมือต้องอุ้มตลอดเวลา ลั่นฝ่ายภรรยาสปอยลูก จับห่มแบรนด์เนม ข้าวของล้นมีแต่คนมารอรับบริจาค บอกอยากให้ลูกติดดิน เผยปู่ย่าหาโรงเรียนให้น้องบุญแล้ว รับไม่อยากขัดใจปู่ย่า ขณะที่ตนอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือกมากกว่า

เป็นคุณพ่อลูกอ่อนอีกคนที่หลงลูกไม่ใช่น้อย สำหรับนักแสดงหนุ่ม "เวฟ สาริน บางยี่ขัน" ที่บอกว่าตอนนี้เวลาว่างไม่ได้มีกิจกรรมกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน เพราะหมดเวลาไปกับการเลี้ยงลูกชายตัวน้อย "น้องบุญ" อย่างเดียว ซึ่งบอกว่าลูกชายค่อนข้างติดมือ ชอบให้อุ้ม ไม่ค่อยยอมให้วาง แต่จะติดภรรยา "บุ้ง สะธี ใบหยก" ซะมากกว่า

"ลูกก็ดีครับ สบายดี ก็ยังงอแงอยู่ครับ แต่ก็ดีขึ้น โตขึ้น แต่ก็เลี้ยงไม่ง่ายนะ ไม่ค่อยนอน งอแง ปล่อยไม่ได้ วางไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ดีอย่างคือเขากินนมแม่ แม่เขามีน้ำนม เราก็ไม่ต้องใช้นมเสริม เรื่องอาบน้ำอาบท่าก็จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล ก็สลับกันครับ เวลาพี่เลี้ยงไม่อยู่เราก็อุ้ม ก็ดูแทน แต่เปลี่ยนแพมเพิร์สได้ครับ ไม่มีปัญหา"

"แต่ส่วนใหญ่แม่เขาจะเป็นคนอุ้มมากกว่า เพราะเวลาผมอุ้มเขาจะร้อง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะผู้ชายกับผู้หญิงสรีระไม่เหมือนกัน เวลาเขาอยู่กับแม่คงจะนุ่มนิ่มกว่า ทำให้เวลาเขาอยู่กับแม่เขาก็จะเงียบ แต่เราอุ้มจนแขนเจ็บ จนข้อเจ็บเขาก็ยังร้องไม่หยุด เพราะเขาตัวเล็กด้วยแหละ เวลาเราอุ้มก็เหมือนเอายางเส้นใหญ่ๆ ไปรัดเขามั้ง แต่ถ้าเอายางเล็กๆ ไปรัดก็คงจะพอดี"

"ก็ยากตรงที่เขาไม่ค่อยนอน ดึกๆ นี่ร้องกระจุยกระจาย คือชีวิตไม่ต้องทำอะไรเลย (หัวเราะ) ร้องไม่เป็นเวลาเลย กินนมอิ่มก็ร้อง ไม่ได้ปวดท้อง ไม่ได้อะไรด้วย เพียงแต่ว่าเขาติดมือ วางไม่ได้เลย วางเป็นร้อง แต่ผมว่าเด็กก็คงเป็นทุกคนนะ เราเองเวลามีลูกเราก็อยากจะอุ้มลูกเนอะ ร้องนิดร้องหน่อยก็อุ้ม มันเลยทำให้เขาติด ทีนี้พี่เลี้ยงที่เป็นพยาบาลเขาก็เลยบอกว่าให้วางเขาเถอะ ถ้าเขาหลับก็ให้วางเพื่อฝึกเขา แต่พอวางไม่ถึง 2 นาทีเขาก็ร้อง คือเขาก็ง่วงนะ แต่ก็ฝืน รู้เลยว่าเขาง่วง ไม่ยอมนอน พอเราวางก็ร้องล่ะ"

บอกตนเลี้ยงลูกคนละสไตล์กับภรรยาเลย ฝั่งภรรยาชอบให้ของแบรนด์เนมกับลูก แต่ตนอยากเลี้ยงให้ติดดินมากกว่า"ใครสปอยลูกมากกว่าเหรอ ผมว่าแม่นะ ตอนนี้ยังไม่รู้หรอกว่าจะสปอยมากแค่ไหน เดี๋ยวพอเขาเริ่มรู้เรื่องนี่แหละจะรู้ว่าใครสปอย (หัวเราะ) แต่ผมน่ะไม่อยู่แล้ว เพราะเราเลี้ยงลูกก็อยากให้ลูกเบสิกมากที่สุด ใช้ของก็ไม่ต้องใช้อะไรที่มันดีๆ มียี่ห้อมากหรอก เพราะเด็ก 3 เดือน 6 เดือนก็เปลี่ยนแล้ว ของก็ต้องเอาไปบริจาค นี่ก็มีคนรอรับเต็มเลย ตอนนี้ของลูกเต็มบ้านไปหมดแล้ว รู้สึกว่าอะไรที่มันยังไม่จำเป็นเราก็ยังไม่อยากซื้อ เพราะบางทีเอามาก็ไม่มีที่ไว้ ไม่มีที่วาง เสื้อผ้านี่ซื้อกันไปยัน 4-6 เดือนไปแล้ว"

"ของใช้ของลูกสำหรับผมไม่จำเป็นต้องแบรนด์เนมเลย แต่แม่เขาน่ะชอบซื้อ ผมก็บอกว่าซื้อในเว็บก็ได้ ของใช้เด็กเยอะแยะ เอาน่ารักๆ พอ ไม่ต้องแบรนด์เนมหรอก เพราะเดี๋ยว 3-4 เดือนเขาใส่ไม่ได้ก็ต้องให้คนอื่นอยู่ดี ซื้อแบรนด์เนมมาตัวละ 4-5 พันแป๊บเดียวใส่ไม่ได้แล้วทำยังไงล่ะ เก็บไว้เหรอ แต่พวกรองเท้าเขาชอบผมก็ปล่อยเขา แต่พวกเสื้อผ้าผมบอกเขาเลยว่าไม่ต้องซื้อแบรนด์เนมหรอก เอาแค่เราชอบสไตล์พอแล้ว ไม่ต้องซื้อแพงเลย เพราะเดี๋ยวพอลูกเราใส่ไม่ได้คนอื่นก็หวานเลยทีนี้ แต่ก็มีบ้างพวกเสื้อโปโล เสื้อเอาไว้ออกข้างนอก แต่จริงๆ ผมว่าเสื้อธรรมดาก็ได้ เพราะเวลาออกไปสุดท้ายก็ห่อตัวอยู่ดี"

"เรื่องโอ๋ลูกก็ก็ฝั่งคุณแม่เขาแหละ อย่างเด็กน่ะเวลาได้ยินเสียงดังอะไรนิดหน่อยเขาก็จะตื่น ทางฝั่งภรรยา ทางฝั่งคุณยายเวลามาเยี่ยมเขาก็จะคุยกันเบาๆ คือผมว่าคุยกันให้เป็นปกติก็ได้มั้ย เด็กจะนอนก็นอนไป เด็กจะตื่นก็ตื่น คือจะดังขนาดไหนถ้ามันจะนอนมันก็นอนได้ อย่างเราพาไปห้างเขาอยู่ในรถเข็นเขาก็หลับได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

"แต่เวลาอยู่บ้านเขาก็จะคุยกันเบาๆ เหมือนกระซิบกันน่ะ ผมว่าบางทีมันเยอะไป เราก็ใช้ชีวิตให้เป็นปกติดีกว่า ก็ไม่ถึงกับต้องปรับอะไรกันเยอะหรอก เราก็บอกเขาว่าให้มันอยู่กับชีวิตปกติเถอะ ไม่ใช่ว่าต้องเงียบสงัดเลยขนาดนั้นถึงจะนอนได้ ก็ทำปกติ จะเปิดทีวีดูก็เปิด แต่เปิดเบาหน่อยเท่านั้นเอง แรกๆ มาผมต้องปิดทีวี ห้ามโน่นนี่นั่น ผมว่ามันเยอะไป"

บอกถ้าใครต้องออกไปทำงาน ก็ต้องมีคนนึงอยู่เลี้ยงลูก ถึงมีพี่เลี้ยงที่เป็นพยาบาล แต่ก็ไม่ไว้ใจเท่าได้ดูแลเอง"ตอนนี้แม่เขาก็ยังทำงานนะ ไม่ได้หยุด เวลามีประชุมก็เรียกลูกน้องมาประชุมกันที่บ้าน ถ้ามีงานที่ต้องออกไปก็ต้องออกไป ผมก็อยู่เลี้ยงลูก คือแต่ก่อนจะไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ต้องมีคนอยู่บ้านคนนึง ยกเว้นที่มันต้องไปด้วยกันก็ไป แต่ถ้าเลี่ยงได้คือถ้าเขาไปเองได้ เราไปเองได้ก็แยกกันไป เพราะต้องมีคนอยู่บ้านคนนึง อย่างวันนี้ผมมาบวงสรวงละคร เขาก็ต้องสแตนบายอยู่ดูลูก แล้วช่วงบ่ายผมก็สลับให้เขาไปทำธุระข้างนอก"

"เรื่องเห่อก็ไม่หรอก แต่ตอนนี้รู้สึกเวลาออกข้างนอกก็อยากจะรีบกลับบ้าน กลับไปแค่ได้เห็นเขาก็พอใจแล้วถึงไม่ได้อุ้มก็ไม่เป็นไร แล้วผมก็ไม่ได้ออกกำลังกายมา 3-4 เดือนแล้ว ตอนเย็นผมก็ขอออกไปเตะบอลบ้าง เขาก็จะอยู่กับพี่เลี้ยง แต่เราก็ปล่อยให้อยู่กับพี่เลี้ยงนานๆ ไม่ได้ เราก็ต้องอยู่ด้วย ถึงพี่เลี้ยงเขาจะเป็นมืออาชีพขนาดไหนก็ตาม เราก็ยังอยากเลี้ยงลูกเองด้วยแหละ"

ไม่ให้ใครจับลูก ห่วงโรคมือเท้าปากระบาด เพื่อนมาที่บ้านก็ต้องมีแอลกอฮอลล์ไว้ให้ล้างมือ เป็นเรื่องปกติ "ผมเองก็ไม่ค่อยให้ใครมาจับลูกนะ เพราะช่วงนี้โรคมือเท้าปากระบาดด้วย แต่ก็มีพาออกข้างนอกบ้าง แต่ไม่ให้ใครจับ เพราะเด็กยังไม่มีภูมิต้านทานพอ ยกเว้น 6-8 เดือนไปแล้วให้มันมีภูมิต้านทานก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็แทบจะไม่พาออกไปข้างนอกเลย ยกเว้นจำเป็นจริงๆ เช่นไปกับครอบครัว ไปที่ส่วนตัวก็โอเคได้ เวลามีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้านผมก็จะมีแอลกอฮอล์ไว้ให้ล้างมือก่อน เขาก็จะรู้กัน ก็ปกติแหละ"

เผยตอนนี้ฝั่งคุณตาเตรียมหาโรงเรียนไว้ให้หลานแล้ว แต่ตนอยากให้เรียนโรงเรียนทางเลือกที่เน้นธรรมชาติมากกว่า“วางอนาคตให้เขายังไงเหรอ ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นเลย เพราะมันก็อีกหลายปีนะ แต่คุณตา คุณยาย คุณปู่ คุณย่าเขาวางไว้ให้หมดแล้ว จะให้เรียนอะไรที่ไหน ล่าสุดคุณตาเขาถามว่าต้องทำยังไง จะให้เข้าสาธิตนั่นนี่โน่น เพราะมีลูกของพี่ชายเขาด้วย 2 คน ตอนนี้ก็กลายเป็น 3 คนที่รุ่นเดียวกัน คุณตาเขาก็บอกว่าต้องเข้าโรงเรียนพร้อมกัน 3 คนเลย ต้องเตรียมต้องทำอะไรบ้าง"

"คุณตาเขาก็เตรียมไว้ให้ ผมก็บอกว่าอีกตั้ง 6 ปี แต่จริงๆ มันก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะ เพราะสมัยนี้โรงเรียนอะไรก็แล้วแต่ต้องไปจอง ต้องไปทำประโยชน์ให้เขา ทุกที่เป็นอย่างนี้หมดแหละ"

"แม่เขาก็คอยดูว่าอันไหนน่าสนใจ แต่สุดท้ายคือต้องดูทิศทางลูกว่าชอบเรียนหรือชอบเล่นมากกว่ากัน ถ้าชอบเรียนเราก็ให้เรียนหนักๆ แต่ถ้าชอบเล่นเราก็ให้เรียนโรงเรียนที่เน้นกิจกรรมไป ก็เท่านั้นเอง ให้ทำยังไงล่ะมันอยากเล่น มันไม่อยากไปโรงเรียน แต่บางทีโรงเรียนอินเตอร์ที่เขาให้เรียนๆ กันเพราะเด็กมันอยากไปโรงเรียนเพราะไปแล้วมันสนุก"

"โรงเรียนไทยเด็กไม่ค่อยอยากไปโรงเรียนเพราะมันเครียด เรียนบ้าเรียนบออะไรกันทั้งวัน จบมาถามว่าพายอาร์กำลัง 2 คุณได้เอาไปใช้อะไรในชีวิตประจำวันเหรอ แกรมม่าภาษาอังกฤษได้ใช้ไหมล่ะ ก็ไม่ได้ใช้ เดี๋ยวนี้มีสมาร์ทโฟนเครื่องนึงมันก็ทำได้หมดทุกอย่างแล้ว นอกนั้นก็เป็นประสบการณ์ชีวิตของคุณแล้วล่ะว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง คุณอยากทำอะไร ไม่ใช่ว่าคุณเรียนอะไรมาบ้าง"

"ผู้ใหญ่เขาก็มองว่าให้ลูกหลานเรียนแน่นๆ ไว้ก่อนแหละ แต่เราดูที่ปัจจุบันดีกว่า เราอาจจะมองต่างจากเขา แต่ก็ในเมื่อผู้ใหญ่ท่านเมตตาอยากจะให้หลานเรียนดีๆ เราก็ตามใจ เพียงแต่ว่าพอถึงระยะเวลานั้นเราต้องดูว่าเด็กไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวเราจะเปลี่ยนไปทางไหน พวกโรงเรียนวิถีทางเลือกผมก็ว่าน่าสนใจนะ ที่ให้ไปทำนา ปลูกข้าว อยู่กับอะไรที่มันไม่มีแอร์ ผมชอบอย่างนั้นนะ"

"เรื่องไปเรียนเมืองนอกนี่ไม่มีทางเลย เดี๋ยวนี้การไปเรียนเมืองนอกมันไม่ได้บ่งบอกว่าคุณกลับมาแล้วคุณจะเก่ง สุดท้ายคุณกลับมามันมีอยู่สองอย่าง ไม่เก่งเลย ก็เกเรเลย ภาษาอาจจะได้ถ้าคุณไปตั้งแต่เด็กๆ แต่ถ้าคุณจบม.6แล้วไปจบปริญญาแล้วไป ภาษาก็เหมือนฝรั่งพูดไทย มันไม่เหมือนฝรั่งพูดฝรั่ง อีกอย่างแม่เขาไม่ให้ไปหรอก เขาห่วง ถ้าไปก็อาจจะต้องไปอยู่ด้วยเลย แต่เราไม่เคยมีแพลนให้ไปอยู่แล้วด้วย ทางครอบครัวพ่อแม่เขายังไม่ให้ลูกเขาไปเลย"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0