เมื่อความรักเริ่มไม่ลงตัวลงรอยกันอีกต่อไป บางครั้งการตัดใจไปจากกันก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าฝืนทนอยู่กันไปแบบไม่เต็มใจ หรือทำร้ายจิตใจกันไปเรื่อยๆ นะคะ ลองกลับมาคิดพิจารณาให้ดีๆ ดู ว่ามีการกระทำใดบ้างที่ส่งสัญญาณไม่ดีถึงความรักของคุณทั้งสองคนบ้างนะ ก่อนที่ความรักนี้จะพังไม่เป็นท่าไปเสียก่อน
#5. มักมีข้ออ้างในการใช้เวลาร่วมกัน
เมื่อก่อนให้ยุ่งแค่ไหนก็มีเวลาร่วมกันได้เสมอ แม้ได้เจอกันเพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็ยังดี เพียงได้เจอหน้ากันก็เหมือนได้ชาร์จพลังชีวิต มีกำลังใจมากมายแล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้มีวันหยุด 1 วัน แต่ทั้งคุณและเขาก็ไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะไปหาไปอยู่ด้วยกันเลย หรือถ้าอยู่ด้วยกันก็ไม่อยากจะมีกิจกรรมที่ออกไปไหนมาไหนด้วยกันอีก รู้สึกหวงแหนเวลาส่วนตัวมากกว่าเดิม ไม่ค่อยอยากเสียเวลาให้กันและกันอีกต่อไปแล้ว
#4. มักหงุดหงิดใส่แบบไร้เหตุผล
ต่างฝ่ายต่างก็ทำตัวแบบเดิมนะ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่า เขาช่างน่ารำคาญเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นมุกตลก มุกเสี่ยวที่เขาเขาเคยบอกเคยหยอกกันเล่นก็รู้สึกไม่ขำไม่อิน งี่เง่า น่าเบื่อ น่ารำคาญมากๆ ไม่ชอบเอาเสียเลย รวมถึงแม้แต่แค่พูดคุยตามปกติแท้ๆ แต่ก็อาจจะเหวี่ยงใส่กันแบบไม่มีเหตุผลได้เช่นเดียวกัน เรื่องเล็กก็สามารถทะเลาะกันใหญ่โตได้ นับเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้วจริงๆ
#3. เบื่อหน่ายที่จะรับฟังเหตุผลของกัน
การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติของชีวิตคู่หรือแฟนกันนะคะ มีบ้างที่ความคิดความเห็นจะไม่ลงรอยกันจนนำพามาสู่การทะเลาะเบาะแว้งหรือว่ามีปากเสียงกัน แต่กลับกันถ้ารู้สึกเหนื่อยใจไม่อยากต่อล้อต่อเถียง อธิบายเหตุผลให้กันและกันฟัง ก็เป็นสัญญาณการก่อกำแพงปิดกั้นใจไม่อยากรับรู้รับฟังและเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายอีกต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าแย่กว่าการพูดการบอกอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้ซะอีกนะ ทะเลาะกันยังพอได้รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธไม่พอใจอะไร แต่การไม่พูดไม่บอกอะไรต่อกันเลยเท่ากับไม่มีโอกาสได้รู้เลยนะ ว่าอีกฝ่ายคิดและรู้สึกอย่างไร ซึ่งเป็นการกระทำของคนรักที่ไม่ควรมีเลยจริงๆ
#2. เริ่มไม่ให้เกียรติกัน
ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาเหน็บแนม ใช้คำรุนแรงหยาบคาย การนินทาลับหลัง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมในเชิงลบที่เราควรกลับมาคิดดีๆ กันสักหน่อยแล้วล่ะว่า พฤติกรรมแบบนี้คือพฤติกรรมที่สมควรกระทำกับคนรักของตัวเองแล้วหรือ เขาทำกับคุณแล้วคุณรู้สึกอย่างไร หรือว่าตอนคุณทำเคยคิดถึงความรู้สึกและจิตใจของเขาบ้างหรือไม่ คุณเองก็คงไม่ชอบที่ถูกกระทำแบบนี้ เพราะเช่นนั้นก็ไม่ควรจะเป็นฝ่ายเริ่มกระทำด้วยใช่หรือเปล่า ถ้าทำเรื่องที่ไม่ดีใส่กันมากๆ แล้ว ควรกลับมาพิจารณาความสัมพันธ์กันแล้วล่ะ เพราะถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ แบบนี้เชื่อว่าจะต้องจบลงด้วยไม่ดีอย่างแน่นอนเลย เป็นคนรักแต่อยู่เหมือนเป็นศัตรูกันจะไปมีความสุขได้อย่างไร
#1. เริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ
ต่อให้แม้นั่งอยู่ข้างๆ กัน แต่ก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกัน ไม่ใกล้ชิดสนิทใจกันเฉกเช่นเดิมได้อีก มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกของการทำตัวเหินห่างกันแต่เป็นความรู้สึกทางใจที่ห่างเหินกันไปด้วย ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็น comfort zone ของกันและกันต่อไป ความอบอุ่น เป็นพึ่งพิงให้กันก็ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีกแล้วด้วย แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกทางใจที่คุณสัมผัสได้ว่า เขาไม่เหมือนกับคนรักอีกต่อไปแล้วนั่นเอง
บางครั้งการเลิกลากันก่อนที่จะมีความรู้สึกว่าเกลียดชังกัน ก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าจบกันไปพร้อมกับความรู้สึกที่พังทลายเหมือนไม่เคยเป็นคนรักกันมาก่อนเสียอีกนะคะ ให้จบแบบจดจำแต่ด้านที่ดีมีความทรงจำที่ดีทุกครั้งที่คิดถึงกัน อาจจะเป็นการจากลาที่สวยงามแล้วก็ได้ค่ะ
