โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดใจสาวไทย อาชีพแปลก ผู้พบ “โคโรน่าพันธุ์ใหม่” คนแรก เผยเบื้องหลัง สุดทุ่มเท

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 26 ม.ค. 2563 เวลา 10.25 น. • เผยแพร่ 26 ม.ค. 2563 เวลา 10.24 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

เบื้องหลังการทำงานของผู้คนในแวดวงกระทรวงสาธารณสุขไทย ณ วินาทีนี้ คงต้องยอบรับแต่โดยดีว่า พวกเขาทำงานกันอย่างหนักหน่วง อดหลับอดนอน ไม่มีวันหยุด เพื่อความผาสุก และปกป้องไว้ซึ่งสุขภาพกายอันดีของคนไทย และมิต่างจากผู้ปิดทองหลังพระ

ล่าสุด ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี นักเทคนิคการแพทย์ รองหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย และเป็นผู้ค้นพบ “เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” ก่อนที่จะมีการประกาศจากทางการจีน

โดย ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี ในฐานะทีมผู้ตรวจพบและยืนยันเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในขณะนี้ เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ถึงเบื้องหลังการค้นพบครั้งนี้ว่า “จากการที่เราพยายามตรวจสอบภายในห้องปฏิบัติการ จึงทำให้เราสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากจีน และเมื่อเราสามารถตรวจพบได้แล้ว เราได้เฝ้ารอให้ทางการจีนประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันอีกครั้งว่า เชื้อที่พบเป็นเชื้อตัวเดียวกันหรือไม่ ซึ่งผลออกมาพบว่า ผลลัพธ์ที่เราพบก่อนหน้านี้ ตรงกันกับที่ทางการจีนประกาศ 100%”

ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ กล่าวไล่เรียงตามไทม์ไลน์เวลาที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้

  • 31 ธ.ค.62 มีการรายงานเป็นครั้งแรกว่า พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบโดยไม่รู้สาเหตุในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

  • 3 ม.ค.63 ประเทศไทย เริ่มดำเนินการคัดกรองผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น

  • 8 ม.ค.63 กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยรายหนึ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิผู้ป่วยรายนี้เดินทางมาจากอู่ฮั่น มีไข้สูงมากกว่า 38 องศาฯ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีความเสี่ยงว่า จะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

  • ในวันเดียวกันนั้น นายแพทย์ชำนาญการของกรมควบคุมโรค ได้ส่งผู้ป่วยรายนี้ไปสถาบันบําราศนราดูร และได้ส่งตัวอย่างเสมหะ น้ำลายบริเวณคอ น้ำมูกในจมูกของผู้ป่วย มาที่ศูนย์ของเรา(ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่) และทีมของเราก็ได้พบว่า นี่คือไวรัสตัวใหม่ที่ไม่เคยเจอในประเทศไทย และเมื่อนำเชื้อไปถอดรหัสพันธุกรรม จึงได้พบว่า 1. ไม่ใช่ไวรัสที่เจอในคน 2. เป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่เจอในค้างคาว และเราสรุปได้ว่า “เป็นเชื้อโคโรน่า แต่ไม่ทราบว่าสายพันธุ์อะไร”

ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี
ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี
  • ขณะที่ ในวันเดียวกันนี้ ทางการจีนยังไม่ได้ออกมาประกาศว่า พบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ แต่ได้ประกาศว่า มีการแพร่ระบาดของ “โรคปอดอักเสบลึกลับ”
  • 9 ม.ค.63 ทางทีมได้นำเชื้อดังกล่าวไปถอดรหัสพันธุกรรม จนพบว่า สารพันธุกรรมนี้เป็นเชื้อไวรัสอยู่ในค้างคาว โดย ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า “ตอนแรกเราก็ยังงงๆ กันอยู่ว่า ทำไมเชื้อไวรัสในผู้ป่วยถึงหน้าตาเหมือนเชื้อไวรัสในค้างค้าว และเมื่อเราพบแล้ว แต่เราก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะทางการจีนยังไม่ได้ประกาศแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับโรคนี้ออกมา”
  • 11 ม.ค.63 “ทางการจีนประกาศว่า พบเชื้อไวรัสโคโรน่าในผู้ป่วยที่ป่วยด้วย “โรคปอดอักเสบลึกลับ” พร้อมระบุถึงลักษณะ และรายละเอียดของเชื้อดังกล่าว จากนั้น ทีมของเราก็รีบนำรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยที่เราทำการตรวจสอบไว้แล้วไปเปรียบเทียบ จนพบว่า เหมือนกัน 100% ทางทีมจึงรีบรายงานผลให้ผู้ใหญ่ทราบทันที” ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ กล่าว
    *หมายเหตุ : ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ระบุว่า ในกรณีนี้คาดว่า ทางการจีนสามารถตรวจพบเชื้อได้เป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว แต่เหตุที่ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่ การแพร่ระบาดของโรคเป็นวงกว้าง และต้องมีการตรวจทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน
  • “เวลาที่เราพบเชื้อใหม่ๆ จะต้องมี 2 ห้องปฏิบัติการ คอนเฟิร์มผลซึ่งกันและกัน นั่นก็คือห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบว่าข้อมูลตรงกัน เป็นเชื้อตัวเดียวกัน ทางการไทยก็จะประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ ประเทศไทยเป็นประเทศแรก (ไม่นับประเทศจีน) ที่ประกาศว่า พบคนไข้ก่อน” ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ กล่าว

  • 13 ม.ค.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวว่า ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นรายแรกของประเทศไทย และเป็นรายแรกที่ตรวจพบนอกประเทศจีน 

  • เมื่อถาม ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ว่า หากมีคนไทย หรือชาวบ้านนำค้างคาวมาทำเป็นอาหาร จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือไม่?
    ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ให้คำตอบว่า “เราทำวิจัยเรื่องค้างคาวมาเกือบ 20 ปีแล้ว คงจะบอกได้ว่า หากคนไทยกินค้างค้าว และดันไปเจอค้างคาวที่มีเชื้อที่สามารถติดต่อไปสู่คนได้ คนไทยก็มีโอกาสติดเชื้อใหม่ๆ ได้”
  • เมื่อถาม ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ว่า ล่าสุดมียารักษา หรือยาป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่แล้วหรือยัง?
    ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ให้คำตอบว่า “ยังค่ะ แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ไม่มีโรคแทรกซ้อน แม้จะยังไม่มียารักษา ร่างกายก็จะสามารถฟื้นตัวได้เอง และหายจากโรคนี้ได้ในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยสูงอายุชาวจีน 2 คน วัย 74 ปี และ 61 ปีที่พบในไทย เราก็สามารถรักษาให้หาย และส่งกลับประเทศได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการรักษาก็ใช้วิธีเดียวกันกับการรักษาไข้หวัดใหญ่”

“เราเป็นนักเทคนิคการแพทย์ และทำงานวิจัยเกี่ยวกับค้างคาว และโรคอุบัติใหม่ แต่อาชีพเราก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้จัก แม้จะเป็นอาชีพที่มีมานานแล้ว แต่เมื่อถึงเวลา อาชีพของเราก็สามารถนำองค์ความรู้ต่างๆ ที่ผ่านมามาไขคำตอบในโจทย์ต่างๆ ได้ โดยทำให้เราค้นพบโรคได้ก่อน และให้ข้อมูลแก่ประชาชนได้อย่างทันท่วงที” ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ทิ้งท้าย.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0