โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดโผ “7 ภูเขาวิวสวย” จะสายชิลล์ สายลุย วันเดียวก็เที่ยวได้!

TheHippoThai.com

อัพเดต 22 ก.ย 2561 เวลา 09.06 น. • เผยแพร่ 22 ก.ย 2561 เวลา 05.00 น.

เปิดโผ “7 ภูเขาวิวสวย” จะสายชิลล์ สายลุยวันเดียวก็เที่ยวได้!

เรื่อง/รูป : POGGHI

ภูกระดึง ภูสอยดาว เขาช้างเผือก ฯลฯ และอีกสารพัดภูเขาสวยๆในเมืองไทย เป็นจุดหมายปลายทางของนัก Trekking ผู้หลงรักธรรมชาติที่ต้องเดินทางไปให้ได้สักครั้ง แต่เชื่อว่า มีนักท่องเที่ยวอีกจำนวนไม่น้อยที่ชอบธรรมชาติ ชอบป่าไม้ใบหญ้า ชอบทิวทัศน์สวยๆ แต่ทว่าแข้งขาและความฟิตยังไม่เป็นใจ หรือบางคนก็อาจมีเวลาน้อยนิด เพราะถ้าไปทริปเดินเข้าป่า พิชิตภู อะไรแนวนั้น อย่างน้อยที่สุดควรมีเวลา 2-3 วัน

ดังนั้น ทางออกที่จะช่วยได้ไม่มากก็น้อย คือ ลองหาจุดหมายสไตล์พิชิตภูเขา ที่คุณสามารถไปเที่ยวได้แบบวันเดย์ทริป ! … ใช่แล้วไม่ผิดหรอก มีภูเขามากมายในเมืองไทย ที่ใช้เวลาเดินขึ้น เดินลง รวมทั้งเดินเที่ยวชมความงาม โดยใช้เวลาไม่เกิน 3-4 ชั่วโมง เท่านั้น ซึ่งถ้าลองนับจริงๆคงมีให้นับกันไม่หวาดไม่ไหว ดังนั้น ผมขอหยิบยก 7 จุดหมายปลายทาง ที่มีประสบการณ์ตรงในการ “เดิน” ขึ้นไปสำรวจแบบเดย์ทริปมาแล้ว เผื่อจะเป็นแนวทางให้วันหยุดน้อยนิดของใครๆก็แวบไปเดินขึ้นเขาได้

1.เขาล้อมหมวก .เมือง .ประจวบคีรีขันธ์
ภูเขาริมทะเลฝั่งอ่าวไทยของเมืองประจวบฯ ที่มีรางวัลเป็นทัศนียภาพของเวิ้งอ่าวสุดลูกหูลูกตา 360 องศา ทั้งอ่าวมะนาว และอ่าวประจวบ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร สูงมากพอที่จะทำให้ผู้พิชิตรู้สึกตื่นตาตื่นใจและหวาดเสียวหน่อยๆ

เมื่อก่อนใครใคร่ปีน ก็ปีนได้ตามสะดวก แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางกองบิน 5 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่ ได้บริหารจัดการใหม่เพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาล้อมหมวกได้เฉพาะช่วงวันหยุดยาว (วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ต่อเนื่องกับเสาร์อาทิตย์) เปิดลงทะเบียนที่เชิงเขาตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 10.30 น.

สำหรับปีนี้ ช่วงวันหยุดยาวที่เหลืออยู่ ได้แก่ 

วันคล้ายวันสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 9 วันที่ 13-15 ตุลาคม (เสาร์ - จันทร์)
วันรัฐธรรมนูญ วันที่ 8-10 ธันวาคม (เสาร์-จันทร์)
วันสิ้นปีและวันปีใหม่ วันที่ 29 ธันวาคม 2561 - 1 มกราคม 2562 (เสาร์-อังคาร)

เส้นทางพิชิตยอดเขาล้อมหมวก ถือว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่ เพราะหลังจากเดินขึ้นบันได 496 ขั้นแล้ว ต้องผ่านเส้นทางหินปูนที่มีความแหลมคม ปีนป่ายบางจุดที่มีความชันต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงจุดหมาย ดังนั้น เสื้อผ้ารองเท้าต้องเลือกให้เหมาะ (ไม่อนุญาตให้ใช้รองเท้าแตะ) โดยเมื่อไปถึงจุดสูงสุดบนยอดเขาแล้ว รับรองว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

ความงาม : 5 ดาว
ความเหนื่อย : 4 ดาว

ความรู้ : บริเวณเชิงเขาเป็นแหล่งอาศัยของค่างแว่นถิ่นใต้ สัตว์หายากที่น่ารักและเชื่องมาก แวะเอาอาหารไปให้ได้

2.เขาหน่อ .บรรพตพิสัย  .นครสวรรค์

ใครโดยสารผ่านเส้นทางถนนพหลโยธินจากนครสวรรค์ไปกำแพงเพชร ต้องเห็นกลุ่มเขาหินปูนสูงตระหง่านอยู่ริมทาง แม้ความสูงไม่ถึงกับใหญ่โตอลังการ แต่รูปทรงของภูเขาที่แปลกตาก็สร้างความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ เดินขึ้นไปบนยอดเขาได้ด้วย

ถ้าไปครั้งแรกอาจจะงงๆเล็กน้อย เพราะมีทั้งเขานางพันธุรัต ที่พอจะเดินได้แบบชิลๆ มีเขาแก้วที่เป็นแหล่งอาศัยของค้างคาวนับแสน แต่ไฮไลท์ที่เราจะไปพิชิตยอด คือ เขาหน่อ หรือเขาพระพุทธบาท

เส้นทางเดินขึ้นเขาหน่อ ไม่ยากนัก เพราะมีบันไดคอนกรีตขึ้นตรงดิ่งไปจนเกือบสุด แต่ความยากนิดหน่อย คือ ช่วงท้ายๆต้องปีนบันไดลิง ซึ่งค่อนข้างชันและเป็นแนวดิ่งเกือบ 90 องศา ใครกลัวความสูง หรือ สภาพร่างกายไม่พร้อม ต้องระวังสักหน่อย

ด้านบนเขาหน่อ เป็นพื้นที่เล็กๆ มีรอยพระพุทธบาทจำลอง เจดีย์เก่าแก่ ระฆังตามความเชื่อ และธงชาติไทย !?? (คงมีใครจัดไว้ให้ผู้พิชิต สำหรับเอาไว้ถ่ายรูปเท่ๆ ฮ่าๆ) ส่วนทิวทัศน์นั้น ก็คุ้มค่า เพราะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเรือกสวนไร่นาเขียวขจีไปทั้ง 360 องศา เห็นหมู่บ้าน วัด โรงเรียน ถนนหนทางกลายเป็นขนาดย่อส่วนดูแล้วก็เพลินตาดี
ความงาม : 4 ดาว
ความเหนื่อย : 3 ดาว
ความรู้ : บริเวณตีนเขามีลิงเยอะมาก ใครขับรถไปให้ไปจอดที่ลานจอดเฉพาะของวัดเท่านั้น ไม่อย่างนั้น รถอาจกลายเป็นของเล่นให้ลิง

3.ภูบ่อบิด  .เมือง  .เลย
ห่างจากตัวเมืองเลย ไปประมาณ 3 กิโลเมตร มีภูเขาขนาดย่อม นั่นคือ ที่ตั้งของวนอุทยานภูบ่อบิด หรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้นๆว่า ภูบ่อบิด ภูเขาลูกนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนสำหรับผู้มาเยือน นอกจากอาศัยกำลังขา เดิน เดิน และเดิน ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่สะดวกมาก รับรองไม่มีหลง เพราะมีบันไดคอนกรีต บันไดเหล็ก และเส้นทางดิน สลับกันไป ตรงแน่วไปทางเดียว ซึ่งหน่วยงานในท้องถิ่นทำไว้เป็นอย่างดี สำหรับการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขาโดยเฉพาะ จึงเหมาะสำหรับมือใหม่เดินขึ้นเขาเป็นที่สุด

จุดเด่นของภูบ่อบิด อยู่ที่สามารถชมความสวยงามได้ทั้งเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก ซึ่งใครไปเช้า ช่วงฤดูหนาวอาจได้ชมทะเลหมอก ท่ามกลางแสงอาทิตย์นวลๆ ส่วนใครไปช่วงเย็น ก็รอแสงอาทิตย์ลับฟ้าโดยมีสีสันจากตัวเมืองระยิบระยับเป็นเครื่องเคียง 

ความงาม : 3 ดาว
ความเหนื่อย : 2 ดาว
ความรู้ : ถ้าไปช่วงฤดูหนาว แนะนำให้เดินขึ้นช่วงเช้า เพราะอาจมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกด้วย

4.เขาตังกวน .เมือง  .สงขลา
ภูเขาลูกนี้ มีความสูงเพียงประมาณร้อยเมตรเท่านั้น ถือว่าเล็กถ้าเทียบกับภูเขาเดย์ทริปแห่งอื่น แต่ความเล็กของภูเขาก็มีความครบเครื่องอยู่ในตัว เพราะเป็นภูเขาที่มีภูมิศาสตร์ที่ดี อยู่ริมทะเลเมืองสงขลา มองเห็นทิวทัศน์ได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาฝั่งตรงข้าม ทะเล ท่าเรือ เมืองใหม่เมืองเก่า สนามกีฬา แถมยังเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญอีกด้วย

ความจริงแล้ว ในวันนี้แทบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาตังกวน สาเหตุนั้น ไม่ใช่เพราะว่าไม่คุ้ม หรือไม่สวย แต่เพราะหน่วยงานท้องถิ่นสร้างลิฟต์อำนวยความสะดวกที่ใช้เวลาราว 5 นาที ก็ถึงยอดเขาแบบไม่ต้องเหนื่อย

แต่หากใครอยากพิชิตยอดเขาด้วยสองเท้า เพื่อรำลึกถึงวันวานที่ต้องเดินขึ้นเท่านั้น ถามไถ่ชาวสงขลาไปหาบันไดทางขึ้น ด้านวัดแหลมทราย ที่นั่นมีบันไดหิน 145 ขั้น ทอดยาวขึ้นไปสู่ยอดเขา

ข้อดีของการขึ้นบันได นอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว จะต้องผ่านศาลาพระวิหารแดง พลับพลาสไตล์ยุโรปที่สร้างตามแนวพระราชดำริ ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 4 ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จใน สมัยรัชกาลที่ 5 (หลายคนที่ขึ้นลิฟต์ อาจพลาดโอกาสชมโบราณสถานจุดนี้)

ส่วนลานด้านบนเขาตังกวนนั้น ยังมีทั้งเจดีย์พระธาตุ ซึ่ง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานไว้ รวมถึงมีประภาคาร สมัย ร.5

ความงาม : 3 ดาว
ความเหนื่อย : 1 ดาว
ความรู้ : เขาตังกวนมีลิงค่อนข้างเยอะ แต่ระดับการมาสร้างความวุ่นวายกับนักท่องเที่ยวแล้ว ถือว่ายังไม่น่าห่วง ทางใครทางมันไม่ล้ำเส้น

5.ภูทอก  .ศรีวิไล  .บึงกาฬ
ภูทอก หมายถึง ภูเขาที่โดดเดี่ยว แต่ไปเที่ยวภูทอก ที่จังหวัดบึงกาฬนั้นไม่เปลี่ยวเหงา เพราะที่นี่เป็นภูเขาหินทราย (หินจะออกไปโทนสีส้มๆ น้ำตาลๆ) ซึ่งอยู่ภายในอาณาบริเวณของวัดเจติยาศรีวิหาร หรือ วัดภูทอก ทำให้ภูเขาลูกนี้ เป็นความสวยงามที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับรูปแบบสำนักสงฆ์ที่ใช้วิปัสสนา

การเดินขึ้นไปชมความสวยงามของภูเขาลูกนี้ ไม่ยากนัก เพราะเป็นบันไดไม้ที่ชาวบ้านและคณะสงฆ์ สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธา คล้ายรูปแบบบันไดวนเป็นชั้นๆ รวม 7 ชั้น โดยระหว่างทางก็มีทิวทัศน์ของสวนยางพารา ผืนป่า และหมู่บ้าน เขียวขจีไปสุดลูกหูลูกตา

การเดินขึ้นภูทอก ไม่เชิงเป็นรูปแบบการเดินพิชิตภูเขา เพราะเป็นการเดินขึ้นเขาชมความสวยงามของทิวทัศน์ ผสมไปกับการทำใจให้สงบตามแนวพุทธศาสนา บางชั้นมีพระพุทธรูป กุฏิพระ สถานที่ทำสมาธิ ดังนั้น ใครไปภูทอก ก็ต้องตระหนักว่าอยู่ในพื้นที่วัดวาอาราม อย่าไปส่งเสียงดังรบกวน

จุดสูงสุดของภูทอก หรือชั้น 7 นั้น ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปก็ได้ เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ป่า และอาจยังเป็นที่อาศัยของสัตว์ที่ไม่น่าพิศมัยอย่างงู เอาแค่เดินวนไปตามบันไดและทางเดินไม้ ก็เพียงพอที่จะเก็บความงดงามของภูเขาลูกนี้แล้ว

ความงาม : 2 ดาว
ความเหนื่อย : 1 ดาว
ความรู้ : แม้ว่าบันไดทางขึ้นเป็นบันไดไม้ที่เดินขึ้นง่าย แต่หากวันไหนฝนตก ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ควรหารองเท้าที่ยึดเกาะได้ประมาณหนึ่ง

6.ภูเขาหินปะการัง  .ลอง  .แพร่
ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง เขตอำเภอลอง จังหวัดแพร่ มีเขาหินอยู่ลูกหนึ่งที่มีเอกลักษณ์พิเศษ คือ รูปแบบคล้ายปะการัง มีความแหลมคมแบบหินปูนซึ่งธรรมชาติรังสรรค์ไว้ก่อนการกำเนิดของมนุษย์เสียอีก

เส้นทางเดินขึ้นไปชมไฮไลท์อย่างภูเขาหินปะการังนั้นไม่ยาก ก่อนเดินขึ้นก็บอกกล่าวเจ้าหน้าที่สักหน่อย (แต่ไม่หลงหรอก เพราะเป็นเส้นทางบังคับอยู่แล้ว) ผ่านทางเดินธรรมชาติ ลัดเลาะไปตามป่าที่แผ้วถางไว้ สลับไปกับบันไดเหล็ก ไม่ถึงชั่วโมงก็จะเจอกับแนวหินปูนบนยอดเขาที่รูปร่างแหลมๆคมๆเหมือนปะการังในโลกใต้สมุทร

ตรงจุดนั้น มีจุดชมวิวสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นผืนป่า ภูเขาเขียวขจีในเขตอุทยาน ส่วนอีกด้านจะมองเห็นถนนด้านล่าง กับแนวเขาฝั่งตรงข้ามอยู่ไกลลิบๆ 

ยอดเขาแห่งนี้ ไม่มีอะไรหวือหวามากนัก เดินเล่นไปตามแนวหินคมๆซักครึ่งชั่วโมง พักให้หายเหนื่อย ก็ค่อยเดินลง ถือว่าได้มาพิชิตยอดเขาปะการังแล้ว แต่สามารถต่อยอดไปท่องเที่ยวยังจุดอื่นๆภายในพื้นที่อุทยานฯได้

ความงาม : 2 ดาว
ความเหนื่อย : 1 ดาว
ความรู้ : หินปะการังด้านบน มีความคมพอสมควร ไม่แนะนำให้เดินขึ้นด้วยรองเท้าแตะ

7.วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง  .แจ้ห่ม  .ลำปาง
วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง มีชื่อทางการว่า วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ซึ่งถ้าเดินทางไปถึงตีนเขาแล้วมองขึ้นไปบนยอด ที่มีเจดีย์สีขาวบริสุทธิ์สร้างไว้ลดหลั่นตามโตรกผาอย่างน่ามหัศจรรย์ เราคงคิดว่า ไม่มีทางเดินเท้าขึ้นไปได้แบบวันเดย์ทริปแน่ๆ แต่อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะจริงๆแล้ว มีรถสองแถวให้บริการขึ้นไปสู่จุดเดินเท้าด้านบน ซึ่งใช้เวลาเดินไปถึงยอดเขาจริงๆก็ไม่เกิน 30-45 นาที

แต่เดิมสมัยก่อนมีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่บนยอดเขา จากนั้นการเดินทางมาสักการะของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา ท่านจึงได้ดำริให้สร้างวัดขึ้น ซึ่งในปี 2547 นั้นตรงกับวโรกาสที่ รัชกาลที่ 4 พระราชสมภพครบ 200 ปีพอดี จึงเป็นที่มาของชื่อวัดบนยอดเขาแห่งนี้

การเดินขึ้นยอดเขาไม่ยากเลย เพราะมีบันไดเหล็กเป็นเส้นทางบังคับ ไม่ต้องกลัวหลง และมีจุดแวะพักเป็นระยะ เมื่อขึ้นไปถึงจุดหมาย ก็จะได้เห็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรมกว้างใหญ่ในอำเภอแจ้ห่ม ทิวเขาหินปูนที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆสวยงาม รวมทั้งเจดีย์องค์สีขาวที่มาจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน สร้างไว้สวยงามจนภูเขาแห่งนี้เคยติดอยู่ในสถานที่อันซีนไทยแลนด์ที่ ททท. โปรโมทมาแล้ว

ความงาม : 4 ดาว
ความเหนื่อย : 2 ดาว
ความรู้ : ลำปาง ขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวในช่วงปลายปี แนะนำให้ขึ้นไปเช้าๆเผื่อชมทะเลหมอก และอากาศที่ไม่อบอ้าว จะช่วยผ่อนแรงได้เยอะ ตรงกันข้ามหากไปช่วงฤดูร้อน พกน้ำขวดติดตัวไปด้วยเลย ร้อนมว๊ากก

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0