จากกรณีเกิดเหตุสลดของนายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเฮียตี๋ อายุ 40 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัวจนเสียชีวิต รวมกันถึง 5 ศพ ประกอบด้วย นางสุนิสา แป้นวงศ์ อายุ 60 ปี มารดาเฮียตี๋ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ อายุ 45 ปี พี่สาวเฮียตี๋ นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ อายุ 41 ปี ภรรยา และด.ช.รชฏแป้นวงศ์ อายุ 13 บุตรชาย พร้อมสุนัขอีก 6 ตัว ภายในห้องพบยานอนหลับชนิดกล่อมประสาทวางอยู่ในห้อง
วันที่ 22 ก.พ.63 นายคณิศร อมรรุ่งรัศมี ผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงทุนกับเฮียตี๋เพื่อการได้รับเงินปันผลกำไร จากการใช้เงินของตัวเองลงทุน เมื่อเฮียตี๋ขายรถยนต์ในเต็นท์ได้ก็จะให้เงินปันผลกำไรกับตน โดยตนได้ลงทุนเป็นเงินค่าปิดรถยนต์ 1,100,000 บาท กับเฮียตี๋
ระหว่างที่ทำธุรกิจร่วมกันประมาณ 7-8 เดือน นายคณิศรได้ลงทุนเพิ่มกับเฮียตี๋เป็นรอบเดือน อีกเดือนละ 100,000 บาท และได้ค่าปันผลกำไร จากการที่เฮียตี๋ขายรถได้ เดือนละประมาณ 5,000 บาท และนอกจากนี้ยังร่วมซื้อหุ้น ตรอ. 10 หุ้น 4 แสนบาท และยังไม่ได้รับเงินปัญผลกำไร เนื่องจากเฮียตี๋มาเสียชีวิตเสียก่อน และธุรกิจ ตรอ. ของเฮียตี๋พึ่งเปิดได้ 1 เดือน รวมยอดหนี้ ที่เฮียตี๋เป็นหนี้ตนเองรวม 1,500,000 บาท
ขณะที่ นายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติของเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ตนนั้นได้นำเงินมาลงทุนร่วมกับเฮียตี๋ และให้ยืมเงินมาโดยตลอด ซึ่งจำนวนเงินทั้งหมด 8,000,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาเฮียตี๋ใช้หนี้มาโดยตลอดทุกเดือนโดยการปันผลให้ แต่มาเริ่มประสบปัญทางการเงินตั้งแต่ต้นปี จากนั้นเฮียตี๋ก็ขอผัดผ่อนใช้หนี้เรื่อยมา กระทั่งเกิดเรื่องสลดขึ้น
ส่วน นายวชิรวิทย์ พวงมาลัย ผู้ร่วมลงทุนอีกหนึ่งราย เปิดเผยว่า ร่วมลงทุนธุรกิจกับเฮียตี๋ เพื่อหวังเงินปันผลจากการขายรถยนต์ในเต็นท์ โดยให้เงินต้นกำเฮียตี๋ เป็นเงินจำนวน 1,200,000 บาท จากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจด้วยกันมา 7 เดือนและเฮียตี๋ก็ได้คืนเงินมาแล้ว 260,000 บาท และยังคงค้างหนี้เงินต้นที่ตกลงกันว่าจะได้รับเงินกับเฮียตี๋ 3 งวด
โดยงวดที่ 1 นัดรับเงินจากเฮียตี๋ วันที่ 20 พ. ย. 2562 เวลา 16.18 น. เป็นเงิน 290,000 บาท แต่เฮียตี๋ยังไม่ได้จ่าย งวดที่ 2 นัดรับเงินจากเฮียตี๋ วันที่ 22 พ. ย. เวลา11.06 น. เป็นเงิน 280,000 บาท แต่เฮียตี๋ก็ยังไม่ได้คืนเงินให้กับตนอีกเช่นกัน และงวดที่ 3 นับรับเงินจากเฮียตี๋ 23 พ.ย.เป็นเงินจำนวน 370,000 บาท แต่เฮียตี๋ก็ไม่ได้คืนเงินให้
ซึ่งเงินทั้งสามงวดที่เฮียตี๋ยังตงค้างยอดอยู่นั้น เป็นเงินรวม 940,000 บาท และยังมีเงินที่เฮียตี๋บอกตนว่าเดือดร้อน และมายืมเงินจากภรรยาของตนเองอีกจำนวน 180,000 บาท อีกด้วย โดยทั้งหมดนี้ รวมเงินที่เฮียตี๋ติดค้างตนเอง รวม 1,120,000 บาท
นอกจากนี้ นางกิ่ง (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนอีกรายกับเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ร่วมลงทุนกับเฮียตี๋ ทำธุรกิจเกี่ยวกับเต็นท์รถยนต์ และธุรกิจอื่น ๆ อีกประมาณ 4 รายการ ได้แก่ ร่วมซื้อหุ้น ตรอ. กับเฮียตี๋ เพื่อหวังเงินปันผลกำไร จำนวน 30 หุ้น ราคา 1,000,000 บาท , ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อเหมารถตู้กับเฮียตี๋ เป็นเงินจำนวน 2,300,000 บาท
ร่วมลงทุนซื้อเหมารถเก๋งกับเฮียตี๋ 500,000 บาท , ร่วมซื้อรถเก๋งจำนวน 2 คัน กับเฮียตี๋ 367,200 บาท และเฮียตี๋ก็บอกกับตนว่าถ้าหากขายรถเก๋งของตนเองได้ เขาจะให้เงินปันผลกำไรกับตนเอง พร้อมกับเงินต้น แต่ตนเองก็ยังไม่ได้รับเงินส่วนนี้เช่นเดียวกัน ร่วมซื้อรถตู้อีก 2 คัน ราคารวม 1,000,000 บาท รวมยอดลงทุนเป็นเงินรวม 5,167,200 บาท
นอกจากนี้เฮียตี๋ยังมาชักชวนบุคคลในครอบครัวของตนอีก 2 คน ไปร่วมทำธุรกิจเงินปันผลกำไร คือ หลานชายที่ร่วมลงทุนค่าปิดรถยนต์ 1,600,000 บาท และอาม่าของตนที่ทำสัญญาร่วมลงทุนค่าปิดรถยนต์กับเฮียตี๋ 2,000,000 บาท รวมเงินทั้งหมดที่ลงทุนไม่ต่ำกว่า 19,387,200 ล้านบาท
ด้าน นายวิวา ชนะกาสี อายุ 39 ปี ลูกน้องของเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ตนทำงานกับเฮียตี๋ได้ประมาณ 4 ปี ช่วงแรก ๆ ธุรกิจเต็นท์รถของเฮียจะขายรถได้ประมาณ 15 คัน ต่อเดือน กระทั่งมาปี 2562 ธุระกิจเริ่มซบเซา ขายรถได้เดินละ 1 ถึง 2 คัน บางเดือนขายไม่ได้เลย โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปีใหม่ จนมาถึงวันนี้ รถยนต์ของเฮียตี๋ก็ยังขายไม่ได้สักคัน ต่อมาประมาณเดือน พ.ย.เฮียตี๋ ได้นำธุรกิจ ตรอ. เข้ามาทำในเต็นท์รถยนต์ แต่ก็ยังไม่ได้ลูกค้ามาใช้บริการเยอะตามเป้า เหมือนกับว่าลงทุนหลักล้าน รายได้หลักร้อย
กระทั่งวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนที่ตนจะขอลากลับไปบ้านกับภรรยา นางสุนิสา แป้นวงศ์ แม่ของเฮียตี๋ ได้ใช้ให้ตนไปซื้อกลอนกุญแจ และกำชับกับตนว่า ต้องเป็นกลอนที่สามารถล็อคประตูจากด้านในห้องได้ และตนได้ติดตั้งกลอนประตูดังกล่าวให้กับแม่เฮียตี๋ ซึ่งคิดไม่ถึงว่ากลอนที่ติดตั้งให้จะใช้ล็อกประตูเพื่อจบชีวิตแบบนี้
https://youtu.be/0Y03n0XNcq8