โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดกรุสมบัติส.ส. อู้ฟู่สุดก็ "นาที-หมอหนู" แจ้งไว้คน ละกว่า 4 พันล้าน จนสุดก็ "พิษณุ พลธี" ส.ส.ปทุมธานี ที่ตอนนี้มีอยู่แค่ 5 พันกว่า **ต้องการอะไรกันแน่!? “กมธ.ทางด่วน” ลงมติ “เสียงข้างมาก” หนุนขยายสัมปทานทางด่วน

Manager Online

เผยแพร่ 22 ส.ค. 2562 เวลา 22.02 น. • MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** เปิดกรุสมบัติส.ส. อู้ฟู่สุดก็ "นาที-หมอหนู" แจ้งไว้คน ละกว่า 4 พันล้าน จนสุดก็ "พิษณุ พลธี" ส.ส.ปทุมธานี ที่ตอนนี้มีอยู่แค่ 5 พันกว่า ส่วนส.ส.พรรคส้มหวาน ทั้งหัวหน้า-เลขาฯ-โฆษก ยังไม่มีใครแจ้ง สงสัยยังเคลียร์บัญชีไม่เสร็จ มีแต่ "ทั่นโรม" ที่แจ้งว่ายังเป็นหนี้ กยศ. อยู่เกือบ 2 แสน เจอโซเชียลฯ กระหน่ำเละ

สำนักงานคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ของบรรดา ส.ส. ที่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 ออกมาแล้ว ปรากฏว่า มีส.ส.ยื่นบัญชีมาแล้ว 414 ราย ยังไม่ยื่น 10 ราย เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการ และ มีอีกว่า 70ราย ที่ขอยื่นขยายเวลากับ ป.ป.ช.ออกไปอีก 30 วัน

สำหรับส.ส.ที่ยื่นมาแล้ว ปรากฏว่าคนที่รวยเป็นอันดับ 1 คือ "เจ๊เปี๊ยะ" นางนาที รัชกิจประการ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ภรรยา "โกเกี๊ยะ" นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ" รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แม่ทัพใหญ่ที่เป็น"เจ้าภาพ" ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ของพรรค เจ้าของอาณาจักรปั๊มน้ำมันรายใหญ่ระดับชาติอย่าง "เครือพีที" และยังจับธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีทรัพย์สินรวมกว่า 4,600 ล้านบาท รวม กระเป๋า นาฬิกาหรู เครื่องประดับ พระเครื่อง อีกเป็นกุรุส

รวยอันดับ 2 ก็คือ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ทายาท "ปู่จิ้น" ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง "ยักษ์ใหญ่" บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "ซิโน-ไทย" ที่มีรายได้อยู่ในอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ …แจ้งไว้ว่ามีทรัพย์สินกว่า 4,200 ล้าน มีหนี้ 50 ล้าน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 4,100 ล้าน ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน สิทธิสัมปทาน เงินฝาก รถยนต์หรู เรือ และที่รักชอบเป็นชีวิตจิตใจ คือเครื่องบินอีก 2 ลำ โดยลำแรกเป็น Aircraft TBM 930SOCATA TMB930(TMB 700 N) ราคา 139 ล้าน … อีกลำเป็น CIRUS SR 22T ราคา 22ล้าน สร้อย แหวน นาฬิกา เพียบ ยังมีเครื่องเบญจรงค์อีก 11 ตู้ ..

ส่วนคนนี้ "ผู้กองตุ๋ย" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ รมช.เกษตรฯ ที่แจ้งบัญชีว่ามี "คู่สมรส 2 คน" คนแรก "นางอริสรา พรหมเผ่า" มีทรัพย์สินเกือบ 800 ล้านบาท ส่วนอีกคนคือ "น้องจุ๊บจิ๊บ" น.ส.ธนพร ศรีวิราช นางสาวไทยปี 2559 นี่เอง ดีกรีความสวยไม่ต้องพูดถึง… คนนี้มีทรัพย์สิน กว่า 57 ล้านบาท รวมกับทรัพย์สินอื่นๆอีกก็ขึ้นหลักพันล้านเหมือนกัน …คนทั่วไปอาจมีคำถามว่า "ผู้กองธรรมนัส" ทำมาหากินอะไรถึงรวยพันล้าน … เฉลยว่า หลักๆ ก็เป็นเจ้าของ"โควตา" สลากกินแบ่งรายใหญ่มานมนาน ยังมีบริษัทรับงานด้านการรักษาความปลอดภัย และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกหลายบริษัท

ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และคู่สมรส "ทยา ทีปสุวรรณ" ไฮโซ นักการศึกษา ลูกสาวคนเดียวของมหาเศรษฐี "เฉลิมพันธ์-คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์" เจ้าของ ร.ร.ศรีวิกรม์ โรงแรมเพรสิเด้นท์ บ.อุตสาหกรรมพรมไทย เครื่องสุขภัณฑ์อเมริกัน สแตนดาร์ด บริษัทไทยเยอรมัน เซรามิค บ.เงินทุนหลักทรัพย์ ศรีธนา บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ (โกลเด้น แลนด์) แจ้งว่ามีทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้าน โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ เป็นเงินลงทุนของ"ทยา" กว่า 1,000 ล้าน ส่วนเงินลงทุนของ"ณัฏฐพล" มีอยู่กว่า 200 ล้าน

ยังมี ส.ส.คนดัง ที่สังคมอยากรู้ว่ารวยกันเท่าไร ก็จะขอยกตัวอย่างให้ดูกันอีกสักนิดหน่อย อาทิ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" มีกว่า 130 ล้าน… "วัน อยู่บำรุง" ลูกชายที่ใจถึง พึ่งได้ ของ "ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง" รวยกว่า 180 ล้าน …"มาดามเดียร์" วทันยา วงษ์โอภาสี แจ้งไว้กว่า 500 ล้าน …"สิระ เจนจาคะ" ที่กำลังดังอยู่ในกระแสด้วยคลิปหัวร้อนที่ภูเก็ต นี่ก็รวยกว่า 500 ล้าน .."เสี่ยท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา นี่ก็มีกว่า 700 ล้าน …

มีคนอยากรู้เหมือนกันว่า "เสี่ยเอก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคส้มหวาน อนาคตใหม่ ว่ารวยกี่หมื่นล้าน ผู้สื่อข่าวก็พยายามหารายชื่อ แต่ไม่เจอ เพราะยังไม่ได้แจ้งบัญชีต่อป.ป.ช. คงเป็นเพราะมีธุรกิจมากมาย ต้องใช้เวลารวบรวม… หรือเป็นเพราะยังเคลียร์บัญชีเรื่องเงินกู้ ที่ให้พรรคอนาคตใหม่ ยืม ยังไม่ลงตัวหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ จึงยังไม่ได้แจ้ง …นอกจากนี้ "ช่อสายแฟ(ชั่น)" พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ก็ยังไม่แจ้ง สงสัยยังตีราคาค่าเสื้อผ้า กระเป๋าแบนด์เนม และเครื่องประดับ ยังไม่เสร็จ … "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาฯพรรคส้มหวาน นี่ก็อีกคน ที่คงยุ่งอยู่กับการหาช่องกฎหมายเพื่อเล่นงาน”ลุงตู่” ก็เลยยังไม่แจ้ง …

คนดังพรรคส้มหวาน เห็นมี "ทั่นโรม" รังสิมันต์ โรม ที่แจ้งมาว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 20,263 บาท มีหนี้สินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) 202,360 บาท โดยชำระไปแล้วบางส่วน เหลือหนี้กองทุน กยศ. อยู่ 188,271.69 บาท… เรื่องที่"ทั่นโรม" ยังเป็นหนี้ กยศ. อยู่เกือบ 2 แสนนี้ เป็นกระแสฮอตมากในโซเชียลฯ …คอมเมนต์ กันกระจาย …ยกตัวอย่างว่า… เป็น ส.ส.เงินเดือนเป็นแสน ไม่รู้จักเอามาใช้หนี้ …บ้างก็ว่า เงินแค่นี้ยังรับผิดชอบไม่ได้ แล้วคุยว่าจะมารับผิดชอบประเทศ เปลี่ยนแปลงสังคม ฮี่โธ่ … ทำเอา"ทั่นโรม" รีบออกมาแก้ตัวว่า เพิ่งรับเงินเดือน ส.ส.ได้แค่ 2 เดือนเอง ไหนยังจะต้องบริจาคให้พรรคอีก … เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็เพิ่งผ่อนไป 8 พัน ซึ่งตามกติกาแล้ว กยศ. เขาเปิดโอกาสให้ผ่อนได้ถึง 15 ปี …แต่เมื่อเป็นประเด็นอย่างนี้ ก็จะรีบผ่อนให้จบก่อนกำหนดก็แล้วกัน …

ยกตัวอย่างคนรวยมาแล้วมากแล้ว คราวนี้มารู้จัก ส.ส.จนที่สุดกันบ้าง เขาคือ "นายพิษณุ พลธี" ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นอดีต สจ.ในทีมของ "ชาญ พวงเพ็ชร์" นายก อบจ.ปทุมธานี มีทรัพย์สิน 5,064 บาท เป็นเงินฝากธนาคาร ก่อนหน้านี้มีรายได้ประจำ เป็นเงินเดือนจาก อบจ. 1 เดือน 14,000 บาท ส่วนเงินเดือน ส.ส.ที่รับมา สองเดือนกว่า รวม 829,700 บาท มีรายจ่ายประจำ ที่เป็นรายจ่ายส่วนตัว 600,000 บาท ค่าอุปการะแม่ 180,000 บาท รวมรายจ่าย 780,000 บาท ตอนนี้อาศัยอยู่บ้านแม่ ย่านคลองหลวง ปทุมธานี ส่วนรถยนต์ที่ใช้ ก็ยืมเพื่อนมา…

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบรรดา ส.ส. ที่แจ้งบัญชีต่อ ป.ป.ช.แล้วเท่านั้น ยังมีอีกเกือบร้อยคน ที่ยังไม่แจ้ง …ลอตหลังนี้ อาจจะมีคนทุบสถิติรวยสุด-จนสุด ก็เป็นได้… เพราะอย่างน้อยก็มี “เศรษฐีหมื่นล้าน” อีกคน ที่ยังไม่ได้แจ้ง .

**ต้องการอะไรกันแน่!? “กมธ.ทางด่วน” ลงมติ “เสียงข้างมาก” หนุนขยายสัมปทานทางด่วน BEM มอง “รบ.-กทพ.” ได้ “สองเด้ง” ทั้งยุติข้อพิพาท 1.37 แสนล้านบาท แล้วยังได้แก้ปัญหาจราจรทางด่วน เชื่อเป็นประโยชน์ ปชช.มากที่สุด สอดคล้องแนวทาง ก.คมนาคม ที่จะคลอด 27 ส.ค.นี้ ตัดวงจร “ดอกเบี้ยวิ่งทุกวัน” แปลกแต่จริง “สหภาพฯ กทพ.” ที่ไปให้ข้อมูล กมธ.ด้วย ออกแนว “แพ้แล้วพาล” ยังส่งคนไปเย้วๆหน้าห้องประชุม “บอร์ดการทางฯ” ค้านต่อสัญญาไม่เลิก จนอดคิดไม่ได้ว่าที่เขาลือๆถึง “ไอ้โม่ง” ท่าจะจริง.

ปิดกล่องไปเป็นที่เรียบร้อย .. สำหรับการประชุมของ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (BTS) ของสภาผู้แทนราษฎร ที่มี วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน หลังจากประชุมกันอย่างดุเดือดมาตลอด 10 นัด ตามกรอบ 45 วัน ก่อนทำรายงานการศึกษาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ ..

หลังการประชุมนัดสุดท้าย ไร้เงาขาประจำอย่าง “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะโฆษก กมธ.มาร่วมแถลงข่าว ด้วยกำลังง่วนกับการฟาดฟันกับเพื่อร่วมพรรคที่ส่อเค้าปันใจให้ “รัฐบาลพลังประชารัฐ” ปล่อยคิวให้ คริส โปตระนันทน์ - ปรเมศวร์ กุมารบุญ โฆษก กมธ.มาเจี้อยแจ้วกับผู้สื่อข่าวบ้าง .. ผลปรากฎว่าในส่วนการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าระหว่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS “ส่อจะแห้ว” เมื่อเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย “เหตุผลฟังไม่ขึ้น” ข้ออ้างลดค่าโดยสาร หาก กทม.มาบริหารเอง ทำเองได้สบายมาก ..

ขณะที่การพิจารณาศึกษากรณีขยายสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) เพื่อยุติข้อพิพาทที่มีต่อกันมูลค่า 1.37 แสนล้านบาท “เสียงส่วนใหญ่” เห็นด้วยกับการต่อสัญญา 21 จาก 39 คนใน กมธ. ไม่เห็นด้วย 12 คน งดออกเสียง 5 คน ลาการประชุม 1 คน .. นอกจาก “เสียงข้างมาก” จะระบุสร้อยท้ายว่า “ต้องเสนอประโยชน์ให้แก่ประชาชนมากที่สุด” แล้ว ยังแนบเหตุผลด้วยว่า จากการพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่สั่งให้ กทพ.ชำระค่าชดเชยเป็นที่สุดแก่ BEM แล้ว 1 คดีจากข้อพิพาทที่มีต่อกัน 17 ข้อพิพาทจนถึงปี 2561 มูลค่ารวมกว่า 1.37 แสนล้านบาท แล้วเห็นว่า กทพ.มีแนวโน้มที่จะ “เสียเปรียบ” หากต่อสู้คดีที่เหลือ ..

การขยายสัมปทาน 30 ปี จะทำให้รัฐบาลและ กทพ.ได้ “สองเด้ง” คือ เด้งหนึ่ง “ยุติข้อพิพาท” 1.37 แสนล้านบาท ด้วยการต่อสัญญา 15 ปีแรก และเด้งสอง “แก้ปัญหาจราจร” ด้วยเงื่อนไขในการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 เส้นทางงามวงศ์วาน-พระราม 9 รวมไปถึงการขยายทางอีกหลายจุด สำหรับการต่อสัญญา 15 ปีหลัง .. ไม่เพียงเท่านั้น กมธ.ที่ได้รับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายยังเห็นว่า ข้อเรียกร้องจาก กทพ.บางส่วน และ สหภาพแรงรัฐวิสาหกิจ กทพ.บางส่วน ที่ต้องการดึงทางด่วนทั้งหมดกลับมา “บริหารเอง” หลังหมดสัญญานั้น “สุ่มเสี่ยงเกินไป” เพราะมองว่าเอกชนมีประสิทธิภาพในการบริหารมากกว่ารัฐ .. แนวโน้มดังกล่าวดูจะเป็นทิศทางเดียวกับคณะทำงานกระทรวงคมนาคม ที่ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงหูกวาง ตั้ง ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน กำลังจะสรุปไม่เกิน 27 ส.ค.นี้ .. ข่าวว่า ผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคม คงไม่ต่าง กมธ.ของสภาฯมากนัก เพราะ “กระทรวงหูกวาง” มีข้อมูลเชิงลึกว่า หากไม่รีบตัดสินใจบางประการโดยเร็ว จะยิ่งทำให้ภาครัฐเสียหายขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นต่อไปจนถึงปี 2578 แล้ว ยังมีเรื่อง “ดอกเบี้ยวิ่งทุกวัน” ให้ต้องกังวลด้วย ..

อะไรๆที่ใกล้จะจบแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” แล้ว แต่ยังมีรายงานข่าวจาก ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) กทพ. ที่ประชุมกันเมื่อวาน (22 ส.ค.) ว่า ยังมี “สหภาพแรงรัฐวิสาหกิจ กทพ.บางส่วน” ที่ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญา และต้องการให้ กทพ.เอาทางด่วนมาบริหารเอง ไปเย้วๆประท้วงอยู่หน้าห้องประชุมบอร์ด กทพ. .. ทั้งๆที่ “สหภาพแรงรัฐวิสาหกิจ กทพ.บางส่วน” ที่ว่านั้น ก็ได้ไปเข้ากระบวนการให้ข้อมูลต่อ กมธ.วิสามัญ ของสภาฯมาด้วยตัวเอง เรียกว่าไปขึ้นเวทีจนหมดยก กรรมการตัดสินเป็นเป็นคุณกับตัวเอง ก็เลยโร่ไปประท้วงให้เสียเรื่อง แบบนี้เข้าอิหรอบ “แพ้แล้วพาล” .. หรือต้องการอะไรกันแน่ ตามคิวที่ “คนใน กทพ.” เคยวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า เบื้องหลังการล้อรายงานศึกษาต่อสัมปทานให้ BEM มี “ไอ้โม่ง” บงการอยู่ ด้วยอยากดึงทางด่วนทั้งหมดมาบริหารเอง จะได้มีงบประมาณบริหารจัดการ - ซ่อมบำรุงต่างๆมาอยู่ในมือ แล้วจะได้ถลุงเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง-พวกพ้องหรือเปล่าหว่า??.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0