โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เช็คเรตติ้งแคนดิเดตชิงผู้ว่าฯกทม. "ชัชชาติ" แรง หลัง "ผู้ว่าฯฌรงค์ศักดิ์" ไม่แสดงความเห็น **ถึงเวลาที่ คสช.ต้องอำลา หลังจากนี้ ไม่มี "รัฏฐาธิปัตย์" ไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่มีมาตรา 44

Manager Online

เผยแพร่ 15 ก.ค. 2562 เวลา 22.02 น. • MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เช็คเรตติ้งแคนดิเดตชิงผู้ว่าฯกทม. "ชัชชาติ" แรง หลัง "ผู้ว่าฯฌรงค์ศักดิ์" ไม่แสดงความเห็น ขณะที่ ปชป.ลั่น พปชร.ไม่เคยล็อบบี้ให้เปิดทาง

ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หนนี้ เชื่อกันว่าจะมีชื่อแคนดิเดตเบอร์ใหญ่ ลงชิงชัยกันโครมคราม… ที่ชัดเจนน่าจะเป็นพรรคเพือไทยที่ชู "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ขณะที่พลังประชารัฐ ทาบทาม "ฮีโร่ถ้ำหลวงฯ " ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ที่ชื่อชั้นพอฟัดพอเหวี่ยงเข้าสู้ … ทว่า หลังจากผู้ว่าฯคนดังแสดงความเห็นเป็นนัยว่า ยังไม่ตอบตกลงคะแนนนิยมที่เปิดโหวตในโลกออนไลน์อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. จึงเทไปที่ "ชัชชาติ"

"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ที่เรตติ้งดี อาจจะเพราะสองพรรคใหญ่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการวางตัวผู้สมัคร ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า พรรคพลังประชารัฐ ล็อบบี้ ประชาธิปัตย์ ขอให้เปิดทาง ไม่ส่งคนลงสมัครแข่ง เพราะกลัวจะตัดแต้มกันเอง ยิ่งทำให้ "ชัชชาติ" นั้นดูโดดเด่น

แกนนำประชาธิปัตย์ วันนี้ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องล็อบบี้ไปแล้วว่า ไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าจะส่งคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. แนน่อน ส่วนจะเป็นใคร มีตัวเลือกอยู่หลายคน … ว่ากันว่าประชาธิปัตย์ คิดหนักมากที่จะหาคนลงสู้ "ชัชชาติ" ของเพื่อไทย หรือ ถ้าจะเป็นผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ เพราะต่างเป็นเบอร์ใหญ่ ที่ถ้าไม่จัดเบอร์ใหญ่จริงลงสู้ก็เสียฟอร์มพรรคเก่าแก่ ที่เคยยึดครองพื้นที่กทม. มาช้านาน

งานนี้จะทำตัว "ลับ ลวง พราง" คงไม่ไหว คู่แข่งเปิดตัวชัดขนาดนี้ ตัวเลือกจึงอาจจะต้องเป็น"ไฟต์บังคับ"ด้วยการเชิญอดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี ขวัญใจแม่ยกชาวกทม. หล่อใหญ่ "มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงจะมีสิทธิ์ฝันถึงชัยชนะ … แว่วว่า "อภิสิทธิ์" อาจจะไม่สนใจ เพราะบินสูงไปอยู่บนหิ้ง หากมาลงสนามกทม. ดูเหมือนไม่สมศักดิ์ศรี ทางพรรคจึงมีรายชื่อสำรอง ทั้ง "หล่อเล็ก" อภิรักษ์ เกษะโยธิน ที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว กระทั่ง "กรณ์ จาติกวณิช" ที่โปรไฟล์พอสู้ได้กับ "ชัชชาติ"

ศึกชิงผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ ใหญ่หลวงนัก ไม่มีใครยอมใครแน่ แม้แต่ "พรรคอนาคตใหม่" ที่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้คะแนนคนกรุงไปเยอะ ก็ถูกจับตาว่าจะลงสู้ด้วยหรือไม่ … ว่ากันว่า "อนาคตใหม่" ก็อยู่ระหว่างชั่งน้ำหนัก ขณะที่ตอนนี้ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค และ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช เดินสายลั๊นลา ทัวร์ยุโรป ซึ่งมีอวดโอ่กิจกรรมออกมาเป็นระยะตามปกตินิสัย จนเป็นดรามาว่ากำลังศึกษาโมเดล ผู้ว่าฯ เมืองหลวงประเทศชั้นนำ หลังประกาศจะเขย่าการเมืองท้องถิ่น เตรียมเดินหน้าแคมเปญ ในเดือนสิงหาคมนี้

เคลื่อนไหวกันคึกคักแบบนี้ ก็น่าลุ้นกันสนุก แต่อีกด้านหนึ่งของผู้ว่าฯกทม. คนปัจจุบันมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า "บิ๊กวิน" พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นเวลาเพียงสั้นๆ จากนั้นนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ว่า "ผู้ว่าฯอัศวิน" ไม่ได้มาหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แต่อย่างใด และ พล.ต.อ.อัศวิน จะอยู่ดำรงตำแหน่งจนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งหัวหน้าคสช. และถึงแม้ว่า ไม่มี คสช.แล้ว คำสั่งดังกล่าว ก็ระบุว่าจะอยู่ต่อไป จนกว่านายกรัฐมนตรี จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หากนายกฯ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องให้ ปลัดกทม. ทำหน้าที่รักษาการไปก่อน แต่ไม่สามารถออกคำสั่งแต่งตั้งคนใหม่ได้

ยังไงล่ะทีนี้ ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ หรือต้องรอไปก่อน ยาวๆ

**ถึงเวลาที่ คสช.ต้องอำลา หลังจากนี้ ไม่มี "รัฏฐาธิปัตย์" ไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่มีมาตรา 44 มีแต่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เท่านั้น

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในช่วงเย็นวันนี้ (16ก.ค.)แล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี ที่บริหารราชการแผ่นดินมาก่อนหน้านี้ ก็จะสิ้นสุดลง

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ่านสารจากหัวหน้าคสช. ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15ก.ค. เพื่อเป็นการอำลาพี่น้อง ประชาชน หลังจากได้ปฏิบัติภารกิจในในฐานะ “หัวหน้าคสช.”มาเป็นเวลากว่า 5 ปี… โดยกล่าวย้อยทวนไปถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงที่ก่อน คสช. จะเข้ามาว่า ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในความขัดแย้งแบ่งฝ่าย อย่างรุนแรง จาก "ปัญหาการเมือง" ส่งผลถึงการบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารจัดการด้านงบประมาณ ทุกอย่างสับสน วุ่นวายจนแทบจะกลายเป็น ”ประเทศที่ล้มเหลว” อยู่แล้ว…

เมื่อคสช.เข้ามา ก็ได้จัดการเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และปัญหาที่คั่งค้างหมักหมมมานาน อย่างเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน การพิจารณาคดีต่างๆ ที่คั่งค้าง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาชนทุกสาขาอาชีพ เรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าอยู่ น่าท่องเที่ยว น่าลงทุน เหมือนแต่เก่าก่อน นอกจากนี้ยังมีการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ และการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต …

ความสำเร็จในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ คสช.ได้นำพาประเทศไทย เข้าสู่ขั้นตอนของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์ มีสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากความเห็นชอบของรัฐสภา สิทธิ เสรีภาพ ต่างๆ ได้รับหลักประกันคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามแบบอย่างนานาอารยประเทศ ปัญหาทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขตามกฎเกณฑ์ปกติในระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มีอำนาจพิเศษใดๆ อีกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า อยากให้พี่น้องประชาชนได้นึกทบทวนว่า บ้านเมืองของเราในวันนี้ มีอะไรดีขึ้นบ้าง มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง หากมีส่วนที่ดีขึ้น ก็ขอให้พวกเราภูมิใจ ว่า นั่นคือผลที่เกิดจากความตั้งใจ และความร่วมมือของเราทุกคน ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบัน … สิ่งใดที่ยังไม่สำเร็จก็ต้องดำเนินการในรัฐบาลต่อไป ขอเพียงพวกเรามี "ความรัก ความสามัคคี" ทุกอย่างย่อมสำเร็จลุล่วงได้

นับจากนี้ไป "รัฐบาลใหม่" จะมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ราคาสินค้า ราคาผลผลิตทางการเกษตร การแก้ปัญหาสังคม ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การแก้ปัญหาการปกครอง การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การออกกฎหมาย และการเร่งรัดเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทุกกลุ่มอาชีพ ทุกพื้นที่ต่างรอคอย ก็จะได้รับการสานต่อและเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้รัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า การปกครองของประเทศเรา จะอยู่ได้ก็ด้วย 3 เสาหลักทำงานประสานกัน คือ "ภาคการเมือง ภาคข้าราชการ และภาคประชาชน" ที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกัน สิ่งที่ คสช.ได้ทำมาตลอดระยะเวลา 5 ปีนั้น จะเป็นรากฐานให้ รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ของประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่มีการแบ่งแยกภาคหรือจังหวัด หรือแบ่งพื้นที่ตามฐานเสียงพรรคการเมืองใดๆ … จึงขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของรัฐ ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ ฝ่ายนิติบัญญัติใหม่ ในอันที่จะรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และรักษาวัฒนธรรม และวิถีชีวิตแบบไทยให้คงไว้ รวมทั้งสร้างความรัก ความสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ จิตอาสา เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประเทศชาติสืบไป…

หลังจากวันนี้ จะไม่มี คสช. ไม่มี"รัฏฐาธิปัตย์" ไม่มีมาตรา 44 ไม่มีอำนาจพิเศษอีกต่อไป … จะมีแต่ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0