โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘ลงทุนเอง’ และ ‘ผ่านกองทุน’…สามารถทำคู่กันได้!!!

Wealthy Thai

อัพเดต 12 มี.ค. เวลา 09.10 น. • เผยแพร่ 06 ส.ค. 2564 เวลา 13.00 น. • ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์

เชื่อว่าเมื่อหลายคนที่ได้เริ่มเก็บออมเงินและเริ่มลงทุน นอกจากคำถามที่ว่าเลือกลงทุนในหลักทรัพย์อะไรดี? ช่วงนี้เหมาะหรือไม่? อีกหนึ่งโจทย์คำถามของการลงทุนว่าลงทุน ก็คือ “ซื้อหุ้นลงทุนเอง”…หรือ “ซื้อกองทุนรวมอันไหนดีกว่า?”
ดร.วิน:ผมขอเริ่มให้ข้อมูลดังนี้นะครับ
ประการแรก:ที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างการ‘ซื้อหุ้นด้วยตนเอง’กับการ‘ซื้อกองทุนรวม’คือ ความยืดหยุ่นในการ‘ซื้อหุ้น’กับความยืดหยุ่นในเรื่องของ‘น้ำหนักการลงทุน
ประการที่2:‘การลงทุนด้วยตนเอง’นั้นสามารถเลือกลงทุนหุ้นและซื้อได้ตามจำนวนที่ต้องการ ขณะที่‘กองทุนรวม’หุ้นจะคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนโดยผ่านการคัดกรองจากคณะกรรมการการลงทุน หรือ Investment Committee ซึ่งประกอบไปด้วยผู้จัดการกองทุน ผู้บริหารความเสี่ยง รวมไปถึงนักวิเคราะห์ ซึ่งจะคัดเลือกหุุ้นต่างๆ ที่จะลงทุน และอยู่ในกรอบข้อกฏหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีกำหนดให้ลงทุนได้‘ไม่เกิน 15%’ในแต่ละตัวเงื่อนไขลงทุนให้เกิดการกระจายการลงทุน
“ด้วยข้อแตกต่างใน 2 ประเด็นนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนนั้นจึง‘แตกต่างกัน’ การ‘ซื้อหุ้นด้วยตนเอง’มีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนที่สูงแต่หากราคาปรับตัวลงก็อาจจะขาดทุนได้มากเช่นเดียวกันนะครับ แต่หากเป็น‘กองทุนรวม’แล้วผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะไม่ขึ้นสูงมากด้วยข้อจำกัดการลงทุนดังกล่าว แต่หากหุ้นปรับตัวลงก็ไม่ขาดทุนมากเหมือนการลงทุนด้วยตนเอง”

ดังนั้นแล้ว ถามว่าการลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน ..?

ดร.วิน:เนื่องจากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์‘หุ้น’ที่เหมือนกัน ผมอยากให้คำแนะนำการลงทุนให้เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละประเภทดังนี้ครับ หากเป็น‘นักลงทุนที่มีความรู้’ความเข้าในตลาดและมีความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นแล้ว การลงทุนในหุ้นด้วยตนเองอาจจะเป็นประโยชน์ แต่หากเป็นนักลงทุนที่‘ไม่มีเวลา’หาข้อมูล และยัง‘มีความเชี่ยวชาญไม่มาก’การเลือกลงทุนในกองทุนรวมถือว่าความเหมาะสม
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน‘มือใหม่’หรือเป็นผู้ที่‘มีประสบการณ์’ลงทุนมาแล้ว ก็สามารถเลือกลงทุนในหุ้นด้วยตนเองและลงทุนในกองทุนรวมไปพร้อมกันได้นะดังนี้ครับ
1. สำหรับนักลงทุนมือใหม่แนะนำลงทุนหุ้นด้วยตนเอง‘ไม่เกิน 20%’อีก‘80%’ลงทุนในกองทุนหุ้น
2.เมื่อเริ่มมีความเข้าใจการลงทุนมากขึ้นให้เพิ่มการลงทุนหุ้นด้วยตนเองเป็น50%ลงทุนในกองทุนหุ้น50%และ
3.หากเป็นผู้ชำนาญการลงทุนมากขึ้น มีเวลาในการหาข้อมูลและคาดการณ์ทิศทางตลาดได้อาจเลือกลงทุนด้วยตนเองในสัดส่วน70-80%อีก20%ลงทุนในกองทุนรวม เน้นกองทุนหุ้นที่หลากหลาย ทั้ง กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ กองทุนรวมดัชนีหุ้น (Index Fund) รวมไปถึงกองทุนหุ้นขนาดกลางเล็ก
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ให้เลือกลงทุนใน‘กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่’และ‘กองทุนรวมดัชนีหุ้น’จะปลอดภัยกว่า”

ส่วนอีกคำถามที่มีมากไม่แพ้กันคือ จะ ‘เลือกกองทุนรวมกองที่ไหนดี?’ เพราะมีหลากหลาย บลจ.และกองทุนให้เลือกมากมาย

ดร.วิน:คำถามนี้ผมขอให้คำแนะนำว่า ให้พิจารณาจากปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1. ผลดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนจากmorningstarthailand.comของ‘สมาคมจัดการกองทุน (AIMC)’ดูความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบแทนที่ชนะดัชนีตลาด
2. พิจารณาผู้จัดการกองทุนและทีมการลงทุนที่‘มีประสบการณ์’และแนวความคิดในการบริหารกองทุนรวม และ
3.พิจารณาในเรื่อง‘ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest)’ของบริษัทที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรม
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ลงทุนทั้ง‘มือใหม่’ และ ‘ผู้ที่มีประสบการณ์’ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนนะครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0