โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เช็กระดับความ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ในตัวคุณ

HealthyLiving

อัพเดต 18 ก.ย 2562 เวลา 19.24 น. • เผยแพร่ 18 ก.ย 2562 เวลา 00.00 น. • Healthy Living
thumb_expert dao2.jpg

คนหลายคนชอบคิดว่าตัวเองมี Empathy หรือเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทั้งๆที่ความจริงไม่มีเลย แล้วนี่ก็เป็นอุปสรรคใหญ่ๆอันนึงที่ทำให้คนไม่ได้ขวนขวายอยากจะเพิ่มทักษะการมี Empathy เพราะคิดว่าตัวเองจิตใจดีแล้ว มีความเห็นใจคนอื่นเป็นทุนตามธรรมชาติ จริง ๆ แล้วมันมีวิธีเช็ค แล้วมันก็มีระดับของมัน 5 ระดับ ** “นี่หนูเชื่อเรื่องบุญไหม…” ป้านิดในวัย 82 ที่นั่งอยู่บนเบาะหลังรถของเพื่อนบ้านที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน “หนูเนี่ยนะได้บุญเยอะมาก มีน้ำใจแวะรับป้า หนูกับแม่ได้บุญเยอะน๊า” ป้านิดพูดด้วยน้ำเสียงดีใจปนโล่งใจที่มีรถของคนไม่รู้จักจอดรับป้าที่กำลังเดินอยู่กลางแดดตอนเที่ยงครึ่ง  ภายใต้ร่มสีบานเย็นมีหญิงสูงไวผมขาวทาปากสีม่วงบานเย็นสีเดียวกับร่มที่ใช้ ป้านิดใส่กางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด ป้าเดินอยู่ลำพังเพื่อรอให้วินมอเตอร์ไซค์ซักคันโฉบผ่านมาให้เรียก แต่รถของเพื่อนบ้านคันหนึ่งจอดประกบเสียก่อน  “ป้าคะ แดดร้อนมากนะคะ ไปปากซอยไหม ไปด้วยกันไหมคะ” ป้านิดหุบร่มทันทีและกระโดดขึ้นรถด้วยความดีใจ คือจุดที่ป้ายืนอยู่ห่างจากปากซอยใหญ่ 600 เมตรได้  “นี่หนูเชื่อเรื่องบุญไหม…” ป้านิดเปล่งเสียงด้วยความดีใจและโล่งใจที่ไม่ต้องเดินระยะไกลขนาดนั้น “…อืม เรื่องบุญไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แต่เห็นป้าเดินกลางแดดแล้วดูเหมือนก็จะออกไปทางเดียวกันก็เลยแวะถาม ก็ธรรมดานะคะป้า”“ไม่จริงอ่ะ ป้าเดินอย่างนี้บ่อย รถก็ผ่านไปเฉยๆ ไม่เห็นมีใครหยุดถาม”  ป้านิดยืนยันว่าป้าได้รับ Empathy จากเพื่อนบ้านคนนี้และเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งเพื่อนบ้านคนนี้ มีความเห็นใจระดับ3 แล้ว เป็นระดับที่คนเราสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกคนหนึ่งและมองเห็นความนึกคิดของเขา แล้วสื่อสารออกมาว่าสัมผัสมันได้ การที่เพื่อนบ้านจอดรถ ลดกระจกแล้วหยุดถามป้านิด นั่นคือการแสดงออกทั้งภาษาร่างกายที่เป็นการกระทำและภาษาพูดว่ารับรู้ว่าป้านิดร้อนและเผชิญความลำบากและต้องการจะหาตัวช่วยเพื่อให้ไปปากซอย  เชื่อว่าเวลาที่คนมองเห็นคนที่เดินกลางแดดบนท้องถนน ก็ไม่ใช่ทุกคนอยากจะมีความเกี่ยวพันกับคนคนนั้นจนถึงขั้นหยุดเพื่อสื่อสารอะไร  บางคนเห็นแล้วแต่ไม่กล้าแวะถามทักเพราะอาย กังวลว่าถ้าเกิดจอดถามแล้วถูกปฏิเสธก็จะยิ่งหน้าแตกไปอีก ห่วงแต่ความรู้สึกตัวเอง หรือบางคนเห็นแล้วก็แต่คิดเหมาเอาเองว่ามนุษย์คนนั้นคงอยากเดิน หรือไม่ก็คิดเองว่าเค้าคงไม่ได้ไปทางเดียวกับเราหรอก หรืออาจจะค่อนแคะไปอีกว่าก็ช่วยไม่ได้ไม่ซื้อรถเอง  มนุษย์ที่เพิ่งกล่าวมาทั้งหมดนี้มี Empathy อยู่ระดับที่1 ต่ำสุดเลย คือ เห็นคนอีกคน แต่ไม่เห็นเยื่อใยความเกี่ยวโยงใดใดระหว่างตัวเรากับตัวเขาเลย หรือไม่ก็เห็นแต่ความคิดและรู้สึกของตัวเองเป็นตัวตั้ง  ประมาณว่า “ฉันรู้น่าว่าป้าเค้าอยากเดิน!”  มั่นใจแต่ความคิดตัวเอง แล้วไม่เหลือพื้นที่ว่างใดใดให้กับความจริงของอีกฝั่งเลย แบบนี้เรียก Empathy เท่ากับศูนย์ Empathy ระดับนี้คือ “สายไม่แคร์ ไม่เกี่ยวกัน ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ชีวิตนี้ฉันแค่ฉันก็เยอะมากพอแล้วสำหรับชีวิต”  มนุษย์ Empathy เท่ากับศูนย์เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้กับคนที่อาจจะมี Empathy มากๆเป็นทุนเดิม แต่กำลังจ่อมจมอยู่กับภาวะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าหรือแก้ปัญหาชีวิตตัวเองยังไม่ตก บางทีเราก็อยากจะปิดประตูความคิดความรู้สึกให้ตัวเองอยู่กับตัวเองก็เกิดขึ้นได้ แต่บางคนก็มี Empathy ระดับนี้เสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่เยาว์วัยไล่ไปจนแก่ เขาเหล่านี้ก็จะเหงา ๆ โกรธ ๆ โลกสักหน่อยเวลาที่โตมาแล้วต้องการใครสักคน แล้วมันก็มี Empathy ระดับกระเถิบขึ้นมาอีกนิด ระดับที่ 2บางคนอาจจะเห็นป้านิดคนนั้นแล้วแล้วอธิษฐานจิตขอให้คนนั้นเดินเจอวินมอเตอร์ไซค์โดยไวด้วยเทอญ หรือรู้สึกได้ว่าป้านิดต้องร้อนมาก ๆ แน่แล้วก็หันไปก่นด่าลูกหลานป้านิดในใจว่าทำไมไม่ดูแลป้าให้ดีกว่านี้ หรืออาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลำบากในความร้อนแดดของป้าแต่คิดนานจนเลยไปถึงปากซอยด้านหน้าแล้วบอกมอไซค์ว่าให้ช่วยวิ่งเข้าไปรับป้าที  มนุษย์เหล่านี้ทำให้โลกเราน่าอยู่และมีความหวังขึ้นอีกนิดนึงเพราะเขาสามารถสัมผัสถึงสิ่งที่อีกคนกำลังเผชิญได้ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่ตัดสินใจเชื่อมโยงหรือไม่มีทักษะเชื่อมโยงไปที่คนคนนั้นโดยตรง ป้านิดเลยก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ารถคันที่เพิ่งขับผ่านไปเค้ามีความเห็นใจให้ป้านะ ป้าก็ยังหมดหวังกับโลก ณ พุทธศักราชนี้เหมือนเดิม  ป้าท้อแท้เท่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือมีวินมารับเร็วขึ้น เรียกเบา ๆ ว่าเป็น “สายรับรู้นะ แต่ไม่แสดงออก บอกไม่เป็น เน้นฟังก์ชั่นเพียวๆ” รับรู้ความรู้สึกและความคิดคนอื่นได้ แต่ไม่สื่อสารบอกเจ้าตัวว่ารับรู้ได้แล้วก็มุ่งแก้ปัญหาให้เลยจบ ๆ ไป หลายคนติดกับอยู่ระดับ 2 มาค่อนชีวิต ถ้าอยากขยับสักนิดเป็นหน่วยกู้ใจให้สังคมน่าอีกอยู่อีกหน่อยจะชวนเดินมาใช้ Empathy ระดับที่ 3 ระดับคือสามารถรับรู้สิ่งที่อีกคนกำลังพบพานอยู่ได้ชัดเจนดีทั้งในรูปความรู้สึก ความคิดและการดิ้นรนแล้วเค้าสามารถสื่อบอกคนคนนั้นตรง ๆ ทั้งด้วยภาษาพูดและภาษากายได้ว่า “ฉันสัมผัสมันได้นะว่าคุณกำลังเผชิญอะไรอยู่”  เช่น เมื่อเห็นป้าแล้วอาจจะจอดถามป้าว่าร้อนมากเลยนะคะป้า อยากขึ้นรถมาด้วยกันไหมคะ ป้าจะเดินไปปากซอยรึเปล่าคะ อากาศร้อนมาก ป้าไปด้วยกันไหมคะ ซึ่งถ้าป้านิดอยากจะเดินต่อและปฏิเสธมา ก็ยังถือมิชชั่นของเหล่าระดับ 3นั้นสำเร็จสมบูรณ์แล้ว  เพราะคุณได้ส่งความเห็นอกเห็นใจให้เพื่อนมนุษย์หนึ่งได้รับรู้ไว้ว่า “เขาถูกเห็นจากเพื่อนมนุษย์อีกคนนึงนะ” แล้วจิตใจป้าก็จะถูกชโลมด้วย Human connection ไปอีกสักระยะหนึ่ง แม้ว่าป้าอาจจะเดินท้าแดดไปจนถึงปากซอยก็ตาม แล้วพลังความเห็นใจยังสามารถถูกถีบขึ้นไปได้มากว่านี้ถ้าเพื่อนบ้านคนนี้ต้องการ ภาพตัดมาในรถ “ป้ากำลังเดินทางไปไหนคะ” “ไปออฟฟิศค่ะหนู” “ออฟฟิศอะไรคะ ป้าทำอะไร” “ป้าขายอาหารเสริมหนู กินแล้วแข็งแรง ไม่ใช่ว่าบอกว่าดีแล้วจะขายนะ อะไรป้าว่าดีหนูไม่ต้องซื้อก็ได้นะคะ” “ใช่ค่ะ ใครขายอะไรก็ว่าสิ่งนั้นดีทั้งนั้น คุณป้าดูแข็งแรงและสดชื่นมากนะคะ” “โอ้วว ขอบคุณจ้ะหนู ป้าก็ดูแลตัวเอง ป้าไม่มีลูก เดิมเคยมีน้องสาวเราก็ดูแลเค้า แต่พอตอนนี้เค้าตั้งตัวได้ เค้าไม่ดูแลเราแฮะ ฮ่าๆๆๆ” ป้าแชร์เรื่องของตัวเองด้วยเสียงหัวเราะปนความน้อยใจ “มันเกิดขึ้นได้ค่ะป้า เวลาเราเคยดูแลใครก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะมาดูแลเรา…ดูเหมือนป้าดูแลตัวเองได้อยู่แล้วนะคะ” เขาคุยกันอยู่สามนาทีได้ก่อนที่เราทั้งคู่จะลงจากรถแยกย้ายกัน  ทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ระดับที่ 3 ก็สามารถสร้างสังคมให้น่าอยู่ขึ้นได้ แต่ถ้าใครมี Empathy อยู่ในระดับนี้อยู่แล้วแล้วอยากพาตัวเองสู่ Empathy ระดับ4 หน้าตามันเป็นแบบนี้เลย นอกจากเพื่อนบ้านจะสามารถสื่อความเห็นใจออกมาแล้วยังสามารถมองเห็นถึงความรู้สึกลึกซึ้งอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่นอกจากการเดินอยู่ในแดดร้อน ๆ ของป้า  มันคือการมองเห็นและได้ยินความคิดและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าความรู้สึกที่ในกิจกรรมฟังก์ชั่นที่ป้าทำอยู่ (ซึ่งแน่นอนว่ามันได้มาจากการถามและสร้างบทสนทนา) เช่น ในสถานการณ์นี้เพื่อนบ้านรับรู้ว่าป้ามีความชื่นใจในการถูกชวนขึ้นรถแล้วป้ายังมีความภูมิใจกับงานที่ตัวเองทำและมีความน้อยใจนิด ๆ กับการที่น้องสาวไม่ดูแล เมื่อเพื่อนบ้านเห็นดังนั้นก็สามารถสะท้อนให้ป้ารับรู้ได้ว่าเขาเห็นความรู้สึกและได้ฟังเรื่องอื่น ๆ ของป้าด้วยนะ  แล้วถ้าอยากเพื่อนบ้านอยากจะเร่งรัดอัด Empathy ตัวเองไประดับ 5 อันนี้ก็อาจจะต้องพึ่งพาการเรียนเฉพาะทางเพราะมันเป็นระดับที่นักจิตบำบัด นักจิตวิทยา และจิตแพทย์ใช้กันเพื่อให้คนอีกคนเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งจากสิ่งที่เค้าก็อาจจะถอดรหัสเองไม่ออก ต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญมอง เชื่อมโยงและช่วยให้คนคนนั้นเห็นความรู้สึกและความคิดที่ตัวเองมี ในชีวิตทุกวันนี้ Empathyระดับ 3 ก็ถือว่าดีงามมากแล้ว ความเห็นใจหรือ Empathy ไม่ใช่เป็นเรื่องศีลธรรมถูกผิดที่ทุกคนจงพึงมี ถ้าคุณไม่อยากมีก็ไม่มีใครว่าผิดอะไร แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งคนที่มองเห็นว่าสังคมรอบตัวที่เราอยู่มันดูแห้งแล้งห่างเหินกันมากไป คุณสามารถปรับมันด้วยการสร้าง Empathy ให้เกิดเยื่อใยต่อมนุษย์รอบตัวได้ เพราะเราทุกคนคือคำว่าสังคม สังคมจะหน้าเป็นไปตามที่คนในสังคมสร้างและปฏิบัติต่อกัน และขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการสร้างบุญอะไร แต่เป็นเรื่องสร้างสายใยที่ถักทอต่อกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ในสังคม  โดย ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัดที่อยากให้คุณใช้ "ใจ" ฟังกันและกันมากขึ้น 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0